การกระทำใดไม่ได้เป็นไปเพื่ออัลลอฮฺ
ผู้กระทำก็ย่อมไม่ได้รับผลตอบแทน
ผู้กระทำโดยไม่เป็นไปตามบัญชาของอัลลอฮฺและรสูลของพระองค์
ก็ย่อมไม่ถูกตอบรับเช่นเดียวกัน
ผู้ใดที่ประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใดที่อัลลอฮฺและรสูลของพระองค์ไม่อนุญาตในเรื่องศาสนานั้น
ก็ย่อมไม่ใช่ส่วนหนึ่งของอิสลาม
ผู้ใดคิดค้นสิ่งที่ไม่มีรากฐานทางศาสนาใดๆ
สนับสนุนเอาไว้ย่อมไม่ถูกพิจารณา
ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องศาสนาย่อมต้องมีหลักฐานรองรับ
สิ่งที่ต้องอ้างหลักฐานนั้น ก็เพื่อยืนยันสถานะหรือไม่ก็ปฏิเสธสถานะของสิ่งนั้นๆ
รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ (ร่อฎียัลลอฮุอันฮา)
เล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม) กล่าวว่า
“ผู้ใดประดิษสิ่งใหม่ขึ้นในศาสนาของเรานี้ อันเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของคำสอนในศาสนา สิ่งนั้นถูกปฏิเสธ”
ในรายงานของอิมามมุสลิม ใช้ถ้อยคำว่า
“ผู้ใดกระทำสิ่งใดที่ไม่อยู่ในพื้นฐานศาสนาของเรา สิ่งนั้นถูกปฏิเสธ” (บันทึกหะดิษโดยอิมามอัลบุคอรีย์ และมุสลิม)
ผู้ใดประดิษฐ์สิ่งใดด้วยตนเองในเรื่องศาสนา
อันเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของคำสอนในศาสนา คือมันค้านกับคำสอนและไม่มีรากฐานใดๆมาอ้างอิงหรือสนับสนุน
สิ่งนั้นย่อมถูกปฏิเสธ
การทำสิ่งใดโดยคิดเอาเองว่าเป็นสิ่งที่ทำเพื่ออัลลอฮฺตะอาลา
ทั้งๆที่อัลลอฮฺและรสูลไม่ได้นับการกระทำนั้นเป็นงานดีที่จะนำเสนอต่อพระองค์ได้
หรือการกระทำนั้นอาจถูกห้ามเอาไว้ชัดเจนแล้ว อันเป็นกระทำที่ค้านกับบทบัญญัติ
และอ้างว่านั่นคืออิบาดะฮฺที่เขาทำเพื่ออัลลอฮฺตะอาลา
การกระทำของทุกๆคนย่อมต้องอยู่ภายข้อตัดสินทางบทบัญญัติ
โดยใช้มันเป็นตัวตัดสินทั้งคำใช้ คำห้าม
ผู้ใดที่การกระทำดำเนินอยู่ในขอบเขตและตรงกับกฎของอัลลอฮฺ มันถูกยอมรับ
อะไรที่ออกไปจากนั้นถูกปฏิเสธ
และผู้ที่กระทำงานที่ถูกปฏิเสธนั้น อาจไม่ใช่ผู้คิดประดิษฐ์มันขึ้นมาเอง
แต่อาจทำตามผู้อื่นนั้นด้วย
ท่านอิมามอันนะวะวีย์กล่าวว่า
“ประโยชน์ที่ได้รับจากรายงานของอิมามมุสลิมในอีกสำนวนก็คือ
สำนวนแรกนั้นบ่งบอกในทำนองว่าใครเป็นผู้คิดค้นมา
การกระทำของเขาผู้นั้นถูกปฏิสธและเขาได้รับโทษ ขณะที่ผู้กระทำตามในแบบเดียวกันอาจอ้างว่า
ตัวเขาไม่ได้เป็นผู้คิดค้นประดิษขึ้น เขาเพียงทำตามเท่านั้น
ถึงตรงนี้ให้ใช้สำนวนของอิมามมุสลิมตอบโต้เขา
เพราะมีสำนวนชัดเจนว่าผู้ที่กระทำงานที่ถูกปฏิเสธนั่นอาจไม่ใช่ผู้คิดประดิษฐ์มันขึ้นมาเองก็เป็นได้”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น