อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ศิลอดที่ได้แค่ความหิวกระหาย


เดือนรอมาฎอนทั้งเดือน เป็นเดือนที่เหล่าบรรดาชัยฏอนและญิณที่เกเรจะถูกล่ามพันธนาการไว้ แต่จิตรใจของเราก็ยังวอกแวก ยังไม่ละทิ้งนิสัยเดิมๆ ยังกระทำไปตามใจอารมณ์ตัวเอง อันเป็นเพราะนัฟซูของเราที่ใฝ่หามัน

ท่านร่อซูล ศ็อลลัล ลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

إِذَا كَانَ أَوَّلُ لَيْلَةٍ مِنْ شَهْرِ رَمَضَانَ صُفِّدَتْ الشَّيَاطِيْنُ وَمَرَدَةُ الْجِنِّ

"เมื่อย่างเข้าสู่ราตรีแรกของรอมฎอน เหล่าชัยฏอนและญินที่เกเรจะถูกล่ามพันธนาการ" (บันทึกโดยอัตติรมีซียฺ และอิบนุมาญะฮฺ)

ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ที่กล่าวว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
وَيُصَفَّدُ فِيْهِ مَرَدَةُ الشَّيَاطِيْنِ
"และชัยฏอนหัวโจกถูกใส่ตรวนในเดือนรอมฎอน" (บันทึกโดยอะหมัด)

การกระทำตามนัฟซูของตัวเรานี้เอง  ทำให้เราถือศิลอดไปเพียงอดอาหารเครื่องดื่ม แต่การกระทำอื่นๆที่ต้องละเว้นขณะถือศิลอดก็ยังกระทำอยู่ ไม่ว่าการพูดนินทาใส่ร้ายผู้อื่น การฟัง การสอดสายตาไปมองในสิ่งที่ศาสนาห้าม การคิดไปในสิ่งที่ไม่ดีไม่ควร เป็นต้น การกระทำเหล่านี้ มันกลับทำให้การถือศิลอดของเราได้รับเพียงความหิวกระหายเท่านั้น แต่กลับไม่ได้รับการตอบแทนใด ๆ หรือผลบุญจากการถือศีลอดเลย

รายงานจากอะบีฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ แจ้งว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

( مَنْ لَمْ يَدَعْ قَوْلَ الزُوْرِ وَالعَمَلَ بِهِ فَلَيْسَ اللهِ حَاجَةً أَنْ يَدَعَ طَعَامَهُ وَشَرَابَه ) رواه البخاري

ความว่า “ผู้ใดไม่ละเว้นการพูดเท็จและการกระทำที่เป็นเท็จ อัลลอฮฺก็ไม่ทรงประสงค์การอดอาหารและเครื่องดื่มของเขา” บันทึกโดย : อัลบุคอรียฺ
กล่าวคือเขาจะไม่ได้รับการตอบแทนใด ๆ หรือผลบุญจากการถือศีลอดของเขา
รายงานจากอะบีฮุรอยเราะฮฺ แจ้งว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

( لَيْسَ الصِّيَامُ مِنْ الأَكْلِ وَالشَّرَابِ ، إِنَّمَا الصِّيَامُ مِنَ الَّلغْوِ وَالرَّفَثِ ، 
فَإِنْ سَابَّكَ أَحَدٌ أَوْ جَهِلَ عَلَيْكَ فَقُلْ : إِنِّي صَائِمٌ إِنِّي صَائِمٌ )
رواه ابن خزيمة والحاكم وسنده حسن

ความว่า “การถือศีลอดมิใช่ (การละเว้น) จากการกินการดื่มเท่านั้น แต่การถือศีลอด (จะต้องละเว้น) จากการพูดจาหรือการกระทำที่ไร้สาระและการพูดจาหยาบคายด้วย หากมีผู้ใดมาสบประมาทหรือเยาะเย้ยท่าน ก็จงกล่าวแก่เขาว่าฉันเป็นผู้ถือศีลอด ฉันเป็นผู้ถือศีลอด”  บันทึกโดย : อับนคุซัยมะฮฺ และอัลฮากิม และว่าเป็นสายสืบที่หะซัน

ด้วยเหตุนี้จึงมีสัญญาร้ายจากท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แก่ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติไม่ดี ไม่เหมาะสมว่า

( رُبَّ صَائِمٍ حَظُّهُ مِنْ صِيَامِهِ الجُوعُ وَالْعَطَشُ )
رواه أحمد وابن ماجة عن أبي هريرة بسنده صحيح

ความว่า “บางทีผู้ถือศีลอดนั้น ส่วนได้ของเขาจากการถือศีลอดของเขาก็คือ การหิวและการกระหายเท่านั้น” บันทึกโดย : อิบนฺมาญะฮฺและอะหมัด รายงานจากอะบีฮุรอยเราะฮฺ ด้วยสายสืบที่ศ่อฮี้ฮฺ

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ผู้ใดที่มีพฤติกรรมเช่นนั้น เนื่องจากเขาไม่ตระหนักถึงข้อเท็จจริงของการถือศีลอดที่อัลลอฮฺทรงใช้ให้เขายึดถือปฏิบัติ ดังนั้นพระองค์จึงลงโทษเขาด้วยการทำให้ผลบุญและการตอบแทนสูญเสียไป

เตือนตัวเอง และพี่น้องมุสลิมทุกคน...


الله أعلم بالصواب

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น