ระหว่างละหมาดตะรอวีหฺหลังละหมาดอีชา กับละหมาดตะรอวีหฺในยามค่ำคืน จะได้บรรยากาศที่แตกต่างกันมาก ถ้าละหมาดตะรอวีหฺหลังละหมาดอีชา เราจะได้ยินเสียงอื่น ๆ แทรกเข้ามา ที่อาจจะรบกวนการละหมาดของเราจากความคุชูอฺได้ อย่างเช่น เสียงเด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันไปมา เสียงประทัดที่เด็ก ๆ เล่นกัน ที่บางครั้งอาจจะทำให้ใจสับสนว่ามันเป็นประทัดหรือระเบิด เสียงเด็กแว้นบิดรถบนท้องถนน และเสียงอื่น ๆ อีกมากมายที่ได้ทำให้หัวใจที่กำลังเงี่ยฟังอัลกุรฺอานอยู่ กลับต้องสะดุ้งทุกครั้งเมื่อเสียงรบกวนเข้ามาแทรกในละหมาดของเรา
ซึ่งต่างกันมากกับการละหมาดในยามค่ำคืน ซึ่งปกติอิมามจะเริ่มตักบีรฺประมาณตีสาม ช่วงนั้นเป็นช่วงที่วิเศษมาก ไม่มีเสียงใด ๆ มารบกวนเลย เด็ก ๆ ที่เคยวิ่งเล่นกันกำลังหลับสบาย และช่วงนั้นไม่มีเด็ก ๆ ที่ไหนที่ออกมาเล่นประทัด และไม่มีเด็กแว้นคนไหนออกมาซิ่งบนท้องถนนเลย จึงทำให้บรรยากาศสงบและเงียบงัน เสียงที่ได้ยิน เป็นแค่เสียงอิมามที่ไพเราะเพราะพริ้ง
การที่คนเราได้ละหมาดร่วมกัน บางคนไม่เข้าใจภาษาอาหรับ แต่ก็ไม่ได้ทำความมุ่งมั่นในการยืนละหมาดนั้นลดลงเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าเขาต้องการที่จะเข้าถึงเนื้อหาของอัลกุรอาน ผนวกกับเสียงสะอื้นของอิมาม อย่างน้อย ก็ได้ทำให้ใครหลายคนต้องหลั่งน้ำตาไปพร้อม ๆ กัน
การที่เราได้ไหลหลั่งน้ำตาในละหมาดของเรา มันจะทำให้ร่างกายของเราสะอาดสะอ้านจากสิ่งสกปรกที่เรียกว่าบาป อัลลอฮฺจะทรงลบล้างบาปที่เราได้ก่อไว้ในอดีต
ฉะนั้น เรามาร่วมกันละหมาดในยามค่ำคืน เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่วิเศษมาก โดยเฉพาะในเดือนเราะมะฎอน และเวลาของมันกำลังจะหมดลงแล้ว คงเหลืออีกไม่กี่วันแล้ว
หวังว่าเราทุกคนคงจะกอบโกยผลบุญที่เป็นเท่า ๆ โดยเฉพาะในยามค่ำคืนแห่งแสนวิเศษ ที่มีค่ากว่าพันเดือน
อินชาอัลลอฮฺ
......................
อูลุล อัลบ๊าบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น