อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ขอพระองค์อัลลอฮฺทรงยืดชีวิตของผมให้ถึงเดือนเราะมะฎอนอีกครั้งและต่อ ๆ ไป


ผมเคยเข้าค่ายภาคฤดูร้อน 2 ครั้ง เมื่อกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.6 และ ม.1 วัยนั้นเป็นวัยที่เรียกว่าซนมาก ผมเป็นคนหนึ่งที่เข้าอัธยาศัยกับผู้คนง่ายมาก เล่นทุกอย่างที่เด็ก ๆ สมัยนั้นเล่นกัน ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน ปิงปอง และกีฬาอื่น ๆ อีกมาก

การจัดอบรมเข้าค่ายภาคฤดูร้อนสำหรับเด็ก ๆ ถือว่าเป็นการตัรบิยะฮฺ (อบรมสั่งสอน) ในด้านการเรียนรู้ การใช้ชีวิตตามวิถีทางอิสลาม การเชื่อมโยงอุควะฮฺ (ความเป็นพี่น้อง) และอื่น ๆ เพื่อให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตในช่วงเวลาที่สั้นนี้ เป็นประโยชน์ให้มากที่สุดให้กับพวกเขา

เด็ก ๆ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะเห็นชอบเท่าไหร่นักกับการเข้าค่าย เพราะส่วนใหญ่พวกเขาจะถูกบังคับให้เข้า เพราะว่าพ่อแม่ของพวกเขาไม่อยากเห็นลูก ๆ ของพวกเขาใช้เวลาปิดเทอมใหญ่ด้วยงานการที่ไม่เป็นประโยชน์ จึงทำให้เด็ก ๆ ส่วนใหญ่เข้าค่ายด้วยหน้าตาที่ไม่ค่อยจะสดชื่นนัก

เมื่อวันแรกได้เริ่มขึ้น ผมเริ่มจะหันซ้ายหันขวาเพื่อหาเพื่อนที่รู้จัก แต่ก็ยังดีที่มีเพื่อนที่รู้จักกันแค่คนเดียว ส่วนอีกร้อยกว่าคนที่เหลือ ไม่รู้จักสักคนเลย จึงเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตในช่วงเวลาสิบวันแห่งการอบรม เพราะวันแรกผมยังไม่รู้จักใคร แต่ผมต้องใช้เวลาคลุกคลีกับพวกเขาตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นในห้องเรียน หอพัก โรงอาหาร สนาม และที่อื่น ๆ จึงทำให้ผมนีกถึงบ้าน พ่อแม่ และเพื่อน ๆ ที่บ้าน

ในวันที่สอง ผมเริ่มที่จะคุ้นหน้ากับเพื่อน ๆ โดยเฉพาะเพื่อน ๆ ที่อยู่หอเดียวกัน ได้ถามไถ่ไปมา จึงทำให้รู้จักชื่อ ที่อยู่ จึงทำให้ความสัมพันธ์กระชับขึ้น และในวันที่สาม ผมเริ่มรู้จักชื่อเพื่อน ๆ ในห้องเรียน รู้จักชื่อพี่เลี้ยง และรู้ถึงนิสัยเพื่อน ๆ ที่อยู่ในหอเดียวกัน

ในวันที่สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก ช่วงนั้นผมลืมบ้านตัวเองเลย ลืมพ่อแม่ ลืมเพื่อนบ้าน (ไปชั่วขณะ) เพราะกำลังเสพความสุขกับเพื่อน ๆ ในค่าย ผมมีเพื่อนร้อยกว่าคน ผมรู้จักเกือบทุกคน เพราะเรียนในห้องเดียวกัน ละหมาดญะมาอะฮฺพร้อม ๆ กัน กินข้าวพร้อม ๆ กัน (ถือว่าเป็นกิจกรรรมที่ทำร่วมกัน) ก็เลยทำให้ผมมีความสัมพันธ์กับเพื่อนมากขึ้น

ในวันที่เก้า เมื่อผมและเพื่อน ๆ รู้ว่าพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย เราต่างก็เขียนชื่อที่อยู่ของตัวเอง แล้วก็ยื่นให้เพื่อน ๆ เพื่อให้พวกเขาได้ทำการติดต่อกัน และต่างคนก็ต่างรู้สึกหดหู่ใจกับจากลาในพรุ่งนี้

และในวันที่สิบหรือวันสุดท้าย บอกได้เลยว่า เป็นวันที่ผมกับเพื่อน ๆ พูดน้อยที่สุด เพราะไม่รู้จะพูดอะไร มันตื้นตันอยู่ในหัวใจ ต่างคนก็ต่างดูโศกเศร้า และเมื่อพี่เลี้ยงเรียกทุกคนมาอยู่กันพร้อมหน้า พี่เลี้ยงแต่ละคนก็พูดถึงความรู้สึกที่พวกเขาได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ก็ได้ทำให้ใครหลาย ๆ คนกลั้นน้ำตาไม่ไหว และท้ายที่สุด เป็นการโอบกอดกัน เพื่อมาอัฟกันและกัน ไม่มีใครสักคนเลยที่ไม่ร้อง ทุกคนต่างก็ร้องไห้ออกมา

ที่ผมเล่าเรื่องอดีตซะยาว เพราะความรู้สึกในครั้งนั้น มันเกิดขึ้นอีกครั้งในวันนี้ นั่นคือช่วงสิบวันท้ายของเราะมะฎอน เพราะวันแรกของอิอฺติกาฟ ผมยังไม่ชินกับคนรอบข้าง (ไม่รู้ว่าเขาจะนอนดิ้นหรือเปล่า กรนหรือเปล่า และกังวลว่าผมจะนอนหลับหรือเปล่า) การละหมาดในยามค่ำคืนที่ต้องตื่นตีสองครึ่ง จึงทำให้การนอนหลับไม่เพียงพอ รู้สึกเพลีย (เพราะยังไม่ชิน)

แต่วันที่สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด ผมเริ่มชินกับการตื่นตีสองครึ่ง ยืนละหมาดเป็นชั่วโมง อ่านอัลกุรอ่านวันละสามถึงสี่ญุซฺ ทำหะละเกาะฮฺ ฟังตัฟซีรฺ ละหมาดในยามค่ำคืน ซึ่งทั้งหมดนี้ ผมรู้สึกว่าผมมีความสุขมาก ไม่อยากให้วันเวลาดี ๆ แบบนี้หายไปเลย

และวันสุดท้าย หวังลึก ๆ ว่าคืนนี้ต้องมีตะรอวีฮฺอีก จะได้ตื่นมาละหมาดในยามค่ำคืนอีก หากแต่ว่าอัลลอฮฺทรงไม่ประสงค์กับสิ่งที่ผมต้องการอีกแล้ว พระองค์ทรงปิดฉากวันเวลาของเราะมะฎอนแล้ว หัวใจนี้รู้สึกหดหู่มาก ก็เลยขอดุอาอฺเพื่อให้พระองค์ทรงยืดชีวิตของผมให้ถึงเดือนเราะมะฎอนอีกครั้งและต่อ ๆ ไป เพราะมีความหวังอย่างยิ่งที่อยากจะใช้ชีวิต อย่างที่เคยใช้ในเราะมะฎอน

อามีน ยา ร็อบบัล อาละมีน


.....................
อูลุล อัลบ๊าบ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น