อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

นิอฺมัตและบะลาอฺ



ท่านอิมาม อับดุลกอดิร อัลญีลานีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ฟุตูหุลฆัยบ์ หน้า 169 - 172 โดยสรุปว่า แท้จริงมนุษย์นั้นมีสองประเภท คือผู้ที่ได้รับนิอฺมัตปัจจัยอำนวยสุข และผู้ที่ได้รับบะลาอฺการทดสอบ

บางคนถูกกำหนดมาให้มีความวิตกกังวลเนื่องจากมีบะลาอฺต่างๆ มาประสบ เช่น มีโรคประจำตัว มีความหิวโหย ร่างกายได้รับความเจ็บปวด ทรัพย์สินและเรือกสวนไร่นาเสียหาย คู่ครองและบุตรหลานต้องจากไป จนทำให้เกิดความวิตกกังวล และรู้สึกเหมือนกับว่าเขาไม่เคยได้รับนิอฺมัต ปัจจัยอำนวยสุขเลย

ในขณะที่บางคนร่ำรวย มีสุขภาพดี มีทรัพย์สินเงินทอง และมีเกียรติยศในสังคม ทำให้เขาอยู่ในสภาพที่สุขสบาย จนรู้สึกเหมือนกับว่าไม่เคยมีบะลาอฺเกิดขึ้น แก่เขาเลย

ความรู้สึกทั้งสองอย่างนี้ ย่อมเป็นความโง่เขลา ไม่รู้จัก (มะริฟะฮ์) อัลเลาะฮ์ตะอาลา และไม่รู้จักถึงแก่นแท้ของดุนยาอย่างแท้จริง เพราะถ้าหากเขารู้ว่า อัลเลาะฮ์ตะอาลนั้นُ

“ทรงกระทำตามที่พระองค์ทรงประสงค์” [อัลบุรูจญ์: 16 ]

พระองค์จะทำการเปลี่ยนแปลงสภาวะทั้งหลาย ทรงทำให้มีความสุขหวานชื่น ทรงทำให้มีความขมขื่น เพื่อทดสอบ ทรงทำให้ร่ำรวย และทรงทำให้ยากจน ทรงยกฐานะบรรดามัคโลค และทรงทำให้พวกเขาตกต่ำ ทรงให้เกียรติพวกเขา และทำให้มีความต่ำต้อย ทรงทำให้มีชีวิต และทรงทำให้ตาย แน่นอน เขาก็จะไม่ลืมตัว และไม่มีความประมาทในความสุขที่ได้รับ และเขาก็จะไม่สิ้นหวังในการรอคอยการคลี่คลายจากอัลเลาะฮ์ เมื่ออยู่ในสภาวะได้รับบะลาอฺ



และด้วยความโง่เขลาโดยไม่รู้จักแก่นแท้ของดุนยานี้ ทำให้เขามีความสุขสงบในดุนยา และพยายามแสวงหาความสุขสบาย ที่ไร้ความวิตกกังวล แต่เขาลืมไปว่าดุนยานั้น เป็นที่พำนักแห่งการทดสอบ และแบกรับภาระในการทุ่มเท ความเหน็ดเหนื่อย และความพยายามในการปฏิบัติ ตามสิ่งที่อัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงบัญญัติใช้ ดังนั้น รากฐานเดิมของดุนยา ก็คือการทดสอบ ส่วนความสุขสบายนั้น คือสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงเสริมเติมแต่งในโลกดุนยาเท่านั้นเอง ดังที่พระองค์ทรงตรัสถึงแก่นแท้ของดุนยาไว้ว่าٌ

“จงกล่าวเถิด ความสุขของดุนยานั้น เล็กน้อยเท่านั้น” [อันนิซาอฺ: 77 ]

ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

“ดุนยาเป็นคุกของมุอฺมินและเป็นสวรรค์ของกาเฟร” รายงานโดยมุสลิม

ดังนั้น เขาจะต้องมีความอดทนต่อการทดสอบ และทุ่มเทในการปฏิบัติสิ่งที่อัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงสั่งใช้ เหมือนกับลูกจ้างที่ได้รับค่าจ้าง ซึ่งกว่าจะได้ค่าจ้างตอบแทนนั้น เขาต้องทำงาน อย่างเหน็ดเหนื่อย เหงื่ออาบสองแก้ม ร่างกายอ่อนล้า และอดทนอดกลั้นในการทำงานรับใช้มนุษย์ด้วยกันเอง ดังนั้นเมื่อเขามีความอดทนในการทำงาน ผลตอบแทนที่ตามมาก็คือ มีเงินซื้ออาหารดีๆ มารับประทาน มีน้ำแกงอร่อยๆ มีผลไม้น่ารับประทาน มีเสื้อผ้าดีๆ สวมใส่ และมีความสุขสบาย ฉันใดฉันนั้น ผู้เป็นบ่าวของอัลเลาะฮ์ ก็จำเป็นต้องมีความอดทนอดกลั้น ในการปฏิบัติตามสิ่ง ที่อัลเลาะฮ์ ตะอาลา ทรงสั่งใช้ ละเว้นสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งห้าม และยอมสิโรราบ ในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกำหนดให้เกิดขึ้นแก่เขา อัลเลาะฮ์ตะอาลา ก็จะทรงตอบแทนความสุขสบายในช่วงท้ายของชีวิต ได้รับความรัก และได้รับเกียรติจากพระองค์ ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

ดังนั้น บ่าวที่ได้รับนิอฺมัตปัจจัยอำนวยสุขนั้น ไม่ควรประมาทในแผนการณ์ของอัลเลาะฮ์ อย่าลืมตัวเอง อย่าลำพองตน และอย่าลืมการชุโกรนิอฺมัต ที่พระองค์ได้ทรงประทานให้ เพราะอัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงตรัสว่าٌ

“ขอยืนยัน หากพวกเจ้าชุโกร (กตัญญูรู้คุณ) แน่นอนข้าจะเพิ่มพูนแก่พวกเจ้า และถ้าหากพวกเจ้าเนรคุณ แท้จริงการลงโทษของข้านั้นรุนแรงยิ่งนัก” [อิบรอฮีม: 7 ]

ดังนั้น การชุโกรนิอฺมัตที่มาในรูปของทรัพย์สินเงินทอง ที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานให้ ก็คือการที่จิตใจยอมรับว่า ทรัพย์สินเป็นของอัลเลาะฮ์ (อย่าหลงทึกทักว่าเป็นของตนเอง) สำนึกในจิตใจอยู่เสมอว่า ทรัพย์สินเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ และมองว่าทรัพย์สินนั้น เป็นความโปรดปรานจากอัลเลาะฮ์ ตะอาลา ที่ได้ประทานให้ จิตใจต้องไม่หมกมุ่นอยู่กับทรัพย์สินเงินทอง จนกระทั่งละเมิดขอบเขตของ อัลเลาะฮ์ ตะอาลา ที่ได้ทรงบัญญัติไว้ ดังนั้น เขาต้องนำทรัพย์สิน ออกซากาต เมื่อครบพิกัด และครบรอบปี นำไปศ่อดะเกาะฮ์บริจาคทาน นำไปช่วยเหลือผู้ที่ถูกอธรรม และสืบค้นหาบรรดาบุคคลที่มีความทุกข์ร้อน เพื่อจะได้นำทรัพย์สินไปช่วยเหลือ พวกเขา ยามวิกฤติ และประสบภัยบะลาอฺ



ส่วนการชุโกรนิอฺมัต ที่มาในรูปของความมีสุขภาพดี และความสุขสบายที่ อัลเลาะฮ์ ตะอาลา ทรงประทานให้นั้น คือการที่บรรดาอวัยวะต่างๆ ของร่างกายทุ่มเทในการปฏิบัติสิ่งที่อัลเลาะฮ์ ทรงบัญญัติใช้ ทำอะมัลอิบาดะฮ์ ทำการซิกรุลลอฮ์ และยับยั้งจากสิ่งที่พระองค์ทรงบัญญัติห้าม หลังจากนั้น เขาก็จะได้เข้าไปอยู่ในโปรดปรานความเมตตาของอัลเลาะฮ์ ตะอาลา และ เข้าสวรรค์พร้อมกับบรรดานะบีย์ และเหล่าผู้มีคุณธรรมทั้งหลาย แต่ถ้าหากเขาเนรคุณหรือกุฟุรนิอฺมัตต่างๆ ที่อัลเลาะฮ์ ตะอาลา ได้ทรงประทานให้ แน่นอนว่าเขาจะอยู่ในความตกต่ำในโลกดุนยา และถูกลงโทษอย่างรุนแรง ในวันกิยามะฮ์

สำหรับผู้ที่ได้รับบะลาอฺการทดสอบนั้นมีสามจำพวก:

จำพวกที่หนึ่ง: พวกเขาได้รับบะลาอฺ (หรือความเจ็บป่วย) เพราะอัลเลาะฮ์ ต้องการจะลงโทษ เนื่องจากเขาได้เคยกระทำบาป และฝ่าฝืนอัลเลาะฮ์ เครื่องหมายที่สังเกตได้จากจำพวกแรกนี้คือ เขาจะไม่มีความอดทนในขณะที่ได้รับบะลาอฺ มีความกลัว และพร่ำบ่นกับผู้คนทั้งหลาย

จำพวกที่สอง: พวกเขาได้รับบะลาอฺ (หรือความเจ็บป่วย) เพราะอัลเลาะฮ์ ต้องการจะลบล้างความผิดต่างๆ เครื่องหมายที่สังเกตได้จากจำพวกที่สองนี้ ก็คือ เขาจะมีความอดทนอย่างดีงามโดยไม่ปริปากบ่น ไม่แสดงความกลัวให้คนรอบข้างได้เห็น และไม่มีความเบื่อหน่าย ในการปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์ ที่อัลเลาะฮ์ทรงสั่งใช้

จำพวกที่สาม: พวกเขาได้รับบะลาอฺ เพื่ออัลเลาะฮ์จะทรงยกระดับจิตใจของพวกเขา ให้สูงส่ง เครื่องหมายที่สังเกตได้ ก็คือ จิตใจของเขาจะมีความรู้สึกริฎอ (ยินดี) และไม่คัดค้านในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกำหนดมา และจิตใจของเขาจะนิ่ง และสงบ มั่นต่ออัลเลาะฮ์ ในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงทำให้เกิดขึ้น

ดังนั้น น้ำจะท่วมหรือไม่ท่วม มันเป็นการงานของอัลเลาะฮ์ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ และแสดงให้เห็นว่าแก่นแท้ของมนุษย์นั้น อ่อนแอ ฉะนั้น เมื่อพระองค์ยังไม่ให้พื้นที่ของเราน้ำท่วม พวกท่านก็จงชุโกรต่ออัลเลาะฮ์ให้มากๆ ด้วยการเห็นว่านี่คือความโปรดปรานความเมตตาของอัลเลาะฮ์ หมั่นปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์ และชุโกรนิอฺมัตทรัพย์สินเงิน ด้วยการนำไปช่วยเหลือพี่น้องที่เดือดร้อน เนื่องจากประสบภัยอุทกภัย

แต่ถ้าหากน้ำท่วมเมื่อไหร่ พวกท่านก็จงอดทน ยินดี และไม่คัดค้าน ในสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงกำหนด เพื่ออัลเลาะฮ์ตะอาลาจะทรงลบ
ล้างความผิดต่างๆ ของเรา และทรงยกระดับจิตใจของเราให้สูงส่งนั่นเอง

والله أعلم بالصواب
.............................
สุวัฒน์ อิสมาแอล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น