อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556

กินแบบอิสลาม


   คิดถึงตอนเด็กๆ ขณะที่ข้าพเจ้านั่งรับประทานอาหาร แล้วมีเม็ดข้าวตกหล่น ตามพื้น แม่ หรือพี่ๆ เตือนว่า อย่ากินข้าวตกหล่นสะเปะสะปะ เดี๋ยวแม่ข้าวจะขนข้าวหนี้หมด ได้ยินเช่นนั้นก็เกิดความกลัว ไม่กล้ากินข้าวตกหล่น และคิดไปว่าแม่ข้าวก็คือแมงตัวเล็กๆสีขาว ที่ชอบอยู่ในยุ้งข้าว

เห็นคุณยาย คุณแม่ และชาวบ้าน เมื่อจะเก็บเกี่ยวข้าว ก็จะมีการทำขวัญข้าว คือจะรวบต้นข้าวรวมกันกองหนึ่ง แล้วผูกมัดรวมกัน จะไม่เก็บเกี่ยวข้าวที่กองนั้น จนกว่าจะเก็บบริเวณอื่นจนเสร็จ

ก็คิดไปว่า ความเชื่อเรื่องแม่ข้าว และการทำขวัญข้าว เป็นความเชื่อ และพิธีกรรมอิสลาม


แต่มันหาเป็นที่ข้าพเจ้าคิดไม่ มันกลับไม่ปรากฏในตำรับตำรา หรือหลักฐานใดๆจากอิสลามเลย กลับเป็นความเชื่อของคนโบร่ำโบราณที่สืบทอดความเชื่อกันมา ที่มีแนวความคิดความเชื่อมาจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดูทั้งสิ้น

ที่เขาเรียกว่า แม่โพสพ เจ้าแม่แห่งข้าว โดยมีความเชื้อว่า แม่โพสพ เป็นเมล็ดข้าวประเสริฐสุด เป็นเทพีกลางท้องทุ่งนา ผู้ทรงอานุภาพศักดาเรืองฤทธิ์ ช่วยชุบชีวิตมนุษย์ให้ยืนยาง
แม่โพสพ ตามสารานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตตยสถาน แปลว่า เทวดาประจำพืชพรรณธัญญาหารทั้งปวง มวลมนุษยชาติเชื่อถือและกราบไหว้บูชามาตั้งแต่ครั้งโบราณของชาวไทยและลาวและละแวกลุ่มน้ำเจ้าพระยา บูชาเพื่อขอความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณธัญชาติที่เพาะปลูกตามฤดูกาล

มีการกราบไหว้แม่โพสพ ก่อนเปิบข้าวคำแรกเข้าปาก และสั่งสอนลุกหลานให้นั่งล้อมวงเปิบข้าวพร้อม ๆ กัน และต้องสำรวมกิริยามารยาทระหว่างเปิบข้าวให้เรียบร้อยอย่าให้มีเม็ดข้าวหายหกตกหล่น แม้ข้าวเหลือก้นจานสังกะสีก็ต้องกินให้หมด ห้ามเททิ้งลงถึงโสโครกให้เอาใส่ปากหม้อข้าวทับบนข้าวที่หุงมื้อต่อไป หรือไม่ก็ต้องนำไปผึ่งแดด ทำเป็นข้าวตากแห้งเอาไว้

 เมื่อแรกทำนา จนกระทั่งถึงเวลาไถคราด เก็บเกี่ยวรวงข้าวด้วยเคียวเหล็ก ก็จะต้องประกอบพิธีเซ่นบูชาแม่โพสพทุกระยะไป

พิธีกรรมและหลักความเชื่อเหล่านี้ยังผสมผสานกับการใช้ชีวิตประจำวันของชาวมุสลิมในบ้านเราที่สืบต่อกันมารุ่นสู่รุ่น จนเข้าใจกันว่ามันเป็นหลักความเชื่อและพิธีกรรมของอิสลาม ทั้งที่มันไม่มีในคำสอนอิสลามเลย  และกลับกลายนำความเชื่อสิ่งอื่นมาเทียบเคียงกับพระองค์อัลลอฮฺ และหากมีผู้ไปติเตือน ก็กล่าวอ้างว่า "ปู่ย่าตายก็ได้เชื่อและปฏิบัติมาแบบนี้ หากไม่เชื่อก็อย่ามาลบลู่"


สำหรับอิสลามได้วางแนวทางการปฏิบัติไปใช้ในชิวิตประจำวันสำหรับมุสลิมไว้ครบสมบูรณ์ทุกประการแล้ว ไม่ว่าการรับประทานอาหาร การดื่ม การนอน การพูด  การขับถ่าย การอยู่ร่วมกันในสังคม  เป็นต้น อิสลามไม่เพียงพออีกหรือ? เราถึงบังอาจนำความเชื่อ พิธีกรรมศาสนาอื่นมาใช้ในชีวิตของเราอีก

ซึ่งการรับประทานอาหาร ท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซััลลัม) ได้ปฏิบัติเป็นแบบอย่างให้เรานำไปปฏิบัติที่ชัดเจอยู่แล้ว ซึ่งท่านนบีกล่าวว่า หากมีอาหาร ไม่ว่าจะเป็นข้าว ขนมปัง ปลา เป็นต้น ตกหล่นบนพื้น ก็ให้หยิบมามาเช้ดสิ่งแปลกปลอมออกและกินมัน และให้กินจนเกลี้ยงชาม อย่าให้หลงเหลือ

รายงานจากอนัส ร่อฎียัลลอฮุอันฮุม ว่า :

أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- كَانَ إِذَا أَكَلَ طَعَامًا لَعِقَ أَصَابِعَهُ الثَّلاَثَ. قَالَ وَقَالَ «إِذَا سَقَطَتْ لُقْمَةُ أَحَدِكُمْ فَلْيُمِطْ عَنْهَا الأَذَى وَلْيَأْكُلْهَا وَلاَ يَدَعْهَا لِلشَّيْطَانِ ». وَأَمَرَنَا أَنْ نَسْلُتَ الْقَصْعَةَ قَالَ «فَإِنَّكُمْ لاَ تَدْرُونَ فِى أَىِّ طَعَامِكُمُ الْبَرَكَةُ».

ความว่า : ท่านเราะสูลุลลอฮฺ  นั้น เมื่อท่านกินอาหาร ท่านจะเลียนิ้วของท่านสามครั้ง และท่านได้กล่าวว่า “ เมื่ออาหารคำหนึ่งของพวกท่านคนใดตกหล่น ท่านจงหยิบมาเช็ดสิ่งแปลกปลอมออกและจงกินมัน และอย่าได้ทิ้งมันให้กับชัยฏอน” และท่านยังได้สั่งพวกเราให้กินจนเกลี้ยงชาม ท่านกล่าวว่า “เพราะแท้จริงแล้ว พวกท่านไม่รู้หรอกว่าอาหารชิ้นใดที่เป็นชิ้นที่บะเราะกะฮฺ” (บันทึกโดยมุสลิม หมายเลข 2034)

3.มีรายงานจากอิบนุอุมัร ร่อฎียัลลอฮุอันฮุมา ว่า :

نَهَى رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- أَنْ يَقْرِنَ الرَّجُلُ بَيْنَ التَّمْرَتَيْنِ حَتَّى يَسْتَأْذِنَ أَصْحَابَهُ.

ความว่า : ท่านเราะสูลุลลอฮฺ  ได้ห้ามไม่ให้คนกินอินทผาลัมควบสองเม็ดในคำเดียวจนกว่าเขาจะขออนุญาตเพื่อนๆ ของเขาก่อน (หมายถึง เวลากินอินทผาลัมร่วมกับคนอื่น ให้กินคำละเม็ด ห้ามไม่ให้กินคำเดียวสองเม็ด จนกว่าจะขออนุญาตจากเพื่อนๆ เพราะเป็นการเอาเปรียบคนอื่น และแสดงถึงความตะกละและการไม่มีมารยาท – ผู้แปล) (มุตตะฟัก อะลัยฮฺ บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หมายเลข 2455 และมุสลิมตามสำนวนนี้ หมายเลข 2045)

นี้คือแบบอย่างการรับประทานอาหารที่ท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซััลลัม) ได้ปฏิบัติเป็นแบบอย่างเอาไว้ มันเพียงพอแล้ว สำหรับมุสลิม ดังนั้นจงละทิ้งความเชื้อและพิธีกรรมอื่นใดที่ปฏิบัติสืบมาเถิด และจงรับไว้ซึ่งจริยธรรมอิสลามอันสูงส่งคู่กับชีวิตประจำวันของเราสืบไป...


والله أعلم بالصواب

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น