อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ข้อเท็จจริงของชีวิต




อัลลอฮฺได้สร้างโลกนี้ประกอบด้วยมนุษย์ สัตว์และสรรพสิ่งต่างๆ เป็นคู่ๆ มีโลกนี้และโลกหน้า มีเพศชายและเพศหญิง มีวัยรุ่นและวัยชรา มีความดีและความชั่ว มีความเป็นและความตาย มีความสุขและความทุกข์ มีสวรรค์และนรก ข้อเท็จจริงนี้อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า

“และจากทุกๆ สิ่งนั้น เราได้สร้างมันขึ้นเป็นคู่ๆ เพื่อพวกเจ้าจะได้ใคร่ครวญ” (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัซ-ซาริยาต:49)

จุดจบของมนุษย์ และสิ่งมีชีวิตคือความตาย โลกนี้ก็เช่นเดียวกัน จะมีจุดจบและจุดสิ้นสุด อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ว่า

“แต่ละชีวิตนั้น จะได้ลิ้มรสแห่งความตาย และแท้จริง พวกเจ้าจะได้รับผลตอบแทนของพวกเจ้า ในวันปรโลก” (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อาล อิมรอน: 185)

โลกที่เราอาศัยอยู่นี้มีสภาพชั่วคราว ไม่นิรันดร์ ในขณะที่โลกหน้านั้นเป็นโลกที่ถาวร เกี่ยวกับเรื่องนี้อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ว่า

“และโลกนี้มิใช่อื่นใด เว้นแต่เป็นการละเล่นและเป็นการสนุกสนานรื่นเริง และแท้จริงโลกหน้านั้น คือชีวิตที่แท้จริงหากพวกเขารู้” (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-อันกะบูต: 64)

วันสิ้นสุดของโลก เป็นเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว อัลลอฮฺได้ตรัสอธิบายสภาพดังกล่าว ในดำรัสของพระองค์ซึ่งมีว่า

“มนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าจงยำเกรงต่อพระเจ้าเถิด เพราะแท้จริง ความอลหม่านของวันสิ้นโลกนั้น หนักหน่วงยิ่ง วันที่พวกเจ้าจะได้เห็นมัน (น่าพรั่นพรึงจนแม้กระทั่ง) แม่ที่กำลังให้นมลูกจะทิ้งลูกของนาง หญิงตั้งครรภ์ทุกคน จะคลอดลูกในท้อง (โดยไม่รู้ตัว) และเจ้าจะเห็นผู้คนทั้งหลาย อยู่ในสภาพมึนเมาทั้งๆ ที่พวกเขาไม่ได้เมา แต่ทว่าเป็นเพราะการลงโทษนั้นรุนแรงยิ่งนัก” (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-หัจญ์: 1-2)

ในเมื่อโลกนี้เป็นเพียงโลกชั่วคราวไม่จีรังยั่งยืน มนุษย์จึงต้องใช้ชีวิตอยู่บนโลก อย่างพอเพียง ไม่โลภ ไม่เอารัดเอาเปรียบ ไม่หลอกลวง ไม่ตามอารมณ์ใฝ่ต่ำจนเลยขอบเขต ไม่ทำร้ายตนเองและผู้อื่น ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้สอนพวกเราถึงวิธีการใช้ชีวิตบนโลกนี้ว่า ควรจะอยู่เยี่ยงคนแปลกหน้าหรือผู้เดินทางที่หยุดพักกลางทางเพื่อรอจะเดินทาง ต่อบนเส้นทางอีกยาวไกลข้างหน้า ท่านได้กล่าวไว้มีความว่า

“ท่านจงอาศัยอยู่บนโลกนี้ เสมือนกับว่าท่านเป็นคนแปลกหน้า หรือเป็นผู้ผ่านทาง” (รายงานโดย อัล-บุคอรีย์และมุสลิม)

โลกนี้เป็นสถานที่ สำหรับประกอบคุณงามความดีต่ออัลลอฮฺ ต่อตนเอง และต่อผู้อื่น รางวัลที่จะได้รับนั้นคือในโลกหน้า ดังนั้นโลกนี้จึงเต็มไปด้วยการทดสอบ เพื่อทดสอบว่าใครศรัทธาต่ออัลลอฮฺผู้ทรงสร้างโลกนี้และใครเป็นผู้ปฏิเสธ ศรัทธา ใครปฏิบัติความดีต่อตนเองและผู้อื่น ใครทำร้ายตนเองและทำร้ายผู้อื่น ใครที่สามารถยับยั้งชั่งใจ และใครที่สามารถควบคุมตนเองได้ อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ว่า

“มนุษย์คิดหรือว่า พวกเขาจะถูกปล่อยให้กล่าวว่า ‘เราได้ศรัทธาแล้ว’ โดยที่ไม่มีการทดสอบใดๆ แท้จริงแล้วเราได้ทดสอบบรรดาผู้คนก่อนหน้าพวกเจ้า ดังนั้นแล้ว แท้จริงอัลลอฮฺจะทรงจำแนกให้รู้ว่า ผู้ใดเป็นผู้สัจจริง และผู้ใดที่โกหกมดเท็จ” (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล- อันกะบูต: 2-3)

“พระองค์ผู้ทรงกำหนดชีวิต และความตาย เพื่อจะทดสอบพวกเจ้าว่า ผู้ใดที่ปฏิบัติตนได้ดีที่สุด และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนา จและให้อภัยเสมอ” (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-มุลกฺ: 2)

ดังนั้น เมื่อชีวิตอยู่บนโลกนี้มนุษย์จึงมีหน้าที่ ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและสิ่งที่พระองค์สั่งให้ศรัทธา ต้องปฏิบัติหน้าที่ต่ออัลลอฮฺให้ดีที่สุด เพื่อขอบคุณพระองค์ และหวังในความโปรดปรานของพระองค์ ในโลกหน้า ด้วยการปฏิบัติกิจต่างๆ เช่น การละหมาด การถือศีลอด การบริจาค ซะกาต เป็นต้น ต้องปฏิบัติต่อตนเองให้ดีที่สุดด้วยการบริโภคสิ่งที่ อัลลอฮฺ อนุมัติ หลีกเลี่ยงสิ่งที่พระองค์ห้าม ต้องปฏิบัติต่อผู้อื่นให้ดีที่สุด ทั้งต่อภรรยา ลูกๆ เพื่อนบ้าน เช่นการให้เกียรติผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ทำร้ายผู้อื่นด้วยการกระทำหรือคำพูด การมีมารยาท และต้องปฏิบัติต่อสรรพสิ่งต่างๆ ในโลกให้ดีที่สุด เช่นการไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ใช้ทรัพยากรต่างๆ เท่าที่จำเป็น ไม่ฟุ่มเฟือย เช่นที่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เคยห้ามไม่ให้ปัสสาวะในบึงที่น้ำนิ่งไม่ไหล และห้าม มิให้ถ่ายอุจจาระใต้ต้นไม้ซึ่งเป็นที่หยุดพักของผู้คน ฯลฯ

1. โลกนี้เป็นสถานที่ชั่วคราว ไม่ถาวร ในขณะที่โลกหน้านั้นเป็นชีวิตนิรันดร์

2. มนุษย์ต้องพบกับความตาย จึงต้องเตรียมตัวและเตรียมพร้อมด้วยการปฏิบัติความดีต่างๆ และละเว้นจากความชั่วทั้งหลาย

3. ชีวิตบนโลกเป็นการทดสอบว่าใครปฏิบัติหน้าที่ได้ดีที่สุด มนุษย์จึงต้องเข้มแข็งในการเผชิญกับบททดสอบในชีวิต

4. มุสลิมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตนต่ออัลลอฮฺ ต่อตนเอง และต่อผู้อื่นให้ถูกต้องตามที่อิสลามได้สอนไว้

1. ท่านคิดว่าโลกนี้และโลกหน้ามีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์หรือไม่ อย่างไร?

2. ท่านเห็นด้วยหรือไม่ว่าชีวิตนี้คือการทดสอบ?

3. ท่านคิดว่ามนุษย์มีชีวิตเพื่ออะไร ถ้าหากไม่มีโลกหน้า?

4. ท่านคิดว่าต้องทำอย่างไร เพื่อปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง ในฐานะมนุษย์ผู้หนึ่งที่มีชีวิตอยู่บนโลก

.............................
สุวัฒน์ อิสมาแอล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น