อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556

10 ข้อคิดเพื่อชีวิตคู่ในอิสลาม




1. ด้วยพระนามแห่งพระผู้อภิบาล ฉันบรรจงสาส์นนี้ ด้วย บิสมิลละฮฺ คือจุดเริ่มต้นของชีวิต หน้าที่ และ ภารกิจทั้งมวล เพราะมันคือพันธสัญญาของบ่าว ผู้มีสถานภาพเพียงฝุ่น ที่ปฏิญาณอยู่เบื้องหน้าผู้อภิบาล ที่ไม่มีใครเข้าใจขอบเขตอำนาจของพระองค์ ว่าข้าพระองค์ จะถอดถอนเจตนาที่ไร้สาระทั้งหมด จะเพาะปลูกเจตนาที่บริสุทธิ์ เพื่อเป็นกำแพงกั้นไฟนรก และจุดเทียนแท่งน้อยตีแผ่สัจธรรม ที่ถูกละเลย ข้าพระองค์ จะเป็นเช่นทหารของพระองค์ ที่พร้อมจะอยู่ในกรอบแห่งชะรีอัต ด้วยนัฟซูที่หลงไหลวิถีชีวิต แบบอัล-อิสลาม ที่วางกรอบวินัยไว้อย่างเข้มแข็ง ข้าพระองค์จะรอคอยคำสั่ง เพื่อสนองตอบ อย่างสยบราบคาบ

2. เมื่อมุมินตั้งแถวละหมาดอย่างจดจ่อ อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ปลดเปลื้องความโสโครกในหัวใจของเขา และห่อหุ้มเขาให้พ้นจากความชั่วด้วยเกราะที่แน่นหนา เมื่อมุมินถือศีลอด อัลลอฮฺ(ซ.บ.) ได้มอบให้แก่เขา ซึ่งโล่แห่งความยำเกรง ที่สามารถปกป้องเขา จากลูกธนูแห่งการหลงโลก และความเลยเถิด เมื่อมุมินจ่ายซะกาต เลือกบริโภคแต่สิ่งที่หะลาล แสวงหาปัจจัยยังชีพ ด้วยวิธีการที่หะลาล อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ทำให้ร่างกายของเขาไร้คุณค่าแก่ไฟนรก เมื่อมุมินอดทน ต่อบททดสอบ และผ่านพ้นวิกฤตการณ์ที่เลวร้ายไปได้ ด้วยน้ำตาและอีหม่าน ชัยฏอนจะท้อแท้ เปลี่ยนทิศทางการโจมตี ด้วยความโกรธแค้น เมื่อมุมินขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ (ซ.บ.) ด้วยความจริงใจในความผิดที่เขาเคยทำ และตั้งใจที่จะไม่หวนกลับไปทำอีก ชัยฏอนได้หันหลังให้เขา อย่างเศร้าสลด และเมื่อมุมินและมุมินะฮฺ เข้าสู่การนิกะฮฺ เพื่อปกป้องตัวเขาเอง จากนัฟซูแห่งกามารมณ์ ประตูแห่งฟิตนะฮฺของซินา ได้ถูกปิดลง ชัยฏอนต้องรับสภาพความหมดหวัง

3. โรคหลงโลกระบาดในยุคสุดท้าย มุสลิมไม่น้อยที่มีเปลือกสวยงาม แต่เนื้อในอ่อนแอ ปล่อยลูกหลานวัยสาว เดินบนหน้าแผ่นดิน โดยไร้ฮิญาบป้องกัน อารมณ์ และเหตุผล อยู่เหนือหลักการแห่งอัลอิสลาม อาชีพการงานสำคัญกว่าชะรีอัต ความอยู่รอดเชิงวัตถุ สำคัญกว่าความอยู่รอดของอีหม่าน ค่านิยมสำคัญกว่าซุนนะฮฺ ความอยู่รอดส่วนตัว สำคัญกว่าความอยู่รอดของอุมมะฮฺ ไขว่คว้าหาความเข้มแข็งจากอีหม่านที่อ่อนแอ สร้างตึกร้อยชั้น โดยปราศจากเสาเข็มแห่งอะกีดะฮฺที่ถูกต้อง อิสลามที่ยืมรากวัตถุนิยม ลำต้นแห่งปรัชญาเหตุผล ตะวันออก และตะวันตก แล้วเสียบยอดด้วยอิสลามที่แคระแกร่น แต่กลับฝันหวานถึงความรุ่งโรจน์ ของมุสลิมเหมือนอดีต ทั้งวิธีคิด และวินัยของคนยุคนั้น แตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง

4. ด้วยวิสัยทัศน์ที่ไปไม่ถึงอาคีเราะฮฺ พ่อแม่ญาติพี่น้องของเด็กหนุ่ม แสวงหาเจ้าสาวที่ออกทำงาน มาตรแม้นว่าเธอจะรู้จักฮิญาบหรือไม่ก็ตาม มาตรแม้นว่าเธอจะทำหน้าที่ภรรยาและแม่ได้หรือไม่ก็ตาม บางทีเธอไม่รู้จักการตออัตต่อสามี ชอบโต้แย้งในสิทธิของเขา เรียกร้องความเท่าเทียมกันของผู้หญิง ผู้ชายที่มีภาระและบทบาทต่างกัน หญิงที่เตรียมตัวเป็นภรรยาและแม่ เพาะบ่มอีหม่าน อามัล และความเข้าใจศาสนา แต่ไม่แสวงหาอาชีพ ได้ถูกมองข้ามครั้งแล้วครั้งเล่า จนเธอต้องออกไปทำงาน นอกบ้าน เผื่อว่าจะมีชายหนุ่มที่หลงโลก มาขอเธอแต่งงาน ไม่ใช่ว่าการออกไปหาเลี้ยงชีพ ของมุสลิมะฮฺในภาวะจำเป็นนั้น เป็นสิ่งผิดพลาด เพราะไม่มีใครมีสิทธิกำหนดว่า สิ่งหะลาลของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) เป็นสิ่งต้องห้าม และไม่มีข้อสรุปใด ๆ ว่าหญิงที่หาเลี้ยงชีพ จะมีอีหม่านและอามัล ด้อยกว่าผู้หญิงที่หมกตัวอยู่ในบ้านเรือน แต่...ความบิดเบี้ยวที่มองเห็นว่า ค่าของผู้หญิงนั้น ต้องดูที่การงานเป็นหลักนั้น เป็นวิธีคิดที่สั้น และน่าสงสาร

5. มุสลิมในปัจจุบัน กำลังถูกหลอกให้สวมแว่นวัตถุนิยม ด่วนสรุปว่าการแต่งงานในวัยที่อายุน้อย เป็นความผิดพลาดที่น่าอับอาย ทั้ง ๆ ที่ท่านหญิงอาอิชะฮฺ (ร.ด.) แต่งงานกับท่านศาสนทูต (ศ็อล ฯ) เมื่อเธออายุเพียง 9 ขวบ และการแต่งงานในวัยหนุ่มน้อยปรากฏทั่วไป บนหน้าประวัติศาสตร์อิสลาม เมื่อสวมแว่นวัตถุนิยม มุสลิมจะมองว่าหญิงหรือชาย ควรแต่งงานเมื่อเรียนจบ และมีงานทำ ถึงแม้ว่าเจ้าสาวและเจ้าบ่าว จะยังไม่รู้จักญุนุบก็ตาม แต่ถ้าเขาสวมแว่นอิสลาม เขาจะมองเห็นว่า หญิงหรือชายควรแต่งงานเมื่อเขาบรรลุศาสนภาวะ เข้าใจและสามารถอยู่ในกรอบของชะรีอัต ครอบครัวใหม่มีปัจจัยยังชีพเพียงพอ และคู่บ่าวสาวสามารถ สร้างครอบครัวแบบอิสลาม และเมื่อเขาเห็นว่า การแต่งงาน จะปิดประตูซินา ถึงแม้ว่าคู่บ่าวสาวจะมีอายุแค่ 15 ปีก็ตาม ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเรียนนจบ มีงานที่มีเกียรติหรือไม่ก็ตาม การแต่งงานในอิสลาม มีไว้เพื่อปกป้องฟิตนะฮฺ ของการซินา และสร้างครอบครัวอิสลาม ไม่ใช่เพื่อปกป้องเกียรติยศ หน้าตา หรือแสวงหาผลประโยชน์เชิงวัตถุ ตามแนวทางที่ค่านิยมร่วมสมัยของสังคมยุคนี้ต้องการ

6. คนที่มีสติปัญญาที่ถูกความคิดร่วมสมัยครอบงำได้กล่าวว่า "หนุ่มสาวควรแต่งงานเมื่อบรรลุวุฒิภาวะ และมีอาชีพการงาน" และเมื่อถูกถามต่อว่า "อะไรคือวุฒิภาวะ" เขาจะตอบว่า "หนุ่มสาวที่จะแต่งงาน ต้องมีอายุครบ 25 ปี" และเขาตำหนิมุสลิมในรุ่นพ่อแม่ และปู่ ย่า ตา ยาย ที่แต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย เขาไม่สำนึกหรือว่า คนในยุคนี้ แม้แต่งงานช้า แต่กลับมีการหย่าร้าง สูงกว่าคนแต่งงานเร็วในยุคก่อน ยิ่งในสังคมที่ศิวิไลซ์ เขาจับหางของผู้ที่เป็นทาส แนวคิดตะวันตก ไว้แน่น เดินตามกันเหมือนไร้มันสมอง ความจริงแล้ว อิสลามถือว่า เงื่อนไขของผู้บรรลุวุฒิภาวะ คือจะต้องบรรลุศาสนภาวะ พร้อมจะอยู่ในกรอบของชะรีอัต ถึงแม้เขาจะอายุน้อยก็ตาม และเหตุผลหลักของการหย่าร้าง ที่สูงขึ้นของคนในยุคนี้ ถึงแม้ว่าสามีภรรยาจะมีอายุมากกว่า 25 ปี ก็ตาม ก็คือเขาเหล่านั้น กลับยังไม่บรรลุศาสนภาวะ เขาไม่เคยคิดที่จะเอาชะรีอัต มาใช้ในการแก้ปัญหาครอบครัว แต่กลับแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ และเหตุผลที่หาข้อยุติไม่ได้ มีคนโต้แย้งว่า ก็เพราะอย่างนี้นะซิ ในยุคนี้จึงควรแต่งงานช้า คงไม่ผิดเสียทีเดียว... แต่ทั้งหมดนั้น เป็นเพียงดัชนีชี้ ให้เห็นถึงความล้มเหลว ในการตัรบียะฮฺอุมมะฮฺของเราในยุคนี้ !

7. บางคนกล่าวว่า "ฉันยังไม่พร้อมที่จะแต่งงานเพราะไม่มีเงินค่าสินสอด" ! ... โอ้ อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้โปรดให้อภัยแก่บ่าวผู้โง่เขลาของพระองค์ ที่ทำให้สิ่งหะลาลของพระองค์คับแคบ พึงจดจำ ! ถ้าหะลาลถูกทำให้คับแคบ ทางสู่หะรอมจะเปิดกว้าง กระแสนัฟซูของมนุษย์ เสมือนกับกระแสน้ำ ที่ถูกรวบรวมจากฟากฟ้าอย่างต่อเนื่อง หากร่องแม่น้ำแห่งหะลาลถูกปิดกั้น นัฟซูจะเอ่อล้นตลิ่ง ที่เป็นกรอบของอัลอิสลาม ฟิตนะฮฺก็จะบ่าล้นไปทั่วทั้งแผ่นดิน! ไม่มีใครสามารถยับยั้งสตรี ในสิทธิที่จะเรียกมะฮัร ด้วยทองกองพะเนิน เพราะมันคือสิ่งที่อนุมัติ และแท้จริงสิ่งที่หะลาล โดยตัวของมันเอง ไม่ใช่รากเหง้าของปัญหา ดังนั้น มะฮัรที่สูงลิ่ว จึงเป็นเพียงปัญหาปลายเหตุ และเป็นเพียงดัชนีบอกระดับของการละเลยซุนนะฮฺของท่านศาสนทูต (ศ็อล ฯ) มูลเหตุที่แท้จริง ของปัญหาการตั้งมะฮัรสูง คือ ความหลงโลก ละเลยซุนนะฮฺ โรคร้ายของมนุษย์ยุคสุดท้าย แสดงอาการออกมาหลายรูปแบบ และรูปแบบหนึ่ง คือ การโอ้อวดกันด้วยมะฮัร ! โอ้คนหนุ่มของเรา...อย่าเพิ่งสิ้นหวัง เมื่อมุสลิมะฮฺที่ท่านทั้งหลายหมายปอง ได้สร้างความลำบาก ให้แก่ท่าน ก็ยังมีมุสลิมะฮฺอีกจำนวนไม่น้อย ที่เรียกมะฮัรต่ำ เธอเหล่านั้นส่วนหนึ่งคือผู้อีหม่าน และเข้าใจซุนนะฮฺ เธอคือสตรีกลุ่มแรกที่ควรแก่การเลือกสรร พวกเธอยังไม่สูญพันธุ์ แต่มีอยู่เฉพาะในเขตสงวน ที่พวกท่านต้องไปค้นหาเอง !

8. เรามักจะได้ยินคนพูดกันว่า "มนุษย์ทุกคนที่เกิดมา อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้กำหนดคู่ครองไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่ใช่คู่กัน จะพยายามเท่าใดก็ไม่สำเร็จ" คำพูดนี้ถูกต้อง แต่ทั้งผู้พูดและผู้ฟัง มักจะตีความผิดพลาด เพราะบางคนเข้าใจว่า "ริสกีอย่างอื่นจะได้มาก็ต้องด้วยการขวนขวาย แต่เป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ ที่จะขวนขวายหาคู่ครอง เพราะเป็นเรื่องที่ได้ถูกลิขิตไว้แล้ว ดิ้นรนไปก็แค่นั้น" ความจริงแล้ว ริสกีทุกอย่างของมนุษย์คนหนึ่งนั้น อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้กำหนดไว้แล้ว และการกำหนดของอัลลอฮฺ(ซ.บ.) ในเรื่องคู่ครองก็ไม่มีอะไรพิเศษไปจากริสกีอื่น ๆ เพราะการลิขิตของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) นั้น มีเพื่อความง่ายดายแก่ผู้อุตสาหะ และลิขิตของพระองค์ ไม่ใช่ข้ออ้างแก่ผู้ที่ถลำเข้าสู่ความชั่ว เพราะการเลือกคู่ครองที่ผิดพลาด
9. โอ้...สตรี ผู้เป็นเช่นมารดาของประชาชาติทั้งหลาย การดูแลเอาใจใส่สามี และการเลี้ยงดูลูกหลาน อบรมเยาวชนเบ้าหลอมแห่งอัลกุรอานและอัซ-ซุนนะฮฺ คือ ภาระกิจหลักที่ยิ่งใหญ่และหนักอึ้ง สวรรค์ของเธออยู่ที่ความพึงพอใจของสามี และความสมบูรณ์ของภารกิจในบ้านเรือน มันคือวาญิบเหนือพวกเธอ ส่วนการแสวงหาปัจจัยยังชีพ สำหรับเธอ เป็นเพียงสิ่งที่อนุมัติ หรือบางที่อาจจะเป็นสุนัต และเธอคงทราบดีว่า สิ่งที่เป็นสุนัตจะเบา เหมือนฝุ่น ถ้าสิ่งวาญิบถูกละเลย ฉันเตือนพวกเธอ เพราะเกรงว่าพวกเธอจะหลงทาง สายตาของเธออาจจะมองไปแค่ระยะสั้น ๆ เห็นเพียงความอยู่รอดในดุนยานี้ และลืมภาระกิจอันยิ่งใหญ่

สตรี...สำหรับเธอ สามี ลูกและบ้าน คือสะพานสู่สวรรค์ จงให้เกียรติ และเชื่อฟังสามี อย่างบ่าวสยบต่อราชา ตราบเท่าที่เขาปฏิบัติตัว อยู่ในกรอบของชะรีอัต เพราะเขาคือผู้ปกครองสูงสุดของเธอ เขาจะต้องได้รับการเชื่อฟังยิ่งกว่าพ่อและแม่แท้ ๆ

เธอจะต้อง...ดูแลทรัพย์สินของสามี ไม่ให้ผู้ที่เขารังเกียจเข้าบ้าน

เธอจะต้อง...ยอมรับในสิทธิของสามี และยอมรับการตัดสินปัญหาต่าง ๆ ของเขาที่ไม่ขัดกับชะรีอัต

เธอจะต้อง...ไม่โต้เถียง ไม่ขึ้นเสียง กับสามี เมื่อมีความเห็นที่ขัดแย้ง แต่ควรแสดงความคิดเห็น อย่างนิ่มนวล

เธอจะต้อง...ไม่กดดันสามีด้วยภาระที่เกินความสามารถของเขา

เธอจะต้อง...รักษาความงามเพื่อเขา

เธอจะต้อง...ให้เกียรติญาติพี่น้องของเขา

เธอจะต้อง...ไม่ออกจากบ้าน นอกจากได้รับอนุญาตเสียก่อน

สตรี...ฉันอยากเตือนเธอว่า ชาวนรกส่วนนรกส่วนใหญ่ เป็นผู้หญิง เพราะเธอเหล่านั้น ไม่เคารพสิทธิของสามี และลุ่มหลงอยู่กับอาภรณ์เครื่องประดับ

โอ้! สตรี...ฉันจะประกาศข่างดีแก่เธอทั้งหลายว่า การภักดีต่อสามี และการยอมรับในสิทธิของสามีนั้น มีผลบุญเทียบเท่ากับการญิฮาดของบุรุษ ความจริงพวกเธอโชคดีกว่าบุรุษหลายเท่า ถ้าเธออดทน!

10. โอ้ ! บุรุษ...ผู้เป็นสามี ท่านคือผู้ปกครองแห่งสตรี สิทธิของท่านเหนือภรรยานั้น มาพร้อมโซ่ตรวน แห่งภาระ อย่ามักง่ายต่อมัคลูก ที่เต็มไปด้วยความละเอียดอ่อน เพราะเธอถูกสร้าง มาจากกระดูกซี่โครงที่คด หากจะดัดให้มันตรงมันจะแตก และหากท่านปล่อยไว้ มันจะคดอย่างถาวร

โอ้...ผู้ปกครองของสตรี จงรักษาสิทธิของภรรยาของท่านอย่างเคร่งครัด

จง...ให้เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มและอาหารอย่างดีแก่พวกนาง

จง...อยู่ร่วมกับพวกนางด้วยคุณธรรมและยุติธรรม

จง...อดทนต่อมารยาทที่ไม่งามของพวกนาง ตอบโต้นางอย่างนิ่มนวล

จง...ยอมผ่อนปรน และให้อภัยเมื่อพวกนางได้ละเมิดสิทธิของท่าน

แต่จง...อย่าผ่อนปรนถ้าพวกนางละเมิดสิทธิต่าง ๆ ของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)

จง...เจียรไนพวกนางให้รักษาเอาเราะฮฺอย่างเคร่งครัด

จง...อย่าปล่อยให้พวกนางใช้ชีวิตอย่างไร้สาระด้วยเสียงดนตรี ภาพยนต์ และหนังสือนวนิยาย

จง...เคารพ ให้เกียรติ ชื่นชมพวกนาง

จง...อย่ากำหนดภาระแก่นางในสิ่งซึ่งควรจะเป็นภาระของตัวท่านเอง

จง...อนุญาตให้นางไปเยี่ยมพ่อแม่ ญาตพี่น้องและเพื่อนบ้าน

จงห้ามปราม...ไม่ให้ไปสมาคมกับหญิงผู้ฝ่าฝืน

จงอย่า...กลับบ้านดึก ทิ้งพวกนางไว้ให้รอคอยท่ามกลางความไม่แน่นอน

ท่านไม่ควรที่จะ...ใช้ทรัพย์สมบัติของพวกนางโดยที่พวกนางไม่เต็มใจ

จง...ตั้งใจฟังพวกนาง เมื่อพวกนางพูดจาหรือให้คำแนะนำ และจงมีมารยาทอ่อนโยนเสมอ

จงรู้เถิดว่า...ท่านไม่ได้โชคดีกว่าพวกนาง ที่อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้กำหนดให้ท่านมีอำนาจเหนือพวกนาง เพราะเพียงพวกนางปฏิบัติฟัรฎู เชื่อฟังท่าน และเคารพสิทธิของสามี พวกนางก็สามารถเข้าประตูสวรรค์ ได้ตามประสงค์ พวกนางไม่ต้องรับผิดชอบในบาปของท่าน !

ท่านจะต้อง...ดิ้นรนหาปัจจัยยังชีพ ให้แก่พวกนาง และทายาทของนาง นั่นคือ ท่านคือผู้ที่ต้องออก สู่สมรภูมิ ทั้งในยามสงครามและยามสงบ

พวกท่านคือกำแพงที่มีชีวิตปกป้องพวกนางและผู้อ่อนแอทั้งหมด

พวกท่านจะต้องเข้มแข็ง และอดทน ทั้งภายนอกและภายใน

พวกท่านทั้งหลาย จะต้องเตรียมพร้อม ที่จะนำทัพครอบครัว จากดุนยานี้ ไปสู่อะคีเราะฮฺ โดยปลอดภัย

จงอย่า...คล้อยตามนัฟซูของพวกนาง และนัฟซูของตัวท่านเอง เพราะท่านคือแม่ทัพ หรือทหารของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ที่ฟังเพียงบัญชาการของพระองค์เท่านั้น และพวกเราทั้งหลาย จะประกาศว่า

“โอ้...ผู้อภิบาลของเรา พวกเราจะไม่นำสิ่งใดมาเป็นภาคี
แก่พระองค์”.....อามีีน

............................
สุวัฒน์ อิสมาแอล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น