อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558

ใครกันที่หักหลังท่านฮุเซ็น หากไม่ใช่ผู้ที่กล่าวว่าเราคือชีอะฮฺฮุเซ็น


ขณะที่ท่านฮุเซ็นและครอบครัวเดินทางจากมักกะฮฺไปยังกูฟะฮฺ เพื่อไปตามสัญญาที่พวกกูฟะฮฺเรียกร้องให้ท่านขึ้นดำรงตำหน่งเคาะลีฟะฮฺ เมื่อมาถึงซะร็อฟ และจะเดินทางต่อไป ก็ได้มีฮูรฺ บินยะซีด ตะมีมี(ตอนหลังกลับใจเข้าสู้รบเข้าฝ่ายท่านฮุเซ็น)ซึ่งถูกแต่งตั้งจากอุบัยดุลลอฮฺ บินซิยาด เจ้าเมืองกูฟะฮฺและบัรเราะฮฺ เพื่อเฝ้าเส้นทางทุกสาย และลาดตระเวนสะกัดกั้นการมาของท่านฮุเซ็น เข้ามาสกัดท่านด้วยทหาร 1,000 คน ท่านฮุเซ็นจึงออกไปพุดกับฮูร.ว่า
"ฉันมาที่นี่ตามที่พวกท่านเรียก ถ้าหากพวกท่านยังยึดมั่นสัญญา ฉันก็จะเข้าเมือง มิเช่นนั้นแล้ว ฉันก็จะไปตามทางที่ฉันได้มา"
ฮุรฺกล่าวกับท่านฮุเซ็นว่า
อุบัยดุลลอฮฺ บินซิยาต ได้สั่งฉันอยู่กับท่านและกักตัวท่านไว้"
ท่านฮุเซ็นกล่าวว่า
"เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะทนต่อความอัฟยศโดยการไปหาเขาในสภาพที่ถูกกักกันตัว"

และท่านฮุเซน ยังได้ตะโกนพูดกับเหล่าทหารจากกุฟะฮฺ ซึ่งขณะนั้นท่านได้ถูกทหารกุฟะฮฺปิดล้อมท่านไว้ ณ กัรฺบะลาว่า
"ชาวกูฟะฮฺทั้งหลาย ฉันรู้ดีว่าคำพูดนี้จะไม่เกิดผลอะไรในตอนนี้ และอะไรก็ตามที่พวกท่านต้องทำ พวกท่านก็ไม่ยอมเลิกทำ แต่ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องยุติโดยคำขอร้องต่อทุกคนเพื่อเห็นแก่อัลลอฮฺ และท่านจะต้องเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดด้วย"

"พวกท่านทั้งหลาย ขอให้พวกท่านที่รู้จักฉัน และไม่รู้จักกันรู้ไว้ด้วยว่า ฉันเป็นหลานชายของท่านนบีและเป็นลูกชายของอะลี บินอบูฏอลิบ แม่ของฉันคือฟาฏิมะฮฺ ลูกสาวของท่านนบี และญะฟัรฺ บินอบูฏอลิบเป็นลุงของฉัน นอกจากความภาคภูมิใจในสายตระกูลแล้ว ฉันยังมีความภาคภูมิใจในชื่อเสียงของฉันอีก ท่านนบีได้เรียกฉันว่าเป็นหัวหน้าของเยาวชนแห่งสวรรค์ ถ้าหากพวกท่านไม่เชื่อฉัน พวกท่านไปถามบรรดาสาวกของท่านนบีที่ยังมีชีวิตดูก็ได้ ฉันไม่เคยทำลายสัญญา ฉันไม่เคยพลาดการละหมาด ฉันไม่เคยฆ่ามุสลิมและไม่เคยทำร้ายผู้ใด ถ้าลาของท่านนบีอีซามีชีวิตอยู่ ทั่วคริสตจักรก็คงต้องสาละวนอยู่กับการให้อาหารและดูแลมันจนกระทั่งถึงวันพิพากษา พวกท่านเป็นมุสลิมและผู้ปฏิบัติตามประเภทไหน ที่ต้องการฆ่าหลานนบีของพวกท่าน? พวกท่านไม่เกรงกลัวอัลลอฮฺและไม่อายแทนท่านนบีบ้างเลยหรือ? ในเมื่อฉันไม่เคยฆ่าใครในชีวิต ฉันก็ไม่สมควรที่จะได้รับการฆ่าเป็นการตอบโต้ บอกฉันหน่อยสิว่าพวกท่านถือว่าการหลั่งเลือดของฉันเป็นที่อนุมัติได้อย่างไร? เมื่อเลิกยุ่งกับการแสวงหาทางโลกและความขัดแย้งแล้ว ฉันก็ได้อยู่ในมะดีนะฮฺแทบเท้าของท่านนบี แต่พวกท่านไม่ยอมให้ฉันอยู่แม่แต่ที่นั่น ดังนั้น ฉันจึงไปเข้าเฝ้าสักการะอัลลอฮฺอยู่ในบ้านของอัลลอฮฺในมักกะฮ์ พวกท่านชาวกูฟะฮฺก็ไม่ยอมให้ฉันได้พักผ่อนที่นั่นและยังส่งจดหมายมาถึงฉัน โดยกล่าวว่าฉันเป็นผู้ชอบธรรมที่จะได้เป็นผู้นำและพวกท่านต้องการจะให้สัตย์ปฏิญาณจงรักภักดีต่อฉันในฐานะเคาะลีฟะฮฺ เมื่อฉันตอบสนองคำเรียกร้องของพวกท่านละมาที่นี่ พวกท่านก็เป็นกบฏต่อฉัน ถ้าพวกท่าจะช่วยฉัน แม้แต่ในตอนนี้ ฉันก็ต้องการให้ท่านอย่าได้ฆ่าฉันและปล่อยฉันไว้ตามลำพังเพื่อที่ฉันจะได้ไปยังมักกะฮฺหรือมะดีนะฮฺ เพื่อที่จะได้ไปทำละหมาดอย่างมีสมาธิและอัลลอฮฺตัดสินในโลกนี้เองว่าใครเป็นฝ่ายถูกและใครเป็นฝ่ายผิด"

ทุนคนที่ได้ยินตำพูดของท่านฮุเซ็นต่างเงียบกริบและไม่มีคำตอบ หลังจากที่คอยอยู่สักพัก ท่านฮุเซ็น ก็กล่าวว่า
"ขอบคุณอัลลอฮฺ ฉันได้ร้องขอต่อท่านแล้ว และพวกท่านก็ไม่สามารถให้คำตอบใดๆแก่ฉันได้"

หลังจากนั้น ท่านฮุเซ็นก็เอ่ยชื่อคนบางคน เช่น ชับต์ บินเราะบียะฮฺ, ฮัจญาจ บินอัลฮะซัน, ก้อยสฺ บินอัลอะชัส, ฮุรฺ บินยะซีด ตะมีมีและคนอื่นๆ แล้วตะโกนถามว่า
"พวกท่านมิได้เขียนจดหมายมาถึงฉันและรบเร้าเรียกฉันมาที่นี่กระนั้นหรือ แต่ตอนนี้ เมื่อฉันมาแล้ว พวกท่านก็กลับคิดที่จะฆ่าฉัน"

เมื่อคนเหล่านั้นได้ยิน พวกเขาได้บอกว่าพวกเขาไม่ได้เขียนจดหมายไปถึงท่านและก็ไม่ได้เรียกท่านมาที่นี่ด้วย ท่านฮุเซ็นจึงได้เอาจดหมายของพวกเขาออกมาอ่านที่ละฉบับ โดยบอกพวกเขาว่าจดหมายเหล่านี้เป็นของพวกเขา ดังนั้นคนพวกนี้จึงตอบว่า พวกเขาจะเขียนจดหมายดังกล่าวหรือไม่ก็ตาม ตอนนี้พวกเขาเบื่อท่านเต็มทนแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้น ท่านฮุเซ็นก็ลงจากอูฐพร้อมทำสงคราม...

และท่านอับดุลลอฮฺ บินซุเบรฺ ได้กล่าวปราศรัยกับผู้คนที่มาชุมนมกันที่มักกะฮฺภายหลังที่ท่านฮุเซ็นเสียชีวิตจากการสังหารของเหล่าทหารกูฟะฮฺ ว่า
พวกท่านทั้งหลาย ไม่มีใครที่จะเลวไปกว่าชาวอิรักและหมู่อิรักด้วยกัน ชาวกูฟะฮฺนั้นเลวที่สุด พวกเขาเขียนจดหมายครั้งแล้วครั้งเล่ามาเรียกท่านฮุเซ้นให้ไปหาพวกเขาและให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะสนับสนุนเขาให้เป็นเคาะลีฟะฮฺ แต่เมื่ออุบัยดุลลอฮฺ บินซิยาด มาถึงกูฟะฮ(เดินทางมาจากบัศเราะฮฺ) พวกเขาก็ไปห้อมล้อมรอบเขาและฆ่าท่านฮุเซ็นผู้ยำเกรงพระเจ้า ผู้ถือศิลอด อ่านอัลกุรอานและสมควรได้รับตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺในทุกด้าน"

(The Hustory of Islam)

โอ้ชาวชีอะฮฺทั้งหลาย ไหนเล่าที่ว่าพวกท่านเป็นชีอะฮฺ(พรรคพวก)ของท่านฮุเซ็น แล้วเหตุใดเล่าที่บรรพบุรุษของพวกท่านถึงหักหลังท่านอิมามฮุเซ็นเช่นนี้

แล้วการที่พวกท่าน(หล่าชีอะฮฺ)ได้อุตริทำการทรมานตน ด้วยการส่งเสียงร้องครวญคราง ชกหน้า ทุบตี และฉีกเสื้อผ้าของตนเองเป็นการไหว้อาลัยท่านฮุเซ็น เพื่ออะไร?

หรือเพื่อสำนึกผิด เกิดความเสียใจ ที่บรรพบุรุษของพวกตนได้เป็นกบฏ หักหลังท่านฮุเซ็น หลานของท่านนบี (ศ็อลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)อย่างไม่มีเยื่อใย ใช่หรือไม่???











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น