อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558

นานา ตะบัรรุก ตอน ศิษย์ ลืมคำครู



ท่านชัยคฺ รอมดอน อัลบูตีย์ หัวหน้าซูฟีย์ในซีเรีย คู่อริกับ ชัยค์อัลบานีย์ ร่อฮิมะฮุมั้ลลอฮ์ กล่าวว่า :

فإذا دنوتَ إلى القبر الشريف بعد ذلك، فإياك أن تهجم عليه، أو تلتصق بالشبابيك، أو تتمسح بها، كما يفعل كثير من الجهال، فتلك بدعة توشك أن تكون محرمة، بل قف بعيداً عن القبر؛ نحو أربعة أذرع

"หลังจากนั้น เมื่อท่านได้เดินไปใกล้กับ กุโบรอัซซะรีฟ(กุโบรของท่านนบี) ดังกล่าวนั้น ท่านพึงระวัง อย่าได้บุกตะลุยเข้าไป หรือ เอาหน้าไปแนบกับรั่วหน้าต่างหรือเอามือไปลูบๆคลำๆไถๆ(จูบ)มัน ดังเช่นที่พวกโฉดเขลามากมายได้กระทำไว้ นี่มันเป็นบิดอะห์ เกือบจะฮะรอม(ชิริก)แล้วนะนั้น แต่ให้ท่านยืนให้ห่างจาก กุโบรประมาน 4 ศอกละกันนะ"
|| ฟิกฮุซซีเราะห์ หน้า 523 มูฮำหมัด สะอี๊ด รอมดอน อัลบูตีย์ ดารุ้ลฟิกร์ : เบรูต พิมพ์ครั้งที่ 5 1392.


ท่านชัยค์ อับดุลกอดีร อัลญัยลานีย์ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์ กล่าวว่า :

وإذا زار قبراً، لا يضع يده عليه، ولا يقبله؛ فإنها عادة اليهود

"และเมื่อท่านได้ไปซิยาเราะห์ กุโบรหนึ่ง อย่าได้วางมือลงไปสัมผัสบนกุโบร และอย่าได้กุจุ๊บๆๆๆ มัน เพราะแม้จริงแล้ว มันคือ อาดะห์ ประเพณีของยิว"

|| อัลฆอนียะห์ เล่ม 1 หน้า 198

อิมาม อัลฆอซาลีย์ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์ กล่าวว่า :

ليس من السنة أن يمس الجدار، ولا أن يقبله، بل الوقوف من بُعدٍ أقرب للاحترام

"และมันไม่ใช่แบบฉบับซุนนะห์เลย ในการที่จะไปสัมผัส กำแพง(ที่ล้อมกุโบร) และก็ไม่ใช่ซุนนะห์ ที่จะไปจูบมัน แต่ให้หยุดยืน ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงนั้น เพื่อให้เป็นการให้เกียตริ(แก่กุโบร) ...."

และอีกตอนหนึ่ง กล่าวไว้ว่า :

فإن المس والتقبيل للمشاهد؛ عادة اليهود والنصارى

"แท้จริง การสัมผัสและการจูบ สำหรับผู้มาซิยาเราะห์นั้น มันคือ ประเพณีของยะฮูด และนะศอรอ ...."

|| อิห์ยาอฺ อุลูมิดดีน เล่ม 1 หน้า 259 และ 271

นี่ขนาดกุโบร นบีนะ ส่วนกุโบร ศอฮาบะห์ คนศอและห์ คงไม่ต้องพูดถึง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น