อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2558

ทำอย่างไรจึงจะรอดพ้นจากแนวทางชีอะฮฺอันสุดแสนอันตราย‬



ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่เที่ยงแท้ ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้อิสลามแปดเปื้อนไปได้ นั่นหมายความว่าถ้ามีสิ่งใดที่เข้ามาทำให้อิสลามแปดเปื้อนแล้ว ก็ต้องมีการพิสูจน์ทันทีว่าสิ่งนั้นอันนี้จริงหรือเท็จ และการพิสูจน์นั้นย่อมต้องกลับไปกีตาบุลลอฮและซุนนะฮฺ
จากอิบนุ อุมัร เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุมา กล่าวว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า
“แท้จริงอิสลามวางอยู่บนรากฐานห้าประการ หนึ่ง..การกล่าวปฏิญาณตนว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่สมควรแก่การกราบไว้นอกจากอัลลอฮฺ
สอง..การดำรงการละหมาด สาม..การจ่ายซะกาต สี่..การถือศีลอดเดือนเราะมะฎอน ห้า..การประกอบพิธีฮัจญ์ ณ บัยตุลลอฮฺ”
(บันทึกโดยอัลบุคอรียฺ หมายเลขหะดีษ 8 และมุสลิม หมายเลขหะดีษ 16 สำนวนหะดีษเป็นของท่าน)
ดังนั้นใครที่ไม่มีองค์ประกอบของหลักศรัทธาและหลักปฏิบัติแบบนี้ ก็คงจะไม่ต้องสงสัยใด ๆ ว่าเขาผู้นั้นเป็นมุสลิมหรือไม่ เราจะคบค้าสมาคมกับใคร เราจะบอกได้ว่าใครคือพี่น้องร่วมศรัทธาหรือไม่ แน่นอนเราก็ต้องดูที่หลักศรัทธา หากหลักศรัทธาต่างกันจะเป็นพี่น้องร่วมศรัทธาได้อย่างไร ?
เพราะอัลลอฮฺ ได้กล่าวไว้ว่า
“แท้จริง บรรดาผู้ศรัทธานั้น เป็นพี่น้องกัน”
(อัลฮุญุร็อต 4 /10)
อายะฮฺนี้ได้บอกไว้ชัดเจนว่ามุสลิมนั้นเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นเมื่อเราจะต้องเป็นพี่น้องกับผู้ศรัทธาเท่านั้น แล้วเราจะเป็นพี่น้องร่วมศรัทธากับชีอะฮฺได้ไหม ? ซึ่งคำตอบมีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้นคือ ไม่มีทางทีเราจะเป็นพี่น้องร่วมศรัทธากับกลุ่มชีอะฮฺไปได้ ชีอะฮฺจะเป็นพี่น้องกับมุสลิมผู้ศรัทธาได้อย่างไรในเมื่อเขาก่นด่าสาปแช่งมารดาของเรา ทั้งที่มารดาของเราคือผู้ที่เผยแผ่ความรุ้เกี่ยวกับศาสนาที่มานบี ได้สอนไว้ ?
เราจะเข้าใกล้ชิดอยู่กับกลุ่มที่ปฏิเสธอัลกุรอานได้อย่างไร ? เราจะใกล้ชิดกลุ่มคนที่กระทำในนบีห้ามได้อย่าง ? สิ่งที่บอกว่ากลุ่มนี้ปฏิเสธอัลกุรอาน คือ การที่ชีอะฮฺได้กล่าวมาแล้วว่า อัลกุรอานฉบับปัจุบันนั้นไม่สมบูรณ์ นี่คือสิ่งที่ชีอะฮฺท้ทายอำนาจของพระเจ้า อีกทั้งการก่นด่าสาปแช่งบรรดาสหายของท่านนบี ที่ชีอะฮฺชอบกระทำ
นบีมุฮัมมัด ได้ห้ามไว้อย่างชัดเจนว่า
อาดัม บินอบีอิยาสเล่าให้เราฟัง ชุอ์บะฮ์เล่าให้เราฟัง จากอัลอะอ์มัชเล่าว่า ฉันได้ยินซักวานเล่ามาจากท่านอะบีสะอีด อัลคุดรี เขากล่าวว่า:
ท่านนบีมุฮัมมัด กล่าวว่า : พวกเจ้าจงอย่าด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน เพราะหากพวกท่านบริจาคทองประหนึ่งดังภูเขาอุฮุด ก็จะไม่เท่ากับพวกเขาบริจาคหนึ่งมุดหรือเพียงครึ่งมุด
นบี ได้สั่งห้ามการก่นด่าซอฮาบะฮฺของท่านนบีแต่ชีอะฮฺกลับปฏิเสธคำสั่งนบี อย่างชัดเจนเช่นกัน โดยพวกเขาไม่เว้นแม้แต่ท่านอบูบักร ท่านหญิงอาอีชะฮฺ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสำคัญอย่างสูงต่อศาสนาอิสลาม อีกคำถามที่มักเกิดขึ้นกับใครหลายคนก็คือ การอ้างว่า เราจะไปกล่าวหาชีอะฮฺว่าเป็นกาเฟรได้อย่างไร ในเมื่อเขากาลีมะฮฺเดียวกับซุนนี แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่
“ลาอีละฮฺฮาอิลลัลลอฮ มูฮัมมัดดัรรอซูลลุลลอฮ อาลียุนวะลียุลลอฮคอไมนีฮุจญาตัลลอฮฺ "
(จากหนังสือวะฮฺดะฮฺอิสลามี หน้า 4)
นี่คือการกล่าวกาลีมะฮฺแบบนี้ที่ชนชาวชีอะฮฺกล่าว แล้วเราจะบอกว่าเขาคือพี่น้องร่วมศรัทธาของมุสลิมได้อย่างไร ! ตราบใดที่เขายังมีกาลีมะฮฺชาฮาดะฮฺต่างกับเรา เขาจะเป็นพี่น้องเราได้อย่างไร ? พอที่จะมองออกแล้วไหม...ว่าทำไมเราจะต้องห่างไกลกับชีอะฮฺ เนื่องจากชีอะฮฺนั้นเป็นกาเฟร เป็นแนวทางที่ทำลายอัลกุรอาน และอัลฮาดิษที่บริสุทธิ์
แต่เราจะหลีกห่างกลุ่มนี้ได้อย่างไร ?
จากคำถามนี้ หากเราได้เรียนรู้ธาตุแท้ของชีอะฮฺแล้ว เราจะเห็นได้ว่า ชีอะฮฺทำตนแข็งกร้าวต่ออำนาจพระเจ้า ซึ่งเราจะเห็นความใกล้เคียงของชีอะฮฺกับยิว
ดังนั้นเราสามารถวางตัวได้ว่า ชีอะฮฺ คือ ยิวกลุ่มหนึ่ง เขาเชื่อในพระเจ้าก็จริง แต่อย่าลืมว่า คริสต์ ยูดาย ต่างก็เชื่อพระเจ้า และสองกลุ่มนี้ได้กลายเป็นผู้ปฏิเสธไปเสียแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เราพึงกระทำก็คือ อย่าไปคลุกคลีกับกลุ่มนี้ เนื่องจากพวกเขามีลักษณะของ มูนาฟิก แล้วยังมีแนวคิดยิวมาปะปนด้วย อีกทั้งเมื่อกลุ่มนี้เป็นกาเฟร เราก็คงจะต้องกล่าวว่า ศาสนาของท่านก็คือศาสนาของท่าน ศาสนาของเราก็ศาสนาของเรา


ที่มาบทความ
http://www.islammore.com/main/content.php…

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น