อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

การกินบุญเนื่องจากการตายในทัศนะของปราชญ์มัซฮับชาฟิอีย์



1. อัลมะนาวีย์( ฮ.ศ 952 -1031) ปราชญ์มัซฮับชาฟิอี กล่าวว่า

قال القرطبي: الاجتماع إلى أهل الميت وصنعهم الطعام والمبيت عندهم كل ذلك من فعل الجاهلية، قال: ونحو منه الطعام الذي يصطنعه أهل الميت في اليوم السابع، ويجتمع له الناس يريدون به القربة والترحم عليه، وهذا لم يكن فيما تقدم، ولا ينبغي للمسلمين أن يقتدوا بأهل الكفر
อิหม่ามอัลกุรฏุบีย์ กล่าวว่า "การชุมนุม ที่ครอบครัวผู้ตาย ,การที่พวกเขาทำอาหารกินกันและพักแรมคืน ณ ที่พวกเขา ,ทั้งหมดดังกล่าวนั้น เป็นส่วนหนึ่งจากการกระทำของพวกญาฮิลียะฮ ,เขา(อิหม่ามกุรฏุบีย) กล่าวว่า เช่น อาหารที่ครอบครัวผู้ตายทำ ในวันที่เจ็ด(ของการตาย) และ ให้บรรดาผู้คนมาร่วมชุมนุมกันสำหรับมัน ด้วยการกระทำนั้น เพื่อจุดประสงค์ที่จะทำความใกล้ชิด(อิบาดะฮต่ออัลลอฮ) และ เป็นการแสดงความสงสารต่อเขา(ผู้ตาย) และการกระทำแบบนี้ ไม่ปรากฏในยุคก่อนๆ ที่ผ่านมา และไม่สมควรแก่บรรดามุสลิม ที่จะตาม (แบบอย่าง)ชาวกาเฟร ....ฟัยฎุลเกาะดีร เล่ม 1 หน้า 534

2. อิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย ฮ.ศ 909 -973 (ปราชมัซฮับชาฟิอี) กล่าวว่า
وَمَا اُعْتِيدَ مِنْ جَعْلِ أَهْلِ الْمَيِّتِ طَعَامًا لِيَدْعُوا النَّاسَ عَلَيْهِ بِدْعَةٌ مَكْرُوهَةٌ
สำหรับ สิ่งที่เป็นประเพณี จากการที่ครอบครัวผู้ตายทำอาหาร และเชิญบรรดาผู้คน บนมันนั้น เป็นบิดอะฮที่น่ารังเกียจ – ดู ตุคฟะตุลมุหตาจญ ฟี ชัรห มินฮาจญ เล่ม 3 หน้า 208

3. ท่านอิหม่ามนะวะวีย์ (สิ้นชีวิตปี ฮ.ศ. 676) ได้กล่าวว่า

قَالَ صَاحِبُ الشَّامِلِ وَغَيْرُهُ : وَأَمَّا إِصْلاَحُ أَهْلِ الْمَيِّتِ طَعَامًا وَجَمْعُ النَّاسِ عَلَيْهِ فَلَمْ يُنْقَلْ فِيْهِ شَىْءٌ وَهُوَ بِدْعَةٌ غَيْرُ مُسْتَحَبَّةٍ …..
“ท่านเจ้าของหนังสือ “อัช-ชามิล” (มีชื่อว่า อบูนัศรฺ, มะห์มูด บิน อัล-ฟัฎล์ อัล-อิศบะฮานีย์, มีชื่อรองว่า อิบนุ ศ็อบบาค เป็นชาวเมืองอิศฟาฮาน, สิ้นชีวิตปี ฮ.ศ. 512) และนักวิชาการท่านอื่นๆกล่าวว่า … อนึ่ง การที่ครอบครัวผู้ตายได้จัดปรุงอาหารขึ้น และเชิญชวนผู้คนให้มาร่วมรับประทานกัน พฤติกรรมนี้ ไม่เคยปรากฏมีรายงานหลักฐานมาแต่ประการใด, ดังนั้น มันจึงเป็นบิดอะฮ์ที่ไม่ชอบตามหลักการศาสนา- “อัล-มัจญมั๊วะอฺ” เล่มที่ 5 หน้า 320

4. ท่านอะห์มัด บิน ซัยนีย์ ดะห์ลาน อดีตมุฟตีย์ของมัษฮับชาฟิอีย์แห่งนครมักกะฮ์ ได้กล่าวตอบเมื่อมีผู้ถามปัญหาเรื่องการเลี้ยงอาหารบ้านผู้ตายว่
า …
نَعَمْ، مَايَفْعَلُهُ النَّاسُ مِنَ اْلإِجْتِمَاعِ عِنْدَ أَهْلِ الْمَيِّتِ وَصُنْعِ الطَّعَامِ مِنَ الْبِدَعِ الْمُنْكَرَةِ الَّتِىْ يُثَابُ عَلَى مَنْعِهَا وَالِى اْلأَمْرِ …
..
“ใช่, สิ่งซึ่งประชาชนกำลังกระทำกัน อันได้แก่การไปชุมนุมกัน ณ ครอบครัวผู้ตาย และมีการปรุงอาหาร (เพื่อเลี้ยงดูกัน) ถือว่า เป็นหนึ่งจากบิดอะฮ์ต้องห้าม .. ซึ่งผู้นำที่ต่อต้านเรื่องนี้ จะได้รับผลบุญตอบแทน ………”
(จากหนังสือ “อิอานะฮ์ อัฏ-ฏอลิบีน” เล่มที่ 2 หน้า 145)
ท่านเช็คอะห์มัด ซัยนีย์ ดะห์ลาน ยังได้กล่าวในการตอบคำถามนี้อีกตอนหนึ่งว่า
وَلاَ شَكَّ أَنَّ مَنْعَ النَّاسِ مِنْ هَذِهِ الْبِدْعَةِ الْمُنْكَرَةِ فِيْهِ إِحْيَاءٌ لِلسُّنَّةِ وَإِمَاتَةٌ لِلْبِدْعَةِ، وَفَتْحٌ لِكَثِيْرٍ مِنْ أَبْوَابِ الْخَيْرِ وَغَلْقٌ لِكَثِيْرٍ مِنْ أَبْوَابِ الشَّرِّ، فَإِنَّ النَّاسَ يَتَكَلَّفُوْنَ كَثِيْرًا يُؤَدِّىْ إِلَى أَنْ يَكُوْنَ ذَلِكَ الصُّنْعُ مُحَرَّمًا …
.
“และไม่มีข้อสงสัยใดๆเลยว่า การห้ามปรามประชาชนจาก (การกระทำ) สิ่งบิดอะฮ์ต้องห้ามอย่างนี้ คือการฟื้นฟูซุนนะฮ์และเป็นการทำลายบิดอะฮ์, และยังเป็นการเปิดประตูแห่งความดีอย่างมากมาย และเป็นการปิดประตูแห่งความชั่วอย่างมากมาย,เพราะว่าประชาชนต่างก็ทุ่มเท(ในเรื่องนี้) กันอย่างหนัก จนการกระทำดังกล่าวอาจนำไปสู่การปฏิบัติที่ต้องห้ามได้” …
(จากหนังสือ “อิอานะฮ์ อัฏ-ฏอลิบีน” เล่มที่ 2 หน้า 146)

والله أعلم بالصواب



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น