อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558

อย่าเข้าใกล้การละหมาดและพำนักในมัสยิดขณะที่เป็นผู้มีญะนาบะฮฺ



“ได้ยินไหม โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ?” เป็นหนังสือที่เรียบเรียงขึ้นมา โดยการรวบรวมอายะฮฺอัลกุรอานที่อัลลอฮฺทรงเรียกบ่าวของพระองค์ด้วยกับสำนวน “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย” ซึ่งมีทั้งหมด 90 อายะฮฺหรือ 90 คำเรียกร้อง ซึ่งในการเรียบเรียงหนังสือในครั้งนี้ได้มีการนำเสนอเนื้อหาสาระและข้อคิดต่าง ๆ ที่ได้รับจากคำเรียกร้องดังกล่าว ที่ผ่านการศึกษา การวิเคราะห์ และพินิจใคร่ครวญจากตำรับตำราต่าง ๆ รวมถึงจากมุมมองของบรรดานักวิชาการทั้งในอดีตและปัจจุบัน...
(ข้อความส่วนหนึ่งจาก “คำนำของผู้เรียบเรียง” หนังสือ : ได้ยินไหม โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ?”)
//////////////////////////////////////////////////////

**** ได้ยินไหม โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ? ****

...... คำเรียกร้องที่ 21 : อย่าเข้าใกล้การละหมาดขณะที่มึนเมา และอย่าเข้าใกล้การละหมาดและพำนักในมัสยิดขณะที่เป็นผู้มีญะนาบะฮฺและการทำตะยัมมุมในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ...

เรียบเรียง โดย : อบูอิบานะฮฺ ฟิตยะตุลฮัก
………………………….

อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ดำรัสว่า

ความว่า “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่าเข้าใกล้การละหมาดขณะที่พวกเจ้ากำลังมึนเมาอยู่ จนกว่าพวกเจ้าจะรู้สิ่งที่พวกเจ้าพูดและก็จงอย่าเข้าใกล้การละหมาด ขณะที่เป็นผู้มีญะนาบะฮิ นอกจากผู้ที่ผ่านทางไปเท่านั้น จนกว่าพวกเจ้าจะอาบน้ำและหากพวกเจ้าป่วยหรืออยู่ในการเดินทาง หรือคนหนึ่งคนใดในพวกเจ้ามาจากที่ถ่ายทุกข์ หรือพวกเจ้าสัมผัสผู้หญิง แล้วพวกเจ้าไม่พบน้ำ ก็จงมุ่งสู่ดินที่ดี แล้วจงลูบใบหน้าของพวกเจ้าและมือของพวกเจ้า แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงยกโทษเสมอ ” (สูเราะฮฺ อัน – นิสาอ์ : 43)

@@@@ เนื้อหาสาระและข้อคิดที่ได้รับจากคำเรียกร้อง @@@@

**** การละหมาดเป็นศาสนกิจที่มีความสำคัญในชีวิตของการเป็นผู้ศรัทธา และเป็นศาสนกิจที่ผู้ศรัทธาทุกคนต้องเอาใจใส่และให้ความตระหนัก เพราการละหมาดจะช่วยสานสัมพันธ์อันดีและมั่นคงระหว่างบ่าวกับพระผู้อภิบาล

**** อัลลอฮฺไม่ทรงต้องการให้บ่าวเข้าหาพระองค์ในสภาพที่จิตใจไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรและกล่าวอะไร แต่พระองค์ทรงต้องการให้บ่าวเข้าหาพระองค์ด้วยการมีสมาธิ รู้และตระหนักดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรและกล่าวอะไรอยู่

**** การละหมาดในสภาพที่มึนเม หรือการที่สมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งอื่น หรือการที่จิตใจไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว ย่อมทำให้การละหมาดไม่เกิดผลใด ๆ ต่อชีวิตของบุคคลหนึ่ง เพราะเขาจะไม่สามารถเก็บเกี่ยวคุณค่าของการละหมาดในแต่ละอิริยาบถใด ๆ ได้เลย

**** การละหมาดของคนที่ไม่รู้ภาษาอาหรับนั้นถือว่าใช้ได้และมีความถูกต้อง เพราะอัลลอฮฺไม่ได้ดำรัสว่า “ถ้าหากเจ้าไม่เข้าใจความหมายของมัน” หรือ “เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะเข้าใจในสิ่งที่เจ้าได้กล่าวไป” แต่อัลลอฮฺได้ดำรัสว่า “จนกว่าพวกเจ้าจะรู้สิ่งที่พวกเจ้าพูด” นั่นคือ ต้องมีความรู้สึกว่าตนเองกำลังกล่าวอะไร

**** อัลลอฮฺทรงนำพาบรรดาผู้ศรัทธาให้ย่างก้าวไปตามที่พระองค์ทรงประสงค์อย่างมีขั้นตอน และทรงให้มนุษย์เป็นไปตามที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ทั้งหมด ด้วยรูปแบบที่พระองค์ทรงนำมาใช้ พระองค์ไม่ได้ตำหนิบรรดาผู้ที่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งมึนเมา แต่ในทางตรงกันข้ามอัลลอฮฺกลับนำเสนอแนะแนวทางประหนึ่งเป็นการฝึกฝนจิตใจของมนุษย์ด้วยรูปแบบวิธีการที่เรียบง่าย สะดวกต่อการนำมาปฏิบัติ และชาญฉลาดที่สุด

**** อิสลามจะใช้วิธีการที่นิ่มนวลแบบค่อยเป็นค่อยไปแก้ไขไปทีละขั้นตอน อิสลามจะพิจารณาตามสภาพและสถานการณ์ของเวลาอิสลามจะเริ่มจากการสร้างจิตสำนึกทางศาสนา และการปลูกฝังความรู้สึกนึกคิดทางด้านจิตใจให้เกิดขึ้นกับผู้ศรัทธาเป็นอันดับแรก

**** การห้ามผู้ศรัทธาหลีกห่างจากสิ่งมึนเมานั้น ได้เป็นไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งรวมทั้งหมด 4 ขั้นตอน ได้แก่ แรกเริ่มอิสลามได้อนุญาตให้ดื่มสิ่งมึนเมาได้ แต่ต่อมาก็มีการรณรงค์ให้ละทิ้งมัน จากนั้นก็ได้ห้ามดื่มเมื่อเข้าใกล้เวลาละหมาด แต่ท้ายที่สุดอิสลามก็ได้ห้ามยุ่งเกี่ยวกับสิ่งมึนเมาโดยสิ้นเชิง ซึ่งการห้ามอย่างเป็นเป็นขั้นตอนนั้น ถือเป็นความละเอียดอ่อนของศาสนาอิสลามที่เข้าใจความรู้สึกของมนุษย์เป็นอย่างดี และบ่งชี้ถึงความเมตตาของอัลลอฮฺที่มีต่อบ่าวผู้ศรัทาต่อพระองค์

**** การละหมาด คือ การที่บ่าวผู้ศรัทธาได้เข้าเฝ้าต่อพระผู้อภิบาลของเขา จึงไม่คู่ควรอย่างยิ่งการที่บุคคลหนึ่งจะเข้าเฝ้าต่อพระองค์ในสภาพที่เปรอะเปื้อน หรือสภาพที่มีญุนุบ

**** อิสลามเป็นศาสนาที่มีความสะดวกและง่ายดาย ซึ่งอัลลอฮ.ไม่ทรงประสงค์ที่จะให้บ่าวของพระองค์ประสบกับความยากลำบากในการปฏิบัติศาสนกิจใด ๆ และไม่เปิดช่องว่างให้คนละทิ้งหรือเพิกเฉยต่อการละหมาดหรือล่าช้าจนปฏิบัติละหมาดไม่ทันเวลา เนื่องจากขาดน้ำชำระล้างร่างกายให้สะอาดเป็นอันขาด ด้วยเหตุนี้จึงมีบัญญัติให้ทำการตะยัมมุม เพื่อเป็นการทดแทนการชำระทำความสะอาดโดยการใช้น้ำ และอนุญาตให้ตะยัมมุมด้วยทุกสิ่งที่อยู่บนพื้นดินซึ่งมีความสะอาดไม่ว่าจะเป็นดินฝุ่นหรือดินทรายหรือดินกรวดหรือดินโคลนเปียกหรือแห้ง

**** การตะยัมมุม จะช่วยรักษาความรู้สึกในเรื่องการทำความสะอาดตนเองและความศักดิ์สิทธิ์ของการละหมาด ถึงแม้ว่าเขาจะไม้สามารถใช้น้ำได้เป็นเวลานาน ดังนั้น ผู้ศรัทธาจะรักษากฎระเบียบเรื่องความสะอาดที่กำหนดไว้โดยหลักกฎหมายอิสลาม และจะระวังรักษาตัวเองให้สะอาดเสมอเพื่อการละหมาด และถือเป้นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของประชาชาติอิสลาม

****อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ทรงยิ่งในการให้อภัยต่อปวงบ่าวของพระองค์ แม้นว่าความผิดที่บ่าวได้กระทำล่วงเลยมาแล้วในอดีตจะมากมายเพียงใด แต่พระองค์ทรงเมตตาและทรงยิ่งในการให้อภัย และทรงมอบโอกาสที่จะให้บ่าวของพระองค์กลับเนื้อกลับตัวไปสู่พระองค์ และเปลี่ยนแปลงตัวเองสู่การเป็นบ่าวที่ดีของพระองค์ และทำคุณประโยชน์ต่อสังคม

**** ผู้ศรัทธาที่ต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในรูปแบบที่ใสสะอาดและมีเกียรติ เขาจะต้องไม่ทำให้ความผิดของตัวเองในอดีตมีผลต่อการดำเนินชีวิตของเขาอีก เขาต้องมีความเชื่อมั่นและมั่นใจว่าอัลลอฮฺเป็นพระผู้ทรงเมตตาและทรงยิ่งในการให้อภัย ดังนั้น ชีวิตใหม่หลังจากนี้จึงเป็นชีวิตที่จะนำเขาไปสู่ความสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

**** ดูข้อคิดที่ได้รับจากคำเรียกร้องเกี่ยวกับสิ่งมึนเมาเพิ่มเติมใน คำเรียกร้องที่ 38
………………………………………………………..
(จากหนังสือ : ได้ยินไหมโอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ? [หนังสือที่รวบรวม 90 คำเรียกร้องสำหรับผู้ศรัทธา] ) 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น