อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ยามเมื่อโยนก้อนหินลงในลาวา



โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงคุ้มครองตัวของพวกเจ้า และครอบครัวของพวกเจ้า ให้พ้นจากไฟนรก เพราะเชื้อเพลิงของมันคือมนุษย์และก้อนหิน มีมะลาอิกะฮฺผู้แข็งกร้าวและห้าวหาญคอยเฝ้ารักษามันอยู่ พวกเขาจะไม่ฝ่าฝืนอัลลอฮฺในสิ่งที่พระองค์ทรงบัญชาแก่พวกเขา และพวกเขาจะปฏิบัติตามที่ถูกบัญชา (ซูเราะฮฺ อัต ตะหฺรีม : 6)

จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฏิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า : เราอยู่พร้อมกับท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ทันใดนั้น ได้ยินเสียงที่น่าสะพรึงกลัว ดังนั้น ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า : พวกท่านรู้ไหมว่านี่มันเป็นเสียงอะไร ? เขา (อบูฮุร็อยเราะฮฺ) เล่าว่า พวกเราได้ตอบไปว่า : อัลลอฮฺและรสูลของพระองค์รู้ดียิ่ง ท่านกล่าวว่า : นั่นเป็นเสียงของหิน ที่มันถูกโยนลงไปในนรกตั้งแต่ 70 ปีที่แล้ว และในขณะนี้ มันยังคงตกไหลลงจนกระทั่งถึงก้นหลุม” (มุสลิม หะดีษเลขที่ 2844)

คำว่าสวรรค์ ถูกออกแบบเหมือนสวน (เราเฏาะฮฺ) เวลาที่ผู้คนได้เข้าไปข้างใน จะถูกเชิญเข้าไป ด้วยการเข้าไปทางประตู (บาบุล ญันนะฮฺ) หากแต่ว่านรกนั้น เป็นหลุม (หุฟเราะฮฺ) จะไม่ถูกเชิญ (เพราะจะไม่มีใครลงไปด้วยความสมัครใจอย่างแน่นอน) หากแต่ว่าจะถูกมะลาอิกะฮฺจับโยนลงไป ที่มีความสูงอย่างในบทหะดีษได้บรรยายไว้

อัลลอฮุมมะ อะญิรนา มินัน นารฺ

โอ้อัลลอฮฺ โปรดพระองค์ให้เรารอดพ้นจากไฟนรกด้วยเถิด

.....................
อูลุล อัลล๊าบ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น