อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556

อิสลามกับแมวเหมียว





ชาวอาหรับในศตวรรษที่ 7 เชื่อว่าแมวเป็นวิญญาณบริสุทธิ์ และกล่าวกันว่าชาวอาหรับก่อนยุคอิสลามได้ให้การเคารพบูชาแมว (สีทอง)

ท่านนบีมุฮำหมัด (ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิวะซัลลัม) เป็นผู้ที่มีความเมตตาอ่อนโยน และชมชอบแมวเป็นอย่างมาก ท่านนบีฯ มีแมวตัวโปรดตัวหนึ่งชื่อ มุอัซซะอ์ และมีเรื่องเล่าที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับท่านนบีฯ กับเจ้าแมวมุอัซซะอ์ว่า ครั้งหนึ่ง เมื่อมีเสียงอะซาน (การเรียกร้องสู่การละหมาด) ดังขึ้น ในขณะที่ มุอัซซะอ์กำลังหลับใหลอยู่บนผ้าชิ้นงามผืนหนึ่งของท่านนบีฯ ซึ่งท่านต้องการจะสวมใส่ผ้าผืนนั้นไปทำละหมาด ท่านนบีฯ เกรงว่าหากท่านดึงผ้าออกจากมุอัซซะอ์อาจจะเป็นการรบกวนและทำให้มันตื่นขึ้นได้ ดังนั้น ท่านจึงตัดผ้าส่วนที่เหลือที่ไม่ถูกทับและปล่อยให้ มุอัซซะอ์นอนต่อไป ณ ที่นั้น

ท่านนบีมุฮำหมัด (ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิวะซัลลัม) มีความผู้พันกับแมวเป็นอย่างมาก ยามเมื่อท่านกล่าวเทศนาแก่บรรดาซ่อฮาบะฮ์ (อัครสาวก) ท่านจะให้มุอัซซะฮ์ นั่งอยู่ที่ตัก และท่านยังเคยดื่มน้ำส่วนที่เหลือหลังจากที่ให้แมวของท่านดื่ม และท่านยังเคยอาบน้ำละหมาดจากน้ำเดียวกันกับที่ให้แมวดื่ม ดู ประหนึ่งว่าสิ่งที่ท่านนบีฯ ปฏิบัติต่อแมวเป็นอย่างดีนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรจากผู้คนที่รักแมวทั้งหลายในปัจจุบัน แต่ อยากจะให้ผู้ที่รักแมวลองคิดทบทวนดูว่าพวกเขากล้าที่จะดื่มน้ำแก้วเดียวกันกับแมวหรือไม่ อย่างไม่เกรงว่าจะมีเชื้อโรคติดต่อไปยังร่างกายพวกเขา (เป็นที่เชื่อกันว่าการดื่มน้ำส่วนเหลือจากแมวนั้นไม่ได้เป็นอันตรายแต่ร่างกายต่อย่างใด)

อิสลามสอนมุสลิมปฏิบัติต่อแมวอย่างดีและถือว่าแมวเป็นสัตว์ที่ผู้คนจะต้องให้ความรัก ดังนั้น ในทัศนะอิสลาม การปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมต่อแมวจึงถือว่าเป็นบาปที่ร้ายแรง

ได้มี อัล-หะดิษ (รายงานคำสอนและข้อปฏิบัติของท่านนบีฯ มุฮำหมัด) ที่เชื่อถือได้ โดยท่านอิหม่ามบุคอรีว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งได้ถูกลงโทษอันเนื่องจากการปฏิบัติต่อแมวอย่างโหดร้าย คือ เธอได้กักขังแมวตัวหนึ่งและไม่ได้ให้อาหารแก่แมวตัวนั้นจนกระทั่งแมวอดตาย และเธอจะตกนรก

มีรายงานใน อัล-หะดิษ เกี่ยวกับแมวอีกว่า

ห้ามขายแมวเพื่อเป็นสินค้า หรือเพื่อเงิน
น้ำลายของแมวไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใดเว้นแต่มีสิ่งสกปรกอย่างเห็นได้ชัดในปากของมัน
มุสลิมสามารถเลี้ยงแมวได้แต่ต้องให้การดูแลเป็นอย่างดี (ห้ามไม่ให้มันอยู่ในสภาพที่อดอยาก หรือถูกคุมขัง)
คำสอนของอิสลามเกี่ยวกับแมวนั้นได้สะท้อนว่ามุสลิมจะต้องให้ความเมตตาอ่อนโยนต่อสัตว์ รวมทั้งมนุษย์ทุกผู้ทุกคนไม่ว่าจะมีเชื้อชาติ หรือศาสนาใดก็ตาม

(เรียบเรียงโดย สุชาติ เศรษฐมาลินี จาก http://www.pictures-of-cats.org/islam-faith.html)

.........................


1 ความคิดเห็น:

  1. มีตัวบทฮาดีษหรือไม่ครับว่าแมวของท่านนบีชื่อมุอัซซะฮ์และเรื่องราวนั้น

    ตอบลบ