อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

พิทักษ์อัลกุรอานจากการบิดเบือน



       อิมามอัลกุรฏุบีย์ ได้บันทึกเอาไว้ในหนังสือตัฟสีรฺของท่นนว่า : ชายคนหนึ่งปรารถนาที่จะทดสอบศาสนา 3 ศาสนาด้วยกัน คือ ยูดาย ,คริสต์ และอิสลาม ว่าศาสนาใดถุกต้องและดีที่สุด? ชายผู้นี้เป็นนักเขียนคัดลายมือที่ชำนาญการเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงมุ่งเป้าไปยังคัมภีร์ทั้งสาม คือ อัตเตารอต ,อัลอินญิล(ไบเบิลใหม่) และคัมภีร์อัลกุรอาน และลงมือคัดลายมืออย่างบรรจงวิจิตรและสวยงามยิ่ง แต่ทว่าเขามีจุดประสงค์เพื่อทดสอบความถูกต้องของแต่ละศาสนา ที่เป็นเจ้าของคัมภีร์ทั้ง 3 เล่ม เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงได้อาศัยวิธีการเพิ่มเติมและตัดทอนถ้อยความในคัมภีร์ที่เขาได้คัดลอกอย่างวิจิตรบรรจง เมื่อคัดลอกเสร็จสิ้น ชายผู้นี้ก็ได้นำคัมภีร์เตารอตไปเสนอแก่บรรดานักปราชญ์ชาวยิว พวกนักปราชญ์ชาวยิวเมื่อเห็นว่าเป็นคัมภีร์อัตเตารอตที่ถูกคัดลอกอย่างงดงามก็พากันจูบคัมภีรืนั้น และเปิดดูในแต่ละหน้าอย่างพินอบพิเทา แถมยังได้มอบทรัพย์สินจำนวนหนึ่งให้แก่ชายผู้นี้ เพื่อแสดงถึงการให้เกียรติ

ต่อมาชายผู้นี้ ได้นำคัมภีร์อัลอินญิลซึ่งเขาได้บรรจงคัดลอกอย่างสวยงามด้วยมือของเขาเอง เสนอแก่เหล่าบาทหลวงในคริสต์ศาสนา ฝ่ายนี้เมื่อพบว่าเป็นคัมภีร์ที่ได้จากการคัดลอกอย่างดีและมีลายเขียนที่งดงามก็ขอซื้อจากชายผู้นี้ด้วยทรัพย์สินในราคาสูง อีกทั้งยังแสดงความให้เกียรติแก่ชายผู้นี้อีกด้วย
ครั้นต่อมาภายหลังเขาก็ได้นำคัมภีร์อัลกุรอานฉบับคัดลอกของตนที่ได้ทุ่มเทคัดลอกอย่างสวยงามเสนอแก่เหล่านักวิชาการมุสลิม ครั้นเมื่อเหล่านักวิชาการมุสลิมได้มองดูถ้อยความในคัมภีร์เล่มดังกล่าว พวกเขาก้พบว่ามีการเพิ่มเติมถ้อยความบางส่วนและมีอีกบางส่วนตกหล่น จึงได้จับกุมชายผุ้นี้ไว้และพร้อมได้เฆี่ยนตีชายผู้นี้อีกด้วย

จนในที่สุด เรื่องของชายผู้นี้ถุกนำแจ้งให้สุลฏอนได้ทรงทราบเพื่อชำระคดีความ และแล้วสุลฏอนก็ได้ตัดสีนให้ประหารชีวิตชายผู้นี้ ด้วยข้อบิดเบือนคัมภีร์อัลกุรอาน เมื่อเพชฌฆาตจะลงมือประหาร ชายผุ้นี้ก็ได้ชิงประกาศการเข้ารับอิสลามของตน และบอกเรื่องราวที่มาของตนแก่เหล่าชนมุสลิมให้ทราบว่า เขาได่ทำการทดสอบศาสนาต่างๆทั้งสามและเขาก็รู้แล้วในบัดนี้ว่า “ศาสนาอิสลามคือสาสนาแห่งสัจธรรม” พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงมีพระดำรัสว่า

إِنَّا نَحْنُ نَزَّلْنَا الذِّكْرَ وَإِنَّا لَهُ لَحَافِظُونَ ( 9 ) อัล-หิจญ์รฺ - Ayaa 9

"แท้จริงเราได้ให้ข้อตักเตือน(อัลกุรอาน)ลงมา และแท้จริงเราเป็นผุ้รักษามันอย่างแน่นอน"
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลหิจฺญ์รุ 15:9 )
 การพิทักษ์พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานของพระองค์  นั้นคือการักรักษาอัลกุรอานจากการเพิ่มเติมการตัดทอนที่บกพร่อง การเปลี่ยนแปลงในรูปต่างๆ และเมื่อพระองค์ทรงดำรัสแจ้งว่าพระองค์ทรงเป็นผู้พิทักษ์อัลกุรอานด้วยพระองค์เอง ก็ย่อมไม่มีผู้ใดสามารถกระทำการใดๆ ที่บิดเบือนต่ออัลกุรอานได้เลยแม้แต่น้อย”

(จากหนังสือ”ตัฟสีรฺ ศ็อฟวะห์ อัตตะฟาสีรฺ ของชัยค์มุหัมมัด อาลี ศอบูนีย์ 2/106)

""""""""""""""""""""""""""

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น