อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สิ่งที่น่ารังเกียจในการละหมาด (مكر وها ت الصلاة )


                     
สิ่งที่น่ารังเกียจ  (  مكر وه )
   สิ่งที่น่ารังเกียจ  (  مكر وه )  คือ สิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่น่ายกย่อง น่าเกียจไม่เหมาะสม  สิ่งที่คนละทิ้งจะได้ผลบุญ  คนที่ทำก็ไม่ถูกลงโทษ สิ่งที่น่ารังเกียจในการละหมาดมีหลายอย่างแต่ก็ไม่ได้ทำให้ละหมาดนั้นเสีย มีดังต่อไปนี้

1.จับเสื้อผ้า หรือร่างกายของเขา

    จับเสื้อผ้า หรือร่างกายของเขายกเว้นเมื่อมีความจำเป็น ถ้าไม่เช่นนั้นถือว่า มัคโร๊ะ ( สิ่งที่น่าเกลียด )
รายงานจาก มุอัยกิบ ว่า ฉันได้ถามท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม ถึงการลูบก้อนหิน
เล็กๆในขณะละหมาด ท่านได้กล่าวว่า

ﻻ تمسح الحصى و أ نت تصلي فإ ن كنت ﻻ بد فا علا فو احدة : تسو ية الحصى

ความว่า : “ท่านจงอย่าลูบก้อนหิน ขณะที่ท่านละหมาด ถ้าหากว่าจำเป็นต้องทำก็ให้ทำเพียงครั้งเดียว
เป็นการปรับให้มันเสมอ ”
                                                                                       (บันทึกโดย : อบูดาวูด)

รายงานจาก อบีษัรรินว่า ท่านนบีมูฮัมหมัด ศอลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

إذاقا م أحدكم إلى الصلا ة فا ن الرحمة يواجهه فلايمسح الحصى

ความว่า : “เมื่อคนใดในหมู่พวกเจ้ายืนละหมาด แท้จริงเราะฮมัด( ความเมตตาของอัลลอฮ ) ก็จะประสบแก่เขา ดังนั้นเขาจงอย่าลูบหินอยู่ ”

                                                                                                      (บันทึกโดย : อบูดาวูด)


2.ท้าวสะเอวในขณะละหมาด

     รายงานจาก อบีหุร็อยเราะฮ ว่า ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า


         عن اﻻختصا رفي الصلاة نهى رسو ل الله

ความว่า : “ ห้ามมิให้ท้าวสะเอวในขณะละหมาด ”

                                                                            (บันทึกโดย : อบูดาวูด)

                     โดยกล่าวว่า หมายถึง เอามือวางบนสะเอวในขณะละหมาด



3. แหงนมองฟ้า

     รายงานจาก อบีหุร็อยเราะฮ ว่า ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า


لينتهين أقوام يرفعون أبصا رهم الى السماءفي الصلاة أولتخطفن أبصا رهم


 ความว่า : “ แน่นอนไกล้ๆ วันกียามะฮนั้น จะมีกล่มชนหนึ่งที่ยกสายตาของพวกเขาไปสู่ฟากฟ้า  หรือสายตาของพวกเขาจะมองเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา  ”

                                                                                                   (บันทึกโดย : อะฮหมัด มุสลิม และอันนะซาอี)

4.มองสิ่งที่ทำให้กังวล

    รายงานจากอาอิชะฮ ว่า แท้จริงท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม ได้ละหมาดในเต้นท์
ที่ทำด้วยผ้าขนสัตว์มีลวดลาย ท่านจึงกล่าวว่า
"ลวดลายนี้มันทำให้ฉันกังวลใจ พวกท่านจงเอามันไปที่อบีญะฮมิน( อามิร บุตรหุซัยฟะฮ ) เถิดและจงเอาอัมบียานียะฮของเขา ( เป็นผ้าหนาไม่มีลวดลาย ) มาให้ฉันด้วย"
                 
                                                                                                         ( บันทึกโดย : บุคคอรีย และมุสลิม)


        รายงานจากอะนัสว่า ปรากฎว่าม่านของอาอีชะฮ ซึ่งนางใช้กั้นอยู่ทางบ้านของนางนั้น
ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวแก่นาง ว่า


أميطي قرامك ، فإ نه ﻻ تذال تصا ويره تعرض لي صلاتي
                                               
   ความว่า : “ เธอจงถอดม่านของเธอออกเสีย เพราะมันมีลวดลาย ทำให้ฉันมองเห็นขณะที่ฉันละหมาด

                                                                                        (บันทึกโดย : อะฮหมัด และบุคคอรีย)

        ในหะดิษบทนี้เป็นหลักฐานแสดงทำให้เห็นว่า การที่สายตาจ้องมองอยู่ที่ตัวหนังสือที่เขียนไว้
ในขณะละหมาดนั้นไม่ทำให้เสียละหมาด

5.หลับตาทั้งสองข้าง

     นักวิชาการบางท่านถือว่าการหลับตานั้นน่าเกลียด แต่บางท่านก็อนุญาติให้กระทำได้โดยไม่น่าเกลียด
หะดิษที่ถูกรายงานว่าน่าเกลียดนั้น เป็นหะดิษที่ไม่ถูกต้องนัก
      อิบนุลก็อยยิม กล่าวว่า ที่ถูกนั้นควรจะต้องกล่าวว่า ถ้าหากการลืมตานั้นมันทำให้ขาดการสำรวม อันเนื่องจากทางทิศกิบละฮนั้น มีการประดับประดา หรือมีสีสรรค์ หรืออื่นๆ ที่จะทำให้หัวใจของเขากังวลในกรณีอย่างนั้น
การหลับตาก็ไม่เป็นที่น่าเกลียดแต่ประการใด คำกล่าวที่บอกว่าส่งเสริมให้กระทำในสภาพอย่างนี้นั้น มันใกล้กับพื้นฐานและเป้าหมายของศาสนบัญญัติมากกว่าที่จะบอกว่าน่าเกลียด

6.การให้สลามโดยใช้มือทั้งสองข้าง
    รายงานจากญาบิร บินสะมุราะฮ ว่า พวกเราเคยละหมาดตามท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม
แล้วท่านกล่าวว่า


مَا بَا لَ هَؤُ ﻻَءُيُسَلِّمُوْنَ بِأَ يْدِ يْهِمْ كَأَ نَّهَا أَذْ نَا بُ خَيْلِ شُمْسٍ إِنَّمَا يَكْفِيْ أَحَدُ

 كُمْ أَنْ يَضَعَ يَدَ هُ عَلَ فَخْذِهِ ثُمَّ يَقُوْ لُ : اَلسَّلاَمُ عَلَيْكُمْ اَلسَّلاَمُ عَلَيْكُمْ


ความว่า : “พวกนั้นเขาเป็นอะไรไป ใช้มือให้สลาม มันช่างเหมือนกับหางม้าที่สะบัดอยู่กลางแดด แท้จริงการที่คนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเจ้าเอามือของเขาวางไว้บนขาอ่อนเขาแล้ว กล่าวว่า “ อัสลามูอาลัยกุม อัสลามูอาลัยกุม ”ก็เป็นการเพียงพอแล้ว ”

                                                                                     (บันทึกโดย : อันนะซาอี)
                                                               
     

7.การปิดปากและปล่อยผ้าให้ยาวถึงพื้น

    รายงานจากอบีหุร็อยเราะฮ ว่า


عَنِ السَّدْلِ فِيْ اصَّلاَةِ ، وَأَنْ يُغَطِّيَ الرَ جُلُ فَا هُ      نَهَى رَسُو لُ اللهِ

    ความว่า : “ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม ได้ห้าม “สะดัล” ในขณะละหมาด และห้ามมิให้คนหนึ่งคนใดปิดปากของเขา ”

                                                                                                          (บันทึกโดย : อบูดาวูด)

อัฎฎ็อบรอนี ได้กล่าวว่า “สะดัล” คือ การปล่อยให้ผ้ายาวลงไปจรดพื้น
อัลกะมาล อิบนุล หุมาม ได้กล่าวว่า “สะดัล” คือ การสวมเสื้อคลุมโดยไม่เอามือสอดเข้าไปในแขนเสื้อ


8.การละหมาดเมื่อมีอาหารมาตั้งต่อหน้า

    รายงานจากอาอิชะฮ ว่า แท้จริงท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

إِذَا وُضِعَ العَشَاءُ وَأُقِيْمَتْ الصَّلاَةُ فَا بْدَ ءُوْا بِا لْعَشَاءِ


ความว่า : “เมื่ออาหารเย็นถูกนำมาวาง แล้วการละหมาดก็ได้ถูกอิกอมะฉแล้ว พวกท่านจงรับประทาน                อาหารเย็นเสียก่อน ”

                                                                         บันทึกโดย : อะฮหมัด และมุสลิม


รายงานจากนาเฟี๊ยะอว่า  “แท้จริงอิบนะอุมัรนั้น เคยมีผู้เอาอาหารเย็นมาวางให้ และการละหมาดก็กำลังจถูกเริ่ม       ( อิกอมะฮ ) เขายังไม่มาละหมาดจนกว่าจะรับประทานเสร็จเสียก่อนโดยที่เขาได้ยินการอ่านของอิมาม ”

                                                                         (บันทึกโดย : บุคคอรีย)

อัลค็อฎฏอบีอได้กล่าวว่า แท้จริงท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม ได้ใช้ให้เริ่มทานอาหารเพื่อให้ร่างกายได้ความต้องการเสียก่อน ผู้ละหมาดก็จะมาเข้าสู่การละหมาดโดยสงบไม่กังวลกับการหิวอาหาร                ( ถ้ามิเช่นนั้น ) เป็นเหตุให้ต้องรีบ รุกั๊วะฮก็ไม่สมบูรณ์ สูหญูดก็ไม่สมบูรณ์ และหน้าที่ก็ไม่สมบูรณ์

9.การละหมาดโดยปวดปัสสาวะอุจาระ และที่คล้ายกับทั้งสอง ซึ่งทำให้ใจกังวล

    ทั้งนี้เพราะมีหะดิษที่บันทึกโดยอะฮหมัด อบูดาวูด และอัตติรมีซี โดยถือว่าเป็นหะซันจากเษาบานว่า     แท้จริงท่านนบี   ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า


ثَلاَثٌ ﻻَتَحِلَّ اﻷَ حَدُ أَنْ يَفْعَلَهُنَّ :  ﻻَ يَؤُمَّ رَجُلٌ قَوْ مًا فَيَخُصُّ نَفْسَهُ بِا لدُّ عَاءِ دُوْنَهُمْ فإ ن فَعَلَ فَقَدْ

خَا نَهُمْ وَلَ ينظر فِيْ قَعْرِ بَيْتٍ قَبْلَ أَنْ يُسْتَأْ ذَنُ ، فَإِ نْ فَعَلَ فَقَدْ دَخَلَ وَ ﻻَ يُصَلِّي وَهُوَ حَقِنٌ حَتَّي

 يَتَخَفّفَ

ความว่า  “  สามประการที่ไม่อนุญาตให้คนหนึ่งคนใดทำ : (1)   คนหนึ่งคนใดไม่นำผู้คนละหมาด   และเขาอวยพรให้เขาเพียงคนให้เขาเพียงคนเดียว  โดยไม่ขอให้พวกเขา   ถ้าเขาทำอย่างนั้น    แน่นอนเขาได้ทรยศต่อพวกเขาเข้าแล้ว   (2)  เขาจะต้องไม่มองเข้าไปภายในบ้านก่อนที่จะได้รับอนุญาต  ถ้าเขาทำอย่างนั้นก็เท่ากับเขาบุกรุก(3)    เขาจะไม่ละหมาด  โดยที่เขากั้นปัสสาวะเอาไว้จนกว่ามันจะทุเลาลงไป  ”

                                                                                      (บันทึกโดย : อะหมัด   อบูดาวูด   และอัตติรมีซี)

จากรายงานของอาอิชะฮ ว่า ฉันได้ยินท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า

ﻻ يصلي أحدٌ بحضر ة الطعا م ، و ﻻهو يدافعه اﻷ خبثا ن

ความว่า : “ คนหนึ่งคนใดจงอย่าละหมาดต่อหน้าอาหาร และไม่ละหมาด โดยที่เขาอดกลั้นปัสสาวะและอุจจาระ”

                                                                   (บันทึกโดย : อะฮหมัด มุสลิม อบูดาวูด)


หะดีษข้างต้นระบุชัดเจนว่า หากผู้ละหมาดปวดปัสสาวะ หรือปวดอุจจาระก็ตาม วาญิบจะต้องออกจากการละหมาดทันที เพราะถือว่าไม่มีคุชูอฺ (หรือสมาธิ) ในขณะที่ปวดปัสสาวะ หรืออุจจาระ ซึ่งการมีคุซูอฺนั้น ถือว่าเป็นหุก่นในละหมาด แม้ว่าเราจะออกจากละหมาด ซึ่งอาจจะทำให้เราหมดเวลาละหมาดฟัรฺฎูนั้นก็ตาม


10. การละหมาดขณะที่ง่วงนอน

       รายงานจากท่านหญิงอาอีชะฮ.ว่า  แท้จริงท่านนบี   ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม   ได้กล่าวว่า

إذانعس أحدكم فليرقد حتي يذهب عنه النوم ، فإ نه إذاصلي وهوناعسٌ لعله يذهب

يستغفرفيسب نفسه


ความว่า : “  เมื่อคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเจ้าหาวนอน   ก็จงนอนเสีย  จนกว่าการง่วงนอนนอนนั้นจะหายไปจากเขา   เพราะความจริง   เมื่อเขาละหมาดโดยที่หาวนอนบางทีเขาอาจขออภัยโทษ   แต่เป็นการด่าตัวเอง  ”
                                                                                                  (บันทึกโดย : อบูดาวูด)

11. การเจาะจงเอาสถานที่ในมัสยิด โดยเฉพาะเพื่อละหมาดยกเว้นอิหม่าม

       รายงานจาก อับดิรเราะฮมาน อิบนิชิบิล ว่า
                     
عن نقرة الغراب ، وافتراش السبع ، وأن يوطن الر جل المكا ن

 في المسجد كما يوطن البعير    
                                                                                                                                 


ความว่า  : “  ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม ได้ห้ามมิให้ละหมาดแบบนกกาจิกอาหาร และการนอนแบบเสือ และการที่คนหนึ่งโดยเฉพาะในมัสยิดหมือนกับอูฐเอาสถานที่ในการนอน  ”

                                                                (บันทึกโดย : อะฮหมัด  อิบนูคุซัยมะฮ  อินูฮิบบาน  และอัลฮากิม)

والله أعلم بالصواب
..................................
มัคโระในการละหมาด
http://akrom-bom.blogspot.com/




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น