(อัลกุรอาน 3 : 52 - 53)
คือกล่าวปฏิญาณยืนยันในเอกภาพแห่งการเป็นพระเจ้าของพระองค์แล้ว ในการยอมรับศาสนทูตของพระองค์ที่พระองค์ส่งมา [และพวกเขาได้วางแผน]
(อัลกุรอาน 3 : 54)
คือชาวบนีอิสรออีลที่ปฏิเสธศรัทธาวางแผนที่จะสังหารนบีอีซา [และอัลลอฮฺก็ทรงวางแผนด้วย และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้วางแผนที่ดีเยี่ยม]
(อัลกุรอาน 3 : 54)
คือพระองค์ไดวางแผนที่จะปกป้องนบีอีซาให้พ้นจากการทำร้ายของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้น
..........ประกาศข่าวดีศาสนทูตท่านสุดท้าย
[และจงรำลึกเมื่ออีวาอิบนิมัรฺยัม ได้กล่าวว่า โอ้ชาวบนีอิสรออีลเอ๋ย แท้จริงฉันเป็นศาสนทูตของอัลลออฺมายังพวกท่าน เป็นผู้ยืนยังสิ่งที่มีอยู่ในคัมภีร์เตารอตก่อนหน้าฉัน และเป็นผู้แจ้งข่าวดีถึงศาสนทูตท่านหนึ่งผู้จะมาภายหลังจากฉัน ชื่อของเขาคือ อะห์มัด ครั้งเมื่อเขา (อะห์มัด) ได้ยังพวกเขาพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้งแล้ว พวกเขากล่าวว่า นี่คือมายากลแท้ ๆ ]
(อัลกุรอาน 61 : 6)
นบีอีซาได้แจ้งข่าวดีแก่ชาวบนีอิสรออีลว่า ฉันเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺมายังพวกท่าน เพื่อยืนยันข้อบัญญัติต่าง ๆ ที่มีอยู่ในคัมภีร์เตารอต และเป็นหลักฐานยืนยันถึงการเรียกร้องของฉันให้เคารพภักดีต่องอัลลอฮฺเช่นเดียวกับพวกท่านได้ศรัทธาต่อมูซา ฮารูน ดาวูด และสุลัยมาน ดังนั้นพวกท่านจงศรัทธาต่อฉัน นอกจากนี้ฉันยังเป็นผู้แจ้งข่าวดีว่า จะมีศาสนทูตคนหนึ่งถูกแต่งตั้งมาภายหลังจากฉัน นามว่า อะห์มัด หมายถึง นบีมุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ด้วยเหตุนี้ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า ฉันเป็นผู้ได้รับคำวิงวอนของบิดาของฉัน อิบรอฮีม และเป็นผู้ได้รับแจ้งข่าวดีของอีซา กล่าวคือขณะที่อิบรอฮีมและอิสมาอีลได้สร้างบ้าน (บัยตุลลอฮฺ) ทั้งสองได้กล่าววิงวอนไว้ตามที่พระองค์ได้กล่าวไว้วว่า โอ้พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดส่งศาสนทูตคนหนึ่งจากพวกเขาไปยังพวกเขา เพื่อที่จะได้สาธยายโองการต่าง ๆ ของพระองค์ให้พวกเขาฟัง อีกโองการหนนึ่ง ครั้งเมื่อเขา (มุฮัมมัด) ได้มายังพวกเขาพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้ง คือ พร้อมด้วยหลักบานที่บ่งชี้ถึงการเป็นศาสนทูตจริงและจำเป็นต้องปฏิบัติตามเขาในเรื่องเกี่ยวกับการศรัทธาและบทบัญญัติ แต่พวกเขาได้ปฏิเสธศรัทธาต่อเขาและกล่าวว่า นี่คือมายากลแท้ ๆ เสมือนกับที่ฟิรเอานฺได้กล่าวกับมูซาและชาวบนีอิสรออีลได้กล่าวกับอีซา
โองการนี้ก็เช่นกันได้กล่าวถึงนบีมุฮัมมัดหลังจากนบีอีซา [คือบรรดาผู้ปฏิบัติตามศาสนทูต (มุฮัมมัด) ผู้เป็นนบีที่เขียนอ่านไม่เป็นที่พวกเขาพบเขาถูกจารึกไว้ ณ ที่พวกเขา ทั้งในคัมภีร์เตารอตและในคัมภีร์อิลญีล]
(อัลกุรอาน 7 : 157)
คือชาวยะฮูดีย์และชาวนัซรอนีย์ได้พบชื่อและลักษณะของนบีมุฮัมมัดถูกจารึกอยู่ในคัมภีร์เตารอตและคัมภีร์อิลญีลว่า เป็นผู้จะอุบัติขึ้นเป็นนบีและร่อซูลท่านสุดท้าย [โดยที่เขา (มุฮัมมัด) จะใช้พวกเขาให้กระทำในสิ่งที่ชอบและห้ามพวกเขาไม่ให้กระทำในสิ่งที่ไม่ชอบ และจะอนุมัติให้แก่พวกเขา ซึ่งสิ่งที่เลวทั้งหลาย และจะปลดเปลื้องออกจากพวกเขาซึ่งภาระหนักของพวกเขาและห่วงคอที่ปรากฏอยู่บนพวกเขา]
(อัลกุรอาน 7 : 157)
คำว่าภาระหนักและห่วงคอนั้นเป็นคำเปรียบเทียบ ซึ่งหมายถึงบัญญัติศาสนาที่กำหนดให้พวกเขาปฏิบัติในสิ่งที่ยากลำบากแก่พวกเขา เช่น การชดใช้ชีวิตด้วยชีวิต กล่าวคือถ้าฆ่าคนอื่นจะด้วยเจตนา หรือผิดพลาดก็ตาม จะต้องถูกฆ่าให้ตายตามกันโดยไม่มีการรับค่าทำขวัญใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นต้น [ดังนั้น บรรดาผู้ที่ศรัทธาต่อเขาและให้ความสำคัญแก่เขา และช่วยเหลือเขาและปฏิบัติตามแสงสว่างที่ถูกประทานลงมาแก่เขาแล้วชนเหล่านี้แหละคือบรรดาผู้ที่สำเร็จ]
(อัลกุรอาน 7 : 157)
................................
(จากหนังสือ : เรื่องเล่ากุรอาน เล่ม 3)
อดทน เพื่อชัยชนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น