อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

นบีอีซา(การช่วยเหลือของอัลลอฮฺ)


[ครั้งเมื่ออีซารู้สึกว่ามีการปฏิเสธศรัทธาเกิดขึ้นในหมู่พวกเขา (ชาวบนีอิสรออีล) จึงได้กล่าวว่า ใครบ้างจะเป็นผุ้ช่วยเหลือฉันไปสู่ (ศาสนาของ) อัลลอฮิ บรรดาสาวกผู้บริสุทธิ์ใจกล่าวว่า พวกเราเคือผู้ช่วยเหลือ (ศาสนาของ) อัลลอฮฺ พวกเราศรัทธาต่ออัลลอฮฺแล้ว และท่านจงเป็นพยานด้วยว่า แท้จริงพวกเรานั้นคือผู้น้อมตาม ข้าแต่พระผู้อภิบาลของพวกข้าพระองค์ พวกข้าพระองค์ศรัทธาแล้วต่อสิ่งที่พระองค์ได้ประทานลงมา และพวกข้าพระองค์ก็ได้ปฏิบัติตามศาสนทูตแล้ว ได้โปรดบันทึกพวกข้าพระองค์ร่วมกับบรรดาผู้ที่กล่าวปฏิญาณยืนยันทั้งหลายด้วยเถิด]
(อัลกุรอาน 3 : 52 - 53)

คือกล่าวปฏิญาณยืนยันในเอกภาพแห่งการเป็นพระเจ้าของพระองค์แล้ว ในการยอมรับศาสนทูตของพระองค์ที่พระองค์ส่งมา [และพวกเขาได้วางแผน]
(อัลกุรอาน 3 : 54)


คือชาวบนีอิสรออีลที่ปฏิเสธศรัทธาวางแผนที่จะสังหารนบีอีซา [และอัลลอฮฺก็ทรงวางแผนด้วย และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้วางแผนที่ดีเยี่ยม]
(อัลกุรอาน 3 : 54)

คือพระองค์ไดวางแผนที่จะปกป้องนบีอีซาให้พ้นจากการทำร้ายของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้น

..........ประกาศข่าวดีศาสนทูตท่านสุดท้าย

[และจงรำลึกเมื่ออีวาอิบนิมัรฺยัม ได้กล่าวว่า โอ้ชาวบนีอิสรออีลเอ๋ย แท้จริงฉันเป็นศาสนทูตของอัลลออฺมายังพวกท่าน เป็นผู้ยืนยังสิ่งที่มีอยู่ในคัมภีร์เตารอตก่อนหน้าฉัน และเป็นผู้แจ้งข่าวดีถึงศาสนทูตท่านหนึ่งผู้จะมาภายหลังจากฉัน ชื่อของเขาคือ อะห์มัด ครั้งเมื่อเขา (อะห์มัด) ได้ยังพวกเขาพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้งแล้ว พวกเขากล่าวว่า นี่คือมายากลแท้ ๆ ]
(อัลกุรอาน 61 : 6)

นบีอีซาได้แจ้งข่าวดีแก่ชาวบนีอิสรออีลว่า ฉันเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺมายังพวกท่าน เพื่อยืนยันข้อบัญญัติต่าง ๆ ที่มีอยู่ในคัมภีร์เตารอต และเป็นหลักฐานยืนยันถึงการเรียกร้องของฉันให้เคารพภักดีต่องอัลลอฮฺเช่นเดียวกับพวกท่านได้ศรัทธาต่อมูซา ฮารูน ดาวูด และสุลัยมาน ดังนั้นพวกท่านจงศรัทธาต่อฉัน นอกจากนี้ฉันยังเป็นผู้แจ้งข่าวดีว่า จะมีศาสนทูตคนหนึ่งถูกแต่งตั้งมาภายหลังจากฉัน นามว่า อะห์มัด หมายถึง นบีมุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ด้วยเหตุนี้ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า ฉันเป็นผู้ได้รับคำวิงวอนของบิดาของฉัน อิบรอฮีม และเป็นผู้ได้รับแจ้งข่าวดีของอีซา กล่าวคือขณะที่อิบรอฮีมและอิสมาอีลได้สร้างบ้าน (บัยตุลลอฮฺ) ทั้งสองได้กล่าววิงวอนไว้ตามที่พระองค์ได้กล่าวไว้วว่า โอ้พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดส่งศาสนทูตคนหนึ่งจากพวกเขาไปยังพวกเขา เพื่อที่จะได้สาธยายโองการต่าง ๆ ของพระองค์ให้พวกเขาฟัง อีกโองการหนนึ่ง ครั้งเมื่อเขา (มุฮัมมัด) ได้มายังพวกเขาพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้ง คือ พร้อมด้วยหลักบานที่บ่งชี้ถึงการเป็นศาสนทูตจริงและจำเป็นต้องปฏิบัติตามเขาในเรื่องเกี่ยวกับการศรัทธาและบทบัญญัติ แต่พวกเขาได้ปฏิเสธศรัทธาต่อเขาและกล่าวว่า นี่คือมายากลแท้ ๆ เสมือนกับที่ฟิรเอานฺได้กล่าวกับมูซาและชาวบนีอิสรออีลได้กล่าวกับอีซา

โองการนี้ก็เช่นกันได้กล่าวถึงนบีมุฮัมมัดหลังจากนบีอีซา [คือบรรดาผู้ปฏิบัติตามศาสนทูต (มุฮัมมัด) ผู้เป็นนบีที่เขียนอ่านไม่เป็นที่พวกเขาพบเขาถูกจารึกไว้ ณ ที่พวกเขา ทั้งในคัมภีร์เตารอตและในคัมภีร์อิลญีล]
(อัลกุรอาน 7 : 157)

คือชาวยะฮูดีย์และชาวนัซรอนีย์ได้พบชื่อและลักษณะของนบีมุฮัมมัดถูกจารึกอยู่ในคัมภีร์เตารอตและคัมภีร์อิลญีลว่า เป็นผู้จะอุบัติขึ้นเป็นนบีและร่อซูลท่านสุดท้าย [โดยที่เขา (มุฮัมมัด) จะใช้พวกเขาให้กระทำในสิ่งที่ชอบและห้ามพวกเขาไม่ให้กระทำในสิ่งที่ไม่ชอบ และจะอนุมัติให้แก่พวกเขา ซึ่งสิ่งที่เลวทั้งหลาย และจะปลดเปลื้องออกจากพวกเขาซึ่งภาระหนักของพวกเขาและห่วงคอที่ปรากฏอยู่บนพวกเขา]
(อัลกุรอาน 7 : 157)

คำว่าภาระหนักและห่วงคอนั้นเป็นคำเปรียบเทียบ ซึ่งหมายถึงบัญญัติศาสนาที่กำหนดให้พวกเขาปฏิบัติในสิ่งที่ยากลำบากแก่พวกเขา เช่น การชดใช้ชีวิตด้วยชีวิต กล่าวคือถ้าฆ่าคนอื่นจะด้วยเจตนา หรือผิดพลาดก็ตาม จะต้องถูกฆ่าให้ตายตามกันโดยไม่มีการรับค่าทำขวัญใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นต้น [ดังนั้น บรรดาผู้ที่ศรัทธาต่อเขาและให้ความสำคัญแก่เขา และช่วยเหลือเขาและปฏิบัติตามแสงสว่างที่ถูกประทานลงมาแก่เขาแล้วชนเหล่านี้แหละคือบรรดาผู้ที่สำเร็จ]
(อัลกุรอาน 7 : 157)


................................
(จากหนังสือ : เรื่องเล่ากุรอาน เล่ม 3)

อดทน เพื่อชัยชนะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น