อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ความจริง การฆ่าล้าง ที่ Hiroshima Nagasaki



บทที่ 2 - ความจริง การฆ่าล้าง ที่ Hiroshima Nagasaki


ก่อนที่เราจะไปดูว่าผู้แพ้สงครามได้กระทำความเลวร้ายอะไรไว้ หรือ ไม่ได้กระทำอะไรตามที่ถูกกล่าวหาไว้ เราจะไปดูว่าฝ่ายพระเอก หรือ ผู้ชนะ ที่เป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์ได้กระทำความเลวร้ายอะไรไว้บ้าง และได้หลอกลวงบิดเบือนอะไร โดยการศึกษาคดีใดก็ตาม จำเป็นต้องศึกษาทั้งจำเลย และโจทย์ โดยเฉพาะในกรณีที่โจทย์เป็นผู้พิพากษาด้วย
นิทานเรื่องหนึ่ง ที่ได้กลายเป็นความเชื่อของคนส่วนใหญ่ คือเรื่องของการทิ้ง ระเบิดปรมาณู 2 ลูกที่ Hiroshima และ Nagasaki ซึ่งมีการเล่าว่ามีความจำเป็นเพื่อการยุติสงคราม โดยได้มีการเผยแพร่ทางหนังสือเรียนประวัติศาสตร์ทั้งหลาย ว่าหากไม่ได้มีการใช้แล้ว สงครามจะยืดเยื้อไม่ยอมจบสิ้น อันเป็นเหตุต่อการ สูญเสียชีวิตของชีวิตชีวิตของชาวอเมริกันและญี่ปุ่นจำนวนมากมาย ตามคำอ้างของประธานาธิบดี Truman
หลังได้มีการเปิดเผยเอกสารทางการเก่าๆ นิทานเรื่องนี้ได้ถูกทำลายลง นักประวัติศาสตร์จำนวนในปัจจุบันทราบกันมากขึ้นเรื่อยๆแล้วว่า สหรัฐไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้ระเบิดปรมาณูเพื่อยุติสงครามกับญี่ปุ่นในปี 1945 พร้อมการยืนยันจากส่วนใหญ่ของผู้นำทางกองทัพ ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ที่สำคัญ ตรงกันข้ามกับประวัติศาสตร์ ที่ได้บันทึกเขียนออกมาหลอกให้สหรัฐดูเหมือนจะเป็นพระเอกที่ได้กอบกู้โลก
ข้อเท็จจริง:
(1) ญี่ปุ่นต้องการยอมแพ้ โดยมีเงื่อนไขข้อเดียว คือการรักษาจักรพรรดิ์ไว้ และ ไม่ให้มีการดำเนินคดี War Crime กับจักรพรรดิ์ และ (2) โดยสถานการทางการทหาร ญี่ปุ่นเสมอแพ้ไปแล้ว (3) สหรัฐทราบทั้งหมดเป็นอย่างดี แต่ เมินต่อข้อเสนอการยอมแพ้ เดินหน้าทิ้ง ‘Atomic Bomb’ เพื่อทดลองของเล่นใหม่ โดยมองว่าจะจะได้ประโยชน์ในการข่มโซเวียตทางการเมือง
(1) จากการเปิดเผยเอกสารในช่วงท้าย Cold War หลักฐานปรากฏว่าญี่ปุ่น ได้มีการเจรจาผ่านทูตที่ Moscow ตั้งแต่เดือนเมษายนของปี 1945 แสดงถึงการที่ญี่ปุ่นต้องการจะยอมแพ้ โดยมีเงื่อนไขข้อเดียว คือการรักษาจักรพรรดิ์ไว้ และ ไม่ให้มีการดำเนินคดีอาชญากรสงครามกับจักรพรรดิ์ โดยทูตญี่ปุ่นประจำที่ Moscow ได้กล่าว ‘ข้อความที่ต้องการการยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไขหรือใกล้เคียง ข้าพเจ้าได้ยกเว้นกรณีการพิจารณาใดๆกับราชวงศ์จักรพรรดิ์’ (L1)
เรื่องความต้องการที่จะยอมแพ้ของญี่ปุ่น ประธานาธิบดี Truman ทราบเป็นอย่างดี เพราะสหรัฐได้ถอดรหัสของญี่ปุ่นมานานแล้ว โดยในวันที่ 28 พฤษภาคม 1945 อดีตประธานาธิบดี Herbert Hoover ได้เข้าพบ Truman และได้กล่าว ‘หากท่าน ในฐานะประธานาธิบดี เพียงประกาศให้ชาวญี่ปุ่นทราบว่าเขาสามารถรักษาจักรพรรดิ์ของเขาไว้ได้ ท่านจะได้ความสงบในญี่ปุ่น สงครามทั้งสองจะจบลง’ (L2) ภายหลัง Hoover ได้ตำหนิ Truman ‘ญี่ปุ่นพยายามเจรจามาตั้งแต่ กุมพาพันธ์ 1945 จนถึงมีการทิ้งระเบิดจักรพรรดิ์ หากเพียงได้สนใจ จะไม่มีเหตุต้องทิ้งระเบิดปรมาณูเลย’ (L3)
ภายหลัง John McLoy รัฐมนตรีช่วยกลาโหมได้กล่าว ‘โดยการไม่ยอมรับข้อเสนอ....เราได้ทิ้งโอกาสในการได้การยอมแพ้ที่เราพอใจ โดยไม่จำเป็นต้องทิ้งระเบิดนั้น’ (L4) ส่วนนายพล MacArthur ผู้บังคับบัญชากองทัพสหรัฐปาซิฟิก ได้กล่าว ‘สงครามอาจจบเร็วกว่านี้ 2 สัปดาห์หากสหรัฐได้ตกลง ซึ่งในที่สุดสหรัฐก็ได้ตกลงยอมอยู่ดี ที่จะให้รักษาสถาบันจักรพรรดิ์ไว้’ แต่ภายหลังการทดลองอาวุธใหม่ที่ได้ฆ่าล้างคนไปหลายแสนแล้ว (L5)
(2) นอกจากจะสามารถจบลงง่ายๆโดยการเจรจาแล้ว United States Strategic Bombing Survey of 1946 ยังสรุปอีกว่า ‘แม้ไม่ใช่ระเบิดปรมาณู ศักยภาพที่เหนือกว่าทางอากาศก็ยังทำให้ญี่ปุ่นยอมแพ้ได้โดยไม่จำเป็นต้องบุกทางบก’ และจากการสอบสวนผู้นำทางการทหารของญี่ปุ่นที่ยังมีชีวิตอยู่ ได้ระบุ ‘ญี่ปุ่นจะยอมแพ้อยู่แล้ว แม้ไม่มีการทิ้งระเบิดปรมาณู’ (L6) ซึ่งตรงกับที่บุคคลสำคัญกองทัพ เช่นพลเรือเอก William Leahy ผู้มีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพสหรัฐ ประธาน Joint Chiefs of Staff ได้กล่าว ‘ญี่ปุ่นแพ้ไปแล้วและพร้อมที่จะยอมแพ้ จากการกีดกันทางทะเล และการระเบิดด้วยอาวุธธรรมดา’ (L7) และ นายพล Dwight D. Eisenhower ที่ต่อมาได้เป็นประธานาธิบดี ‘ญี่ปุ่นแพ้ไปแล้วและการทิ้งระเบิดปรมาณูนั้นไม่มีความจำเป็นเลย’ (L8)
(3) จากการมีผู้ไปถามนายพล MacArthur เกี่ยวกับการตัดสินใจทิ้งระเบิดปรากฏว่า ในการตัดสินใจนี้ ไม่ได้แม้แต่มีการปรึกษา เขา ทั้งที่เป็นผู้บังคับบัญชากองทัพสหรัฐในแถบแปซิฟิก โดยผู้ที่ได้มีร่วมตัดสินใจกับ Truman นั้นคือ Henry Stimson รัฐมนตรีว่าการกลาโหม 'Top Policy Group' ที่ได้ควบคุมโปรเจคระเบิดปรมาณู. ซึ่งเคยบอก Truman ว่าเขา ‘กลัว’ ว่า ‘การโจมตีทางอากาศจะทำให้พื้นดินเละจนอาวุธใหม่ของเขาจะไม่สามารถแสดงพลังให้เห็นได้อย่างชัดเจน’(L9) และภายหลังเขาได้ยอมรับว่า ‘ไม่เคยมีความพยายาม หรือแม้แต่นำมาเรื่องการยอมแพ้มาพิจารณาอย่างจริงจัง เพื่อไม่ต้องทิ้งระเบิดปรมณู’ (L10) โดยนายพล Leslie Groves สหายของ Stimson ที่เป็นกรรมการของ Manhattan Project ที่สร้างระเบิดได้ให้การว่า ‘เราไม่เคยไม่ชัดเจนว่า Russia เป็นศัตรูของเรา และเราได้ดำเนินไปด้วยฐานนี้’ หนึ่งวันหลัง Hiroshima ถูกทำลายล้าง ประธานาธิบดี Truman ได้แสดงความพอใจใน ‘ในความสำเร็จ’ ในการ ‘ทดลอง’ (L11)
‘เราทำให้เขาแพ้ไปแล้ว ด้วยการล้มเรือและตัดอาหาร เราไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ เราก็รู้ว่าเราไม่จำเป็น เขาก็รู้ว่าเราไม่จำเป็น เราใช่พวกเขาในการทดลองระเบิดปรมาณู 2 ลูก’ (L12) คือตำของนายพล Carter W. Clarke หัวหน้าแผนกกระทำการสอบสวนหน่วย intelligence ที่ Pearl Harbour ได้กล่าว ส่วนนายพล Dwight D. Eisenhower หลังเป็นประธานาธิบดีได้ให้สัมภาษณ์ Newsweek ใน 1963 ได้พูดอีกว่า ‘มันไม่ได้มีความจำเป็นเลยที่จะต้องไปทำร้ายเขาด้วยสิ่งเลวร้ายนั้น การฆ่า การสร้างความหวาดกลัวให้ผลเมือง โดยไม่มีแม้แต่ความพยายามจะเจรจา นี้คืออาชญากรรม 2 ต่อ’ (L13)
คำถามคือ:
หากต้องการให้มีการสูญเสียชีวิตน้อยที่สุดทำไมถึงไม่ยอมเจรจา?
ท่านคิดว่าเป็นอาชญากรรมสงครามหรือไม่?
ท่านมั่นใจในตำราประวัติศาสตร์ที่ได้ปลูกฝังความเชื่อให้ท่านแค่ไหน?
2558/ 06/ 17
ป.ล. ขอแจ้งว่าภาพบนแบนเนอร์ ภาพขวาบนเป็นภาพจริง ส่วนภาพซ้ายเป็นภาพแต่งเดิม
Quote
(L1) “my earlier message calling for unconditional surrender or closely equivalent terms, I made an exception of the question of preserving [the imperial family]”. Soto https://en.wikipedia.org/wiki/Surrender_of_Japan
(L2) On May 28, 1945, Hoover visited President Truman and suggested a way to end the Pacific war quickly: "I am convinced that if you, as President, will make a shortwave broadcast to the people of Japan - tell them they can have their Emperor if they surrender, that it will not mean unconditional surrender except for the militarists - you'll get a peace in Japan - you'll have both wars over." Richard Norton Smith, An Uncommon Man: The Triumph of Herbert Hoover, pg. 347. http://www.doug-long.com/quotes.htm
(L3) ‘...the Japanese were prepared to negotiate all the way from February 1945...up to and before the time the atomic bombs were dropped; ...if such leads had been followed up, there would have been no occasion to drop the [atomic] bombs’ - quoted by Barton Bernstein in Philip Nobile, ed., Judgment at the Smithsonian, pg. 142 http://www.doug-long.com/quotes.htm
(L4) "The war might have ended weeks earlier, he said, if the United States had agreed, as it later did anyway, to the retention of the institution of the emperor." - General MacArthur
http://www.colorado.edu/AmStudies/lewis/2010/atomicdec.htm
(L5) “To reject the ultimatum, as it was presented. I believe we missed the opportunity of effecting a Japanese surrender, completely satisfactory to us, without the necessity of dropping the bombs.” – John McLoy http://www.doug-long.com/quotes.htm
(L6) "Even without the atomic bombing attacks air supremacy over Japan could have exerted sufficient pressure to bring about unconditional surrender and obviate the need for invasion.”
“Japan would have surrendered even if the atomic bombs had not been dropped even if Russia had not entered the war, and even if no invasion had been planned or contemplated”
United States Strategic Bombing Survey of 1946 https://www.trumanlibrary.org/…/bomb/…/documents/pdfs/24.pdf
(L7) The Japanese were already defeated and ready to surrender because of the effective sea blockade and the successful bombing with conventional weapons - Admiral William Leahy http://www.colorado.edu/AmStudies/lewis/2010/atomicdec.htm
(L8) “Japan was already defeated and that dropping the bomb was completely unnecessary.” ". . . it wasn't necessary to hit them with that awful thing." President Dwight D. Eisenhower http://www.colorado.edu/AmStudies/lewis/2010/atomicdec.htm
(L9) I was a little fearful that before we could get ready the Air Force might have Japan so thoroughly bombed out that the new weapon [the atomic bomb] would not have a fair background to show its strength - Henry Stimpson
http://www.doug-long.com/stimson5.htm
(L10) no effort was made, and none was seriously considered, to achieve surrender merely in order not to have to use the bomb - Henry Stimpson https://books.google.co.th/books…
(L11): "There was never any illusion on my part that Russia was our enemy, and that the project was conducted on that basis." The day after Hiroshima was obliterated, President Truman voiced his satisfaction with the "overwhelming success" of "the experiment"
http://www.theguardian.com/…/aug/06/secondworldwar.warcrimes
(L12) We brought them down to an abject surrender through the accelerated sinking of their merchant marine and hunger alone, and when we didn’t need to do it, and we knew we didn’t need to do it, and they knew that we knew we didn’t need to do it, we used them as an experiment for two atomic bombs.”
http://www.doug-long.com/guide1.htm
(L13) “It wasn’t necessary to hit them with that awful thing . . . to use the atomic bomb, to kill and terrorize civilians, without even attempting [negotiations], was a double crime.” 1963 Newsweek
http://www.globalresearch.ca/the-real-reason-americ…/5308192
บทความ
http://www.globalresearch.ca/the-hiroshima-myth-una…/5344436
http://www.globalresearch.ca/the-real-reason-americ…/5308192
http://www.colorado.edu/AmStudies/lewis/2010/atomicdec.htm
http://www.theguardian.com/…/aug/06/secondworldwar.warcrimes
https://mises.org/library/hiroshima-myth


จาก ความจริงที่เขาปิดบัง ความเท็จที่เขาหลอกลวง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น