อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คนสร้างหนังต่อต้านอิสลาม....ได้เข้ารับอิสลาม




คนสร้างหนังต่อต้านอิสลาม....ได้เข้ารับอิสลาม...อดีตเขาเป็นสมาชิกพรรค (freedom party ) ซึ่งเป็นพรรคที่เป็นศัตรูอิสลามอย่างรุนแรงที่สุดในประเทศเนเธอแลนด์
.....................................
....Arnoud van Doorn หนึ่งในอดีตสมาชิกพรรคการเมืองหัวรุนแรงขวาจัด Freedom Party ของประเทศเนเธอแลนด์ หรือดัตช์ ที่เคยสร้างภาพยนต์ดูหมิ่น ต่อต้านศาสนาอิสลาม ขณะนี้ได้ประกาศเข้ารับอิสลาม และเดืนทางเยือนมัสยิดนบวีย์ ก่อนเข้ามักกะห์ร่วมประกอบพิธีอุมเราะห์
หนังสือพิมพ์ Oukad ของซาอุดิอาระเบียรายงานว่า ในระหว่างที่เขาเดินทางเยือนมัสยิดนะบะวีย์ และได้เยี่ยมหลุมศพของท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลั๊ลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม น้ำตาของเขาก้ไหลออกมา และเขาได้ยืนร้องให้อย่างมาก ณ ที่ตรงนั้น
เขากล่าวว่า เขาเป็นอดีตของกลุ่มขวาจัดที่ต่อต้านศาสนาอิสลาม แต่หลังจากที่เขาได้เห็นปฏิกริยาที่กว้างขวางของมุสลิมที่ออกมาต่อต้าน ภาพยนต์อันน่ารังเกียจที่พวกเขาทำขึ้นในขณะนั้น ทำให้เขาได้เริ่มตั้งคำถามกับตนเอง และค้นหาคำตอบ ต่อความเชื่อมโยงที่ทำไมชาวมุสลิมจึงมีความรักอย่างมากมายต่อศาสนาของ และท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลั๊ลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ของพวกเขา
เขายังเสริมอีกว่าหลังจากที่เขาได้ศึกษาเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ทำให้เขาพบว่าการกระทำในอดีตที่ผ่านมาของเขาเป็นความผิดพลาด และทำให้เขาได้ศึกษาเกี่ยวกับศาสนาอิสลามมากขึ้น และได้เข้าใกล้ชิดกับมุสลิมในเนเธอแลนด์ และได้เข้ารับอิสลามในเวลาต่อมา
ในระหว่างการเดินทางเยือนมหานครมดีนะห์ เขายังได้พบกับ Imam of Al-Masjid al-Nabawī (the Prophet's Mosque) Sheikh Salah Al Budair and Imam of Quba Mosque Sheikh Ali Al Huzaifi โดยได้รับการต้อนรับอย่างเป็นมิตร และยังได้รับคำแนะนำสำหรับการดำเนินชีวิตต่อไปของเขา
เขากล่าวก่อนที่จะเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ยังมหานครมักกะห์ว่า "การที่จะต้องเดินทางออกไปจากเมืองมะดีนะห์ ถือเป็นเรื่องเศร้า แต่เขาจะเดินทางไปต่อยังมหานครมักกะห์ เพื่อไปประกอบพิธีอุมเราะห์ และจะกลับมายังเมืองบริสุทธิ์แห่งนี้อีก ในเร็วๆ นี้"
หลังจากที่เขา ได้เดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ ณ นครมักกะห์ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอัลอะรอบียะฮฺ ว่า ตอนนี้เสมือนว่าตนได้อยู่อีกโลกหนึ่ง ที่ได้รับการผักผ่อน ภายหลังที่ตนได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค (freedom party ) ซึ่งเป็นพรรคที่เป็นศัตรูอิสลามอย่างรุนแรงที่สุดในประเทศ
เขายังกล่าวเพิ่มอีกว่า เขาจะไม่ปกปิดว่า เขาเป็นหนึ่งคนจากพวกเหล่านั้น ก่อนที่ตนจะเข้ารับอิสลาม เขาเคยคิดว่าศาสนาอิสลามนี้เป็นศัตรูกับความอิสรภาพ ศัตรูกับมนุษยชาติ ศาสนาแห่งความโหดร้ายทารุณ ลิดรอนสิทธิสตรี และจะไม่ทำให้สังคมเกิดความสงบสุข ความคิดของเขาตอนนั้นก็เหมือนกับสมาชิกพรรคคนอื่นๆ
แต่ภายหลังตนได้คลุกคลีกับสังคมมุสลิมมากขึ้น รู้จักอิสลามมากขึ้น ทำให้ตอนนี้ตนก็ได้มาอยู่ ณ นครมักกะฮฺ นี่คือผลจากการศึกษาที่มีต่ออิสลาม อัลฮัมดุลิลละฮ์


ที่มา Muttaqeen Sukreez Desa



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น