อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ซะกาตทรัพย์สิน


ซะกาตทรัพย์สินซึ่งส่วนมากก็คือเงินตราและทองคำ ก็ต้องตรวจสอบดูก่อนว่า เงินเหลือสุทธิตอนสิ้นปีของเรา ถึง "อัตราขั้นต่ำ" (อาหรับเรียก นิศอบ)ที่จะต้องจ่ายซะกาตหรือไม่ ถ้าถึงหรือเกินอัตราขั้นต่ำก็ต้องจ่ายซะกาต ถ้าไม่ถึงก็ไม่ต้องจ่ายครับ

ส่วนอัตราขั้นต่ำของซะกาตแต่ละปีจะไม่คงที่ ขึ้นอยู่กับราคาทองคำในแต่ละปี โดยเมื่อครบรอบปีการจ่ายซะกาตของเรา ก็ให้เอาราคาทองคำต่อ น้ำหนัก 1 บาทขณะนั้น (ให้ถามร้านขายทองดู) คูณกับ 5.67 (เป็นน้ำหนักทองคำเป็นบาทของเรา เทียบกับน้ำหนักทองคำ 20 มิษกอลอันเป็นอัตราขั้นต่ำที่ศาสนากำหนดไว้) ..

 ทีนี้สมมุติว่า คุณกำหนดจ่ายซะกาตทุกๆวันอีดิ้ลฟิฏรี่ พอถึงวันอีดิ้ลฟิฏรี่ คุณก็ไปถามร้านขายทองคำดู เขาบอกว่าทองคำราคาบาทละ 20000 บาท คุณก็เอา 5.67 คูณกับ 20000 ก็จะได้ตัวเลขออกมาคือ 113400 แสดงว่าถ้าคุณมีเงินเหลือสุทธิขณะนั้น 113400 บาทขึ้นไป คุณก็ต้องจ่ายซะกาตร้อยละ 2.5 แต่ถ้าคุณมีเงินไม่ถึง 113400 บาท คุณก็ไม่ต้องจ่ายซะกาตในปีนั้น

 ในกรณีเป็นเงินหมุนเวียนและมีเงินไหลเข้า-ไหลออกตลอดทั้งปี ก็ให้ดูเงินเหลือสุทธิตอนปลายปีเป็นเกณฑ์อย่างที่บอกแล้ว กรณีของคุณจึงต้องจ่ายซะกาตครับ

 แต่ถ้าเป็นเงินเก็บตั้งไว้เฉยๆไม่มีการใช้จ่ายไหลเข้า-ไหลออกเลยตลอดทั้งปี ก็ต้องรอจนมันครบรอบปีจึงจะจ่ายซะกาตครับ

วัลลอฮุอะอฺลัม


...........................
อ.ปราโมทย์ ศรีอุทัย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น