อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

จูบภรรยาที่หย่าแล้ว





คำถาม

ดิฉันกับสามีแยกทางกันอยู่ และสามีกล่าวหย่าให้ดิฉันแล้ว 1 ตะเลาะห์ แต่ช่วงเดือนที่ 2 ของอิดดะห์ สามีมาหาลูกที่บ้านดิฉัน และเค้าฉวยโอกาสในขณะที่ดิฉันหลับกับลูก ได้เข้ามานอนข้างๆแล้วกอด หอมแก้ม และจูบปากของดิฉัน ซึ่งดิฉันไม่ได้เต็มใจและพยายามปัดป้องไปแล้ว แล้วไล่เค้ากลับไป (ดิฉันไม่ต้องการคืนดีกับเค้าแล้ว) การกระทำของเค้าแบบนี้ถือว่าเข้าข่ายทำให้เป็นการคืนดีระหว่างดิฉันกับสามีหรือไม่
กลุ้มใจมากๆ ค่ะ อยากให้อช่วยตอบด่วนค่ะ


ตอบ


الحمد لله تعالى

 การคืนดีกันนั้น ต้องกล่าวด้วยวาจาและมีพยานรู้เห็นนะครับ
ท่านอิบนุหัซมิน กล่าวว่า

فإن وطئها، لم يكن بذلك مراجعاً لها، حتى يلفظ بالرجعة ويُشهد، ويعلمها بذلك قبل تمام عدتها، فإن راجع ولم يشهد، فليس مراجعاً؛ لقول اللّه - تعالى  " فَإِذَا بَلَغْنَ أَجَلَهُنَّ فَأَمْسِكُوهُنَّ بِمَعْرُوفٍ أَوْ فَارِقُوهُنَّ بِمَعْرُوفٍ وَأَشْهِدُوا ذَوَى عَدْلٍ مِنْكُمْ " [ الطلاق: 2]. فرَّق - عز وجل - بين المراجعة، والطلاق، والإشهاد، فلا يجوز إفراد بعض ذلك عن بعض، وكأن من طلق، ولم يشهد بذويْ عدل، أو راجع، ولم يشهد بذويْ عدل متعد لحدود اللّه، تعالى، وقال رسول اللّه صلى الله عليه وسلم: "من عمل عملاً ليس عليه أمرنا، فهورد "(2). انتهى.

แล้วหากเขาร่วมเพศกับนาง ดังกล่าวนั้นก็ไม่ถือว่า เขากลับไปคืนดีกับนาง จนกว่าเขาจะพูดเป็นถ้อยคำว่ากลับคืนดีกับนาง และมีพยานยืนยัน ดังนั้นถ้าเขาคืนดี และไม่มีพยานยืนยัน ก็ไม่ถือว่า เป็นการคืนดี เพราะอัลลอฮ ตะอาลาตรัสไว้ว่า

فَإِذَا بَلَغْنَ أَجَلَهُنَّ فَأَمْسِكُوهُنَّ بِمَعْرُوفٍ أَوْ فَارِقُوهُنَّ بِمَعْرُوفٍ وَأَشْهِدُوا ذَوَيْ عَدْلٍ مِّنكُمْ

[65.2] ต่อเมื่อพวกนางได้อยู่จนครบกำหนดของพวกนางแล้ว ก็จงยับยั้งพวกนางให้อยู่โดยดี หรือให้พวกนางจากไปโดยดี และจงให้มีพยานสองคนเป็นผู้เที่ยงธรรมในหมู่พวกเจ้า
อัลลอฮ อัซซาวะญัลลา ได้แยกระหว่างการกลับคืนดี ,การหย่าและการเป็นพยาน ดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้โดดเดี่ยวส่วนหนึ่งส่วนใดจากนั้น เช่น คนๆหนึ่ง หย่าภรรยาโดยไม่มีพยานที่ยุติธรรม หรือ เขากลับคืนดีกับภรรยา โดยไม่มีพยานสองคนยืนยัน ถือ เป็นการละเมิดขอบเขตของอัลลอฮ ตะอาลา
ท่านรซูลุ้ลลอฮ Solallah ได้กล่าวไว้ว่า"ผู้ใดประกอบการงานใด โดยไม่มีคำสั่งจากเราบนมัน งานนั้นถูกตีกลับ(ไม่ถูกรับ) - ฟิกอัสสุนนะฮ บทว่าด้วยเรื่อง การหย่า และอัลมะหัลลา ของอิบนุหัซมิน 10/17
............

عن مطرف بن عبد الله بن الشخير أن عمران بن الحصين سئل عن رجل يطلق امرأته ثم يقع بها ولم يشهد على طلاقها ولا على رجعتها فقال عمران طلقت بغير سنة وراجعت بغير سنة أشهد على طلاقها وعلى رجعتها * ( صحيح )
_ الارواء 2078 ، صحيح أبي داود 1899

รายงานจากมุฏรอฟ บิน อับดิลละฮ บิน อัชชะคีร ว่า อิมรอน บิน อัลหุศอ็ยน์ ได้ถูกถามเกี่ยวกับชายคนหนึ่ง ได้หย่าภรรยาของเขา หลังจากนั้น การหย่าของเขาได้ตกเป็นการหย่า โดยเขาไม่มีพยานในการหย่านางและไม่มีพยานในการคืนดีกับนาง แล้วอิมรอนได้กล่าวว่า "ท่านหย่าไม่เป็นไปตามสุนนะฮและท่านคืนดีไม่เป็นไปตามสุนนะฮ ,ท่านจงให้มีพยานในการหย่าและในการคืนดีกับนาง - หะดิษเศาะเหียะ - อัลอิรวาอฺ หะดิษหมายเลข 2078 ,เศาะเฮียะอบีดาวูด หะดิษหมายเลข 1899 - เศาะเฮียะอิบนุมาญะฮ เล่ม 1 หน้า 343 หะดิษหมายเลข 1645

........


สำหรับประเด็นการคืนดีและการหย่า ว่าต้องมีพยานนั้น เป็นประเด็นเห็นต่างของบรรดานักวิชาการ

อิหม่ามเชากานีย์ กล่าวว่า
وَقَدْ ذَهَبَ إلَى عَدَمِ وُجُوبِ الْإِشْهَادِ فِي الرَّجْعَةِ أَبُو حَنِيفَةَ وَأَصْحَابُهُ وَالْقَاسِمِيَّةُ وَالشَّافِعِيُّ فِي أَحَدِ قَوْلَيْهِ . وَاسْتَدَلَّ لَهُمْ فِي الْبَحْرِ بِحَدِيثِ ابْنِ عُمَرَ السَّالِفِ ، فَإِنَّ فِيهِ أَنَّهُ قَالَ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : { مُرْهُ فَلْيُرَاجِعْهَا } وَلَمْ يَذْكُرْ الْإِشْهَادَ . وَقَالَ مَالِكٌ وَالشَّافِعِيُّ وَالنَّاصِرُ : إنَّهُ يَجِبُ الْإِشْهَادُ فِي الرَّجْعَةِ

อบูหะนีฟะฮ, และบรรดาศานุศฺษย์ของเขา ,อัลกอศิมียะฮ และชาฟิอี ในทัศนะหนึ่งของสองทัศนะของเขา มีทัศนะว่าไม่จำเป็นต้องมีพยานในการคืนดี และมันเป็นหลักฐานสำหรับพวกเขา ในอัลบะหรฺ ด้วยหะดิษ อิบนุอุมัร อัสสาลิฟ เพราะว่าแท้จริงในหะดิษนั้น ท่านนบี ศอ็ลฯ กล่าวว่า (จงสั่งเขาให้คืนดีกับนาง) และท่านนบี ไม่ได้ระบุพยาน และ มาลิก,ชาฟิอี(ในทัศนะหนึ่ง) และ อันนาศีร กล่าวว่า “ จำเป็นต้องมีพยานในการคืนดี –นัยลุลเอาฎอร 6/300


อิบนุตัยมียะฮ กล่าวว่า
وَقَدْ ظَنَّ بَعْضُ النَّاسِ : أَنَّ الْإِشْهَادَ هُوَ الطَّلَاقُ وَظَنَّ أَنَّ الطَّلَاقَ الَّذِي لَا يَشْهَدُ عَلَيْهِ لَا يَقَعُ . وَهَذَا خِلَافُ الْإِجْمَاعِ وَخِلَافُ الْكِتَابِ وَالسُّنَّةِ وَلَمْ يَقُلْ أَحَدٌ مِنْ الْعُلَمَاءِ الْمَشْهُورِينَ بِهِ
บางส่วนของมนุษย์ เข้าใจว่า แท้จริงการมีพยานนั้น คือ การหย่า และเข้าใจว่า แท้จริงการหย่าที่ไม่มีพยานบนมันนั้น ไม่มีผล (ไม่ตกเป็นการหย่า) และ นี้คือ การขัดแย้งกับมติของนักปราชญ์(อิจญมาอฺ) และ ขัดแย้งกับ อัลกิตาบและอัสสุนนะฮ และไม่มีคนใด จากบรรดานักปราชญ์ที่มีชื่อเสียง กล่าวด้วยมัน – มัจญมัวะฟะตาวา 33/34 เรื่อง باب طلاق السنة وطلاق البدعة


อิบนุหัซมิน กล่าวว่า
وَقَالَ جَابِرُ بْنُ زَيْدٍ ، وَأَبُو قِلَابَةَ ، وَاللَّيْثُ بْنُ سَعْدٍ وَالشَّافِعِيُّ : الْوَطْءُ فَمَا دُونَهُ لَا يَكُونُ رَجْعَةً - نَوَى بِهِ الرَّجْعَةَ أَوْ لَمْ يَنْوِ - وَلَا رَجْعَةَ إلَّا بِالْكَلَامِ .
ญาบีร บิน เซด ,อบูกิลาบะฮ ,อัลลัยษู บิน สะอิด และชาฟิอีย์ กล่าวว่า “ การมีเพศสัมพันธ์ และสิ่งที่นอกเหนือจากมัน จะไม่เป็นการคืนดี จะเนียตคืนดีหรือ ไม่เนียตก็ตาม และไม่เป็นการคืนดี นอกจาก (ต้องคืนดี)ด้วยคำพูด – อัลมะหัลลา 10/19

والله أعلم بالصواب


อะสัน  หมัดอะดั้ม






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น