อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เขาเย้ยหยันแต่เธอกลับไม่รู้สึก


ในช่วงเดือนรอมาฎอน ที่มุสลิมทั่วโลกต่างพากันถือศิลอด มีสาวประเภทสองคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนต่างศาสนิก ได้ทำการแต่งกายเลียนแบบมุสลีมะฮฺ คือแต่งตัวมิดชิดคลุมผ้าคลุมผมเรียบร้อย หลังจากนั้นก็เข้าไปในร้านขายข้าวแกงของคนต่างศาสนิก แล้วได้สั่งข้าวกับกับข้าวที่เป็นเนื้อหมูกิน ซึ่งในขณะนั้นก็มีผู้คนจำนวนมากกำลังจ่องไปยังเขาด้วยความสนใจ (เขาเจตนาที่กระทำให้คนรอบข้างเห็น)

การกระทำของสาวประเภทสอง ดังกล่าวเป็นการดูหมิ่นเยียดหยามอิสลาม ไม่ว่าเป็นการกระทำที่เป็นการเลียนแบบเพศตรงข้าม, การแต่งกายอย่างมุสลีมะฮ์แล้วไปทานเนื้อหมู ให้ผู้คนเห็นว่าตนเป็นมุสลีมะฮฺยังทานหมูได้ ทั้งกระทำในเดือนรอมาฎอนขณะที่มุสลิมกำลังถือศิลอด ผู้คนที่ไม่ทราบว่าเขาเป็นคนต่างศาสนิก ก็เข้าใจว่าเขาเป็นมุสลิม แต่งกายเรียบร้อย แต่กลับทานเนื้อหมู ซึ่งเป็นที่ต้องห้ามตามบทบัญญัติอิสลาม มันย่อมก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่เกียรติของมุสลิมเป็นอย่างมาก

แต่เมื่อมุสลีมะฮฺ ผู้หนึ่งซึ่งรู้จักสาวประเภทสองคนนี้ เมื่อได้รับทราบว่าสาวประเภทสองได้กระทำเช่นนั้น  จากที่เขาจะป้องศาสนาของตน โดยการติเตือนมิให้สาวประเภทสองกระทำเช่นนั้นอีก กลับหัวเราะชอบใจ ไม่ว่ากล่าวติเตือนแม้แต่น้อย เมื่อเรามุสลิมเจ้าของศาสนาไม่ยอมปกป้องศาสนาที่ตนนับถือเสียแล้ว แล้วใครเล่าจะมาปกป้องศาสนาของเราแทนเราอีก???!!!



والله أعلم بالصواب



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น