อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เมตตาต่อสิ่งมีชีวิต




อิสลามเป็นศาสนาที่ถูกส่งมาเพื่อแผ่ความเมตตาแก่มวลมนุษย์ชาติดั่งคำดำรัสของพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ความว่า
“เรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใด นอกจากเพื่อเป็นความเมตตาแก่บรรดามนุษย์ชาติทั้งหลาย”(อัลอัมบิยาอ์ 107)

ตัวอย่างในประวัติศาสตร์อันหอมกรุ่น ถูกบันทึกไว้หลายแผ่นกระดาษด้วยกัน ภาพลักษณ์ซึ่งท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลฯ ได้ฉายภาพให้พวกท่านเห็น

เสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ขณะที่ท่านรอซูลเรียกร้องสู่อิสลาม มีหญิงชราตาบอดนางหนึ่งด้วยความโกรธเกลียดท่านรอซูลถึงขนาดย้ายบ้านจากในเมืองมักกะฮฺไปพำนักอยู่ตีนภูเขานอกเมืองท่านรอซูลหาโอกาสไปเยี่ยมนางเป็นประจำโดยนำอาหารเครื่องดื่มไปให้ด้วยโดยที่นางไม่รู้ว่าเขาผู้นั้นคือใคร ?

อยู่มาวันหนึ่ง ท่านไม่ได้ไปเยี่ยม นางเฝ้ารอด้วยความทุกข์ใจเพราะกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไปต่อจากนั้นท่านรอซูลสั่งท่านอบูบักร์ให้ไปเยี่ยมแทนเมื่อได้ยินเสียงเดินนางดีใจมากและรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าคนที่มาวันนี้ไม่ใช่คนที่นางรอคอย นางจึงถามว่า

หญิงตาบอด: ชายคนที่มาทุกวันทำไมวันนี้เขาไม่มาล่ะ?

อบูบักร์:
เขามีภารกิจยุ่งมากเขาจึงให้ฉันมาแทน

หญิงตาบอด: แล้วท่านเป็นใคร?
อบูบักร์:
อบูบักร์!

หญิงตาบอด: ถ้างั้น ชายคนนั้นก็คือ มูฮัมมัด

เมื่อรู้เช่นนั้นนางผู้เคยเกลียดมูฮัมมัดถึงขนาดย้ายบ้านไปอยู่เพียงลำพังกล่าวปฏิญาณตน “ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ถูกกราบไหว้อย่างเที่ยงแท้นอกจากอัลลอฮฺและขอปฏิญาณว่ามูฮัมมัดเป็นรอซูลของอัลลอฮฺ”

แล้วท่านอบูบักร์ก็ได้พานางเข้าไปในมักกะฮฺ...

นั่นคือประวัติศาสตร์!! นั่นคือรอซูลุลลอฮฺของเรา ท่านได้มอบความเมตตาอาทรให้แก่คนที่เกลียดชังท่าน แล้วพวกเราอยู่ตรงจุดไหนของประวัติศาสตร์! อิสลามประณามต่อการกระทำทารุณโหดเหี้ยมเพราะอิสลามเป็นศาสนาที่นำพาความสันติสุขมามอบให้แก่พื้นโลก ในทุกสงครามท่านรอซูลุลลอฮฺจะสั่งบรรดาทหารที่ออกทำศึก ห้ามฆ่าเด็ก สตรี คนชรานักบวชนักพรตห้ามตัดทำลายต้นไม้ หรือทำร้ายต่อสัตว์

อัลฮั้มดุลิ้ลลาฮฺ



....................
แวนิต้า โรส




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น