ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
"ผู้ใดที่คดโกงเรา เขาก็ไม่ใช่พวกเรา" (บันทึกโดย บุคอรีย์)
เป็นหน้าที่ของผู้ปฏิญาณตนว่า "ไม่มีพระเจ้าอื่นใด (ที่คู่ควรแก่การเคารพสักการะ) นอกจากอัลลอฮฺ และ (นบี) มุฮัมมัดนั้นเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ" ที่จะต้องพยายามไขว่คว้าให้ไ้ดมาเพื่อที่ให้ได้อยู่ร่วมกับท่านนบี เพราะนบีมุฮัมมัดเป็นผู้นำของประชาชนนี้ในสวนสวรรค์
"เขาก็ไม่ใช่พวกเรา" มีความหมายอีกอย่างว่า "เขาจะกลายเป็นพวกที่ตรงข้ามกับชาวสวรรค์" ดังคำยืนยันของท่านเราะสุลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่ว่า :
"ไม่มีความศรัทธา (อีหม่าน) สำหรับผู้ที่ไม่มีความซื่อสัตย์ และไม่มีีศาสนาสำหรับผู้ที่ไม่รักษาสัญญา" (บันทึกโดย อะหมัด)
อัซ-ซุเบรฺฺ ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของท่านเราะสุลุลลอฮฺ เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่มีความซื่อสัตย์และความไว้วางใจสูง จนผู้คนได้นำข้าวของตนมาฝากไว้กับท่าน อัซ-ซุเบรฺมากมาย ซึ่งท่านมักจะพูดกับผู้ที่นำมาฝากเหล่านั้นว่า
"ฉันไม่มีที่รักษาความปลอดภัยให้แก่ข้าวของที่พวกท่านนำมาฝากฉันจะขอถือว่ามันเป็นเงินกู้ให้แก่ฉันแล้วกัน และท่านจะมาเอามันกลับคืนเมื่อใดก็ได้ตามที่พวกท่านต้องการ"
นอกจากการขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความไว้วางใจสูงสุดแล้ว เขายังเป็นอีกคนหนึ่งที่มีความห้าวหาญในการทำสงคราม เพื่อเรียกร้องเสรีภาพของมุสลิมมาตลอดชีวิต ในระหว่างการทำสงครามครั้งสุดท้ายของเขา เขาได้เรียกอับดุลลอฮฺผู้เป็นลูกชายมา และได้บอกความรู้สึกของเขา แก่ลูกชายว่า "สงครามครั้งนี้คงจะเป็นครั้งสุดท้ายของพ่อแล้ว ถ้าหากว่าพ่อตายในสนามรบ เจ้าจงช่วยชำระหนี้สินของพ่อที่ยังค้างอยู่ให้หมดด้วย ถ้าหากมีปัญหาหรือเกิดความยุ่งยากอันใด ก็ให้ใไปร้องขอจากนายของเจ้า" "นายของฉัน ใครกันพ่อ ?" ลูกชายฉงนงุนงง อย่างเห็นได้ชัด "ก็อัลลอฮฺไงเล่า" อัซ-ซุเบรฺตอบ
ท่านนบีมุฮัมมัด กล่าวไว้ว่า "ชีวิตของมุมินจะถูกให้รอไว้ก่อน โดยยังไม่ได้รับรางวัลของความดีที่่กระทำไว้ ตราบที่เขายังมีหนี้สินติดค้างอยู่" (รายงานโดย อะหมัด)
อัซ-ซุเบรฺ รู้ดีว่าโทษชนิดที่เรียกว่า "หักกุนอาดัม" นั้นอัลลอฮฺจะไม่ทรงให้อภัยจนกว่าเจ้าของทรัพย์สินเหล่านั้นจะยกโทษให้แก่เขาก่อน
จึงเป็นเหตุให้เขารวมถึงเหล่าบรรดาเศาะหาบะฮฺอีกเหลาย ๆ ท่านได้ย้ำนักย้ำต่อลูก ๆ ของตนเองว่า "จงช่วยตรวจสอบ และนำไปคืนให้แก่เจ้าของเขาด้วย"
และในวันนั้นเอง เมื่ออัซ-ซุเบรฺได้สิ้นชีวิตลง ลูกชายของเขาตรวจหนี้สินของพ่อ จึงพบว่าพ่อของเขามีหนี้สินอยู่จำนวนมาก แต่มันเป็นหนี้ที่ไม่ได้เกิดจากการขอยืมใด ๆ หากแต่เป็นหนี้อันเกิดจากการที่คนเอาทรัพย์สินมาฝากเก็บไว้ เนื่องจากอัซ-ซุเบรฺเป็ฯคนชอบแจกจ่ายใหแ่ก่คนยากจนและคนขัดสน เขาจึงไม่มีเงินจ่ายคืนให้แก่คนที่นำมาฝาก อย่างไรก็ตาม เขาก็เชื่อมั่นไว้วางใจในอัลลอฮฺว่าพระองค์จะจัดการเรื่องนี้
และนับเ็ป็นความโชคดี ไม่นานการช่้วยเหลือของอัลลอฮฺก็มาถึงลูกชายของเขาที่พยายามเก็บหอมรอมริบเพื่อจะคืนให้แก่ผู้คนที่นำมาฝากก็ได้คืนจนครบถ้วนทุกคน
ทำให้ลูกชายขอตนย้อนกลับไปนึกถึงคำสั่งเสียของพ่อในวันนั้นว่า "จงร้องขอจากนายของฉัน" เป็นยังไง
เมื่ออับดุลลอฮฺจัดจ่ายหนี้ได้หมด เขาก็กล่าวว่า "เมื่อใดก็ตามที่ฉันประสบเรื่องยุ่งยาก ฉันจะขอดุอาอฺวิงวอนต่ออัลลอฮิว่า โอ้พระผู้ทรงเป็นนายของอัซ-ซุเบรฺ โปรดทรงช่วยเหลือฉันด้วยเถิด เมื่อนั้่นความยุ่งยากลำบากก็จะบรรเทาลง"
นั่นคือ ความศรัทธาเชื่อมั่นต่อผู้สร้าง ผู้ใดที่มอบหมายการงานทุกอย่างในชีวิตของเขาให้แก่อัลลอฮฺแล้ว อัลลอฮก็จะไม่ทรงทอดทิ้งเขาอย่างแน่นอน
และหากว่าอัลลอฮฺทรงให้ความเดือดร้อนอย่างหนึ่งอย่างใดประสบแก่เจ้าแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดจะเปลื้องมันได้ นอกจากพระองค์เท่านั้น และหากพระองค์ทรงให้ความดีอย่างหนึ่งอย่างใดประสบแก่เจ้า แท้จริงพระองค์นั้นทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง" (อัล-อันอาม : 17)
.....................................
ผู้เขียน : บุหรง
(จากหนังสือ : ก่อนฤดูเก็บเกี่ยว)
อดทน เพื่อชัยชนะ โพส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น