อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

ความเป็นพี่น้องร่วมศรัทธานั้นยิ่งใหญ่

 إِخْوَةٌ


คำว่า “ إِخْوَةٌ   ” คำนี้เป็นคำที่เราพบเจอในอัลกุรอ่านและซุนนะฮฺของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมในการ ยืนยันถึงความเป็นพี่น้องของบรรดาผู้ศรัทธาทุกคน สระท้อนให้เห็นว่าความเป็นพี่น้องร่วมศรัทธานั้นเป็นสิ่งที่ ยิ่งใหญ่และมีความสำคัญเหนืออื่นใด อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงเน้นย้ำให้ผู้ศรัทธาทุกคนได้รับทราบว่า ผู้ศรัทธา นั้นคือพี่น้องกัน ไม่ว่าจะเป็น มุสลิมในเอชีย มุสลิมในยุโรป มุสลิมในแอฟริกา มุสลิมในอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ หรือมุสลิมที่อาศัยอยู่ส่วนไหนของโลกก็ตามแต่  ทุกคนคือพี่น้องกัน อยู่ภายใต้สายธารแห่งอิสลามเดียวกัน

 อัลลอฮฺตะอาลา ทรงมีรับสั่งว่า

إِنَّمَا الْمُؤْمِنُونَ إِخْوَةٌ

“ความจริงแล้วผู้ศรัทธานั้นคือพี่น้องกัน... ”
(อัลหุญุร็อต  : 10)

รวมไปถึงคำกล่าวของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่เน้นย้ำถึงความเป็นพี่น้องของผู้ศรัทธานั้นมี มากมาย ดังที่มีรายงานจากอบีมูซา ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า :

الْمُؤْمنُ للْمُؤْمِن كَالْبُنْيَانِ يَشدُّ بعْضُهُ بَعْضاً وَشَبَّكَ بَيْنَ أَصَابِعِه

“ผู้ศรัทธากับผู้ศรัทธานั้น เปรียบดังเช่น อาคารที่บางส่วนของมันยึดติดกับอีกบางส่วน และท่านได้ ประสานนิ้วมือของท่าน ”
(บันทึกโดยบุคอรียฺ หมวดที่ว่าด้วยเรื่องของการละหมาด : 481  มุสลิม หมวดที่ว่าด้วยเรื่องความดีและการเชื่อม สัมพันธ์ : 65 ติรมีซียฺ หมวดที่ว่าด้วยเรื่องความดีและการเชื่อมสัมพันธ์ : 1928)

มีรายงานจากนัวะอฺมาน อิบนิ บะชีรฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา เล่าว่า : ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า :

مثَلُ الْمُؤْمِنِينَ فِي تَوَادِّهِمْ وتَرَاحُمِهِمْ وتَعاطُفِهِمْ، مَثَلُ الْجَسَدِ إِذَا اشْتَكَى مِنْهُ عُضْوٌ تَداعَى لهُ سائِرُ الْجسدِ بالسهَرِ والْحُمَّى

“ เปรียบบรรดาผู้ที่ศรัทธา ในความรัก ความเมตตา ความเอื้ออาทรที่มีต่อกันและกัน ดังเช่นเรือนร่าง เดียวกัน เมื่ออวัยวะใดเดือดร้อน อวัยวะอื่น ๆ ก็จะพลอยเดือดร้อนไปทั่วร่างกายด้วยการอดนอน และป่วยไข้ ”
(บันทึกโดยบุคอรียฺ หมวดที่ว่าด้วยเรื่องมารยาท : 6011 มุสลิม หมวดที่ว่าด้วยเรื่องความดีและการเชื่อมสัมพันธ์ : 86 อิหม่ามอะหมัด ในมุสนัด : 270/4)

เมื่อมุสลิมนั้นเป็นพี่น้องกัน ก็จะต้องให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตลอดจนจัดการธุระให้เสร็จสิ้นลุล่วงไป ด้วยดี รวมถึงขจัดความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นกับพี่น้องมุสลิมในเรื่องต่าง ๆ ดังที่มีรายงานจากอิบนิ อุมัร ร่อฎิยัลลอ ฮุอันฮุมา ความจริงท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า :

المُسْلِمُ أَخُو المُسْلِمِ، لا يظْلِمُه، ولا يُسْلِمهُ، منْ كَانَ فِي حَاجَةِ أَخِيهِ كَانَ اللَّهُ فِي حاجتِهِ، ومَنْ فَرَّج عنْ مُسْلِمٍ كُرْبةً فَرَّجَ اللَّهُ عنْهُ بِهَا كُرْبَةً مِنْ كُرَبِ يوْمَ الْقِيامَةِ، ومَنْ ستر مُسْلِماً سَتَرهُ اللَّهُ يَوْم الْقِيَامَةِ

“ มุสลิมนั้นเป็นพี่น้องของมุสลิม, เขาจะต้องไม่อธรรมต่อพี่น้องเขา, จะต้องไม่มอบตัวพี่น้องของเขา (ให้แก่ศัตรู), บุคคลใดอยู่กับการจัดการธุระของพี่น้องของเขา (ลุล่วงไปด้วยดี) อัลลอฮฺจะทรงจัดการธุระ ให้กับเขา (ลุล่วงไปด้วยดี) , และบุคคลใดปัดเป่าความเดือดร้อนหนึ่งให้พ้นไปจากมุสลิม อัลลอฺจะทรงปัด เป่าความเดือดร้อนหนึ่งจากความเดือดร้อนต่าง ๆ ในวันกิยามะฮฺให้พ้นไปจากเขา และบุคคลใดปกปิด (ความอับอาย) ของมุสลิม อัลลอฮฺจะทรงปกปิด (ความอับอาย) ให้กับเขาในวันกิยามะฮฺ  ”
(บันทึกโดยบุคอรียฺ หมวดที่ว่าด้วยเรื่องความอธรรม : 2442 มุสลิม หมวดที่ว่าด้วยเรื่องความดีและการเชื่อม สัมพันธ์ : 58 อบูดาวุด หมวดที่ว่าด้วยเรื่องมารยาท : 4893 อิหม่ามอะหมัด ในมุสนัด : 270/4)

ความเป็นพี่น้องของมุสลิมนั้น ยังเป็นเครื่องวัดอิหม่านของผู้ศรัทธาอีกด้วย ในเวลาที่พี่น้องมุสลิมเดือดร้อนมี ความต้องการในสิ่งที่เราเองมีความปรารถนาที่จะได้รับเช่นเดียวกัน  เป็นตัวชี้วัดว่าเราพร้อมที่จะเสียสละให้พี่น้อง มุสลิมที่เดือดร้อนกว่าหรือไม่  ดังที่มีรายงานจากท่านอนัส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัย ฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า :

لا يُؤْمِنُ أَحدُكُمْ حتَّى يُحِبَّ لأَخِيهِ مَا يُحِبُّ لِنَفْسِهِ

“ บุคคลหนึ่งบุคคลใดของพวกท่านจะยังไม่มีศรัทธาที่สมบูรณ์ จนกว่าเขาจะมีความปรารถนาให้พี่น้อง ของเขาได้รับในสิ่งที่ตัวของเขาเองปรารถนาที่จะได้รับ ”
(บันทึกโดยบุคอรียฺ หมวดที่ว่าด้วยเรื่องอิหม่าน : 13 มุสลิม หมวดที่ว่าด้วยเรื่องอิหม่าน : 71 ติรมีซียฺ หมวดที่ว่า ด้วยเรื่องคุณลักษณะของวันกิยามะฮฺ : 2515 อิหม่ามอะหมัด ในมุสนัด : 176/3)

ความเป็นพี่น้องมุสลิมนั้น ก็ต้องไม่อธรรม ละเมิดสิทธิต่าง ๆ ของพี่น้อง นินทา ใส่ร้าย ด่าทอ ดูถูก เหยีดหยาม อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงมีดำรัสว่า

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آَمَنُوا اجْتَنِبُوا كَثِيرًا مِنَ الظَّنِّ إِنَّ بَعْضَ الظَّنِّ إِثْمٌ وَلَا تَجَسَّسُوا وَلَا يَغْتَبْ بَعْضُكُمْ بَعْضًا أَيُحِبُّ أَحَدُكُمْ أَنْ يَأْكُلَ لَحْمَ أَخِيهِ مَيْتًا فَكَرِهْتُمُوهُ وَاتَّقُوا اللَّهَ إِنَّ اللَّهَ تَوَّابٌ رَحِيمٌ

“โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย! พวกเจ้าจงปลีกตัวให้พ้นจากส่วนใหญ่ของการสงสัย แท้จริงการสงสัยบาง อย่างนั้นเป็นบาป และพวกเจ้าอย่าสอดแนม และบางคนในหมู่พวกเจ้าอย่านินทาซึ่งกันและกัน คนหนึ่งในหมู่พวกเจ้านั้นชอบที่จะกินเนื้อพี่น้องของเขาที่ตายไปแล้วกระนั้นหรือ ? พวกเจ้าย่อม เกลียดมัน และจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ”
(อัลฮุจญุรอต : 12)

มีรายงานจากอบูฮุร็อยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า : ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า :
المُسْلِمُ أَخُو الْمُسْلِم لا يخُونُه ولا يكْذِبُهُ ولا يخْذُلُهُ، كُلُّ الْمُسْلِمِ عَلَى الْمُسْلِمِ حرامٌ عِرْضُهُ ومالُه ودمُهُ التَّقْوَى هَاهُنا، بِحسْبِ امْرِىءٍ مِنَ الشَّرِّ أَنْ يَحْقِرَ أَخاهُ المسلم

“ มุสลิมคือพี่น้องของมุสลิม เขาจะต้องไม่บิดพลิ้ว จะต้องไม่โกหก และจะต้องไม่ทอดทิ้งพี่น้องของเขา, มุสลิมต่อมุสลิมทุกคนนั้น เกียรติของเขา ทรัพย์สินของเขา เลือดของเขา เป็นสิ่งต้องห้าม (ที่จะละเมิด), ความยำเกรงนั้นอยู่ที่นี่, เป็นการเพียงพอแล้วของคนหนึ่งจากความชั่ว การที่เขาดูถูก (ดูแคลน , เหยีดหยาม) พี่น้องมุสลิมของเขา  ”
(บันทึกโดยติรมีซียฺ หมวดที่ว่าด้วยเรื่องความดีและการเชื่อมสัมพันธ์ : 1927)

มีรายงานจากอบูฮุร็อยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า : ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า :
لا تَحاسدُوا ولا تناجشُوا ولا تَباغَضُوا ولا تَدابرُوا ولا يبِعْ بعْضُكُمْ عَلَى بيْعِ بعْضٍ، وكُونُوا عِبادَ اللَّه إِخْواناً. المُسْلِمُ أَخُو الْمُسْلِم لا يَظلِمُه ولا يَحْقِرُهُ ولا يَخْذُلُهُ. التَّقْوَى هَاهُنا ويُشِيرُ إِلَى صَدْرِهِ ثَلاَثَ مرَّاتٍ بِحسْبِ امْرِيءٍ مِنَ الشَّرِّ أَنْ يَحْقِر أَخاهُ المسلم. كُلَّ الْمُسْلِمِ عَلَى الْمُسْلِمِ حرامٌ دمُهُ ومالُهُ وعِرْضُهُ

“ ท่านทั้งหลายอย่าอิจฉาซึ่งกันและกัน, อย่าทำทีเป็นให้ราคาสินค้าสูง ๆ เพื่อจูงใจผู้อื่น, อย่าโกรธเคือง กัน, อย่าหันหลังให้กัน, อย่าขายสินค้าตัดราคากัน, พวกท่านทั้งหลายจงเป็นบ่าวของอัลลอฮฺที่เป็น พี่น้องกัน มุสลิมคือพี่น้องของมุสลิม เขาจะต้องไม่อธรรมพี่น้องของเขา จะต้องไม่ดูถูกพี่น้องของเขา จะต้องไม่หันหลังให้พี่น้องของเขา ความยำเกรงนั้นอยู่ที่นี่ และท่านได้ชี้ไปที่หน้าอกของท่าน 3 ครั้ง เป็นการเพียงพอแล้วของคนหนึ่งจากความชั่ว การที่เขาดูถูก (ดูแคลน , เหยีดหยาม) พี่น้องมุสลิม ของเขา มุสลิมต่อมุสลิมทุกคนนั้น เกียรติของเขา ทรัพย์สินของเขา เลือดของเขา เป็นสิ่งต้องห้าม (ที่จะละเมิด) ”
(บันทึกโดยมุสลิม หมวดที่ว่าด้วยเรื่องความดีและการเชื่อมสัมพันธ์ : 32 อิหม่ามอะหมัด ในมุสนัด : 277/2)

ฉะนั้นสรุปในเบื้องตนก่อนว่า มุสลิมคือพี่น้องกัน และจะต้องให้เกียรติ ไม่ละเมิด ไม่ดูถูก ท่าดอ ว่าร้าย และจะต้อง ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะพี่น้องมุสลิมที่ประสบกับความยากลำบากตามสถานที่ต่าง ๆ เป็นต้น

และในความเป็นจริงนั้นมีพี่น้องมุสลิมมากมายที่ประสบกับความยากลำบาก เช่น

- พี่น้องมุสลิมในปาเลสไตน์ที่ถูกยะฮูดียฺข่มเหง รังแก ขโมยดินแดน มาอย่างยาวนาน

- พี่น้องมุสลิมในเอธิโอเปีย หรือบางประเทศทางแอฟริกา ที่ประสบกับความยากจน ขัดสน ไม่มีอาหารรับประทาน

- พี่น้องมุสลิมในประเทศอิรัก อิหร่าน ที่ถูกความอธรรมของลัทธิชีอะฮฺ อิษนาอะชะรียะฮฺ

- พี่น้องมุสลิมในทวียุโรป หรือประเทศอเมริกา ที่ถูกอธรรมโดย คริสเตียน และยิว

- พี่น้องมุสลิมในประเทศซีเรีย ที่ถูกการเข่นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยลัทธิชีอะฮฺนุศ็อยรียะฮฺ

- พี่น้องมุสลิมในรัฐอารกัน ประเทศพม่า ที่ถูกข่มเหง รังแก ขับไล่ออกนอกดินแดน โดยทหารพม่า

แน่นอนเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้นั้นเกิดขึ้นอยู่ตลอดและจะเกิดขึ้นต่อไปเพราะเป็นสิ่งที่ท่านนบีนั้นบอกกล่าว ล่วงหน้าเอาไว้แล้ว มีรายงานจากเษาบานเล่าว่าท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

يُوشِكُ الْأُمَمُ أَنْ تَدَاعَى عَلَيْكُمْ كَمَا تَدَاعَى الأَكَلَةُ إِلَى قَصْعَتِهَا فَقَالَ قَائِلٌ وَمِنْ قِلَّةٍ نَحْنُ يَوْمَئِذٍ قَالَ بَلْ أَنْتُمْ يَوْمَئِذٍ كَثِيرٌ وَلَكِنَّكُمْ غُثَاءٌ كَغُثَاءِ السَّيْلِ وَلَيَنْزَعَنَّ اللَّهُ مِنْ صُدُورِ عَدُوِّكُمْ الْمَهَابَةَ مِنْكُمْ وَلَيَقْذِفَنَّ اللَّهُ فِي قُلُوبِكُمْ الْوَهْنَ فَقَالَ قَائِلٌ يَا رَسُولَ اللَّهِ وَمَا الْوَهْنُ قَالَ حُبُّ الدُّنْيَا وَكَرَاهِيَةُ الْمَوْتِ

“ใกล้แล้วที่กลุ่มชนต่าง ๆ จะรุมพวกท่าน ดังเช่นรุมแย่งอาหารในถาด เศาะฮาบะฮฺคนหนึ่งเอ่ยถามว่า ในวันนั้นพวกเรามีจำนวนน้อยหรือ ท่านร่อซูลตอบว่า จริง ๆ แล้วพวกท่านมีจำนวนมาก แต่ว่าพวกท่าน จำนวนมากนั้นเหมือนฟองน้ำที่ไหลไปตามน้ำ (มีมากแต่ไม่มีค่า) และอัลลอฮฺทรงทำให้ความหวาดกลัว หายไปจากศัตรูของพวกท่าน แต่พระองค์ทรงทำให้เกิดภาวะ อัลวะฮฺน ในหัวใจของพวกท่าน เศาะฮาบะฮฺได้ถามว่า โอ้ท่านร่อซูล อัลวะฮฺน คืออะไร ? ท่านร่อซูลตอบว่า คือ การหลงดุนยาและรัง เกียจความตาย”
(บันทึกโดยอบูดาวุด : 4297 อัลบานียฺ, ดูในศาะเหี๊ยะหฺอบูดาวุด 4297)

ปัจจุบันแม้มุสลิมจะมีจำนวนมาก แต่มุสลิมก็เป็นเครื่องมือของศาสนาอื่น ถูกเหยียดหยาม ถูกกดดัน ถูกฆ่า แม้มวลชนของโลกจะมีศาสนาที่ต่างกัน แต่สามารถทำงานร่วมกัน โดยมีเป้าหมายทำลายอิสลาม เพราะสาเหต ุหลัก ๆ จากหะดีษข้างต้นที่ท่านนบี ได้บอกเอาไว้ก็คือ มุสลิมส่วนมากหลงใหลงในดุนยา และรังเกียจในความตาย ซึ่งจาก 2 สาเหตุนี้นั้น จึงทำให้มุสลิมส่วนมาก ใช้ชีวิตอย่างไม่สนใจใคร เสพสุขกับดุนยาอย่างเต็มที่

แต่สำหรับผู้ศรัทธาที่สมบูรณ์นั้นจะต้องติดตามข่าวสาร คอยให้ความช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมที่กำลังประสบ ปัญหาใด ๆ ก็ตามแต่....""""


والله أعلم بالصواب

✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿


โดย วะร่อซะตุซซุนนะฮฺ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น