อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

1,000หลักฐานบ่งชี้ว่า อัลลอฮทรงอยู่เหนือสิ่งถูกสร้างทั้งมวล




    มวลการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ การสถาพรและความศานติมีแด่ท่านเราะสูลุลลอฮ และครอบครัวของท่าน และเศาะหาบะฮฺของท่าน และผู้ปฏิบัติตามพวกท่านด้วยความดีงาม จวบจนวันกิยามะฮฺ

    ต่อไปนี้ เราจะนำเสนอหลักฐานต่างๆที่กล่าวว่า อัลลอฮทรงประทับอยู่เหนือสิ่งถูกสร้างทั้งหมด เพื่อเป็นการตอบโต้อบูสะละฟีย์ที่สร้างความสงสัยและเคลือบแคลงใจแก่ความเชื่อเช่นนี้ โอ้พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ ขอพระองค์โปรดช่วยเหลือข้าพระองค์ให้ได้รับความพึงพอพระทัยจากพระองค์ด้วย

อุละมาอ์คนสำคัญของมัซฮับชาฟิอีย์ระบุว่ามีหลักฐาน 1,000 ชิ้น

    มากมายเหลือเกินผู้ที่อ้างตนเป็นชาฟิอิยยะฮฺ(ผู้ปฏิบัติตามมัซฮับชาฟิอีย์) แต่กลับห่างไกลเหลือเกินจากอะกีดะฮฺ-หลักความเชื่อที่บรรดาอุละมาอ์ชาฟิอิยยะฮฺยึดถือกัน โปรดพิจารณาสิ่งที่ท่านอะหฺมัด บิน อับดุลหะลีม อัล-หะรอนีย์ นำเสนอต่อไปนี้ให้ดี

قَالَ بَعْضُ أَكَابِرِ أَصْحَابِ الشَّافِعِيِّ : فِي الْقُرْآنِ " أَلْفُ دَلِيلٍ " أَوْ أَزْيَدُ : تَدُلُّ عَلَى أَنَّ اللَّهَ تَعَالَى عَالٍ عَلَى الْخَلْقِ وَأَنَّهُ فَوْقَ عِبَادِهِ . وَقَالَ غَيْرُهُ : فِيهِ " ثَلَاثُمِائَةِ " دَلِيلٍ تَدُلُّ عَلَى ذَلِكَ

“อุละมาอ์คนสำคัญของมัซฮับชาฟิอีย์บางส่วนกล่าวว่า ในอัล-กุรอานพบ 1,000 หลักฐานหรือมากกว่านั้นที่บ่งชี้ว่า อัลลอฮทรงประทับอยู่เหนือสิ่งถูกสร้างทั้งมวล และส่วนหนึ่งของพวกเขากล่าวว่า มี 300 หลักฐานที่ชี้ชัดถึงเรื่องนี้”[1]

    จำนวนมากจริงๆที่อ้างต้นเป็นชาฟิอิยยะฮฺ แต่กลับปฏิเสธ เมื่อ(มีหลักฐาน)ปรากฏชัดว่า อัลลอฮทรงประทับอยู่ข้างบน ทั้งๆที่ความเชื่อนี้ได้รับการสนับสนุนด้วย 1,000 หลักฐาน น่าแปลกใจจริงๆ!

หลักฐานที่เข้มแข็งจากอัล-กุรอานและหะดีษอัน-นะบะวีย์

    ต่อไปนี้ เราจะได้พบกับหลักฐานต่างๆที่เราได้นำมาจากการนำเสนอของท่านอิบนุ อบิลอิซซฺ อัล-หะนะฟีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ ในชัรหฺ อัล-อะกีดะฮฺ อัฏ-เฏาะหาวิยะฮ�“หลักฐานต่างๆที่ชัดเจนชี้ชัดว่าอัลลอฮทรงอยู่เหนือสิ่งถูกสร้างทั้งมวล หลักฐานต่างๆเหล่านี้มีมากจนอาจจะถึง 20 ชนิดหลักฐาน”[3]
   
    นี่เพียงแค่ชนิดของหลักฐานที่บ่งชี้การอยู่เหนือสิ่งถูกสร้างทั้งหมดของอัลลอฮเท่านั้น ยังไม่รับจำนวนหลักฐานจากชนิดของหลักฐานดังกล่าวเลย หากชนิดหลักฐานดังกล่าวได้ถูกแจกแจงรายละเอียดแล้ว ก็อาจจะได้จำนวน 1,000 หลักฐานดังที่อุละมาอ์มัซฮับชาฟิอีย์ได้กล่าวไว้ข้างต้นเป็นแน่ ต่อจากนี้ เราจะนำเสนอชนิดของหลักฐานที่ท่านอิบนุ อบิลอิซซฺ ได้กล่าวไว้ และเราเพิ่มเติม(นำเสนอ)ตัวอย่างหลักฐานด้วย หวังว่าสิ่งนี้จะช่วยเปิดหัวใจแก่เจ้าของบล๊อกอบูสะละฟีย์ที่คอยสร้างความสับสันในเรื่องนี้

    หนึ่ง    หลักฐานชัดแจ้งที่ชี้ชัดว่า อัลลอฮทรงอยู่ข้างบน โดยการใช้คำว่า “เฟากอ” และนำหน้าด้วยคำว่า “มิน” เช่นดำรัสของอัลลอฮที่ว่า

يَخَافُونَ رَبَّهُم مِّن

พวกเขากลัวพระเจ้าของพวกเขา ที่อยู่เหนือพวกเขา
(สูเราะฮฺอัน-นะหลฺ 16 : 50)

    สอง   หลักฐานชัดเจนที่บอกว่า อัลลอฮทรงอยู่ข้างน ด้วยการใช้คำว่า “เฟากอ” โดยไม่มีคำว่า “มิน” นำหน้า เช่น อัลลอฮ สุบหานะฮุ วะตะอาลา ทรงตรัสว่า

وَهُوَ الْقَاهِرُ فَوْقَ عِبَادِهِ

และพระองค์คือผู้ทรงอำนาจ อยู่เหนือปวงบ่าวของพระองค์
(สูเราะฮฺอัล-อันอาม 6 : 18 , 61)

    สาม   หลักฐานชัดแจ้งที่บอกว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นไปยังพระองค์ ด้วยการใช้คำว่า “ตะอฺรุญู” เช่น ดำรัสของอัลลอฮ ที่ว่า

تَعْرُجُ الْمَلَائِكَةُ وَالرُّوحُ إِلَيْهِ

มลาอิกะฮฺและอัร-รูหฺ(ญิบรีล) จะขึ้นไปหาพระองค์
(สูเราะฮฺอัล-มะอาริจญ์ 70 : 4)

    สี่   หลักฐานชัดเจนที่บ่งชี้ว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นไปยังพระองค์ ด้วยการใช้คำว่า “เศาะอะดา-ยัศอะดู” นี่ย่อมบ่งชี้ว่า อัลลอฮทรงอยู่ข้างบนและเป็นไปไม่ได้ที่พระองค์จะทรงอยู่ข้างล่างเช่นเดียวกับสิ่งถูกสร้างของพระองค์ ดังเช่นที่พระองค์ทรงตรัสไว้ว่า

إِلَيْهِ يَصْعَدُ الْكَلِمُ الطَّيِّبُ

คำกล่าวที่ดีย่อมจะขึ้นไปสู่พระองค์
(สูเราะฮฺฟาฏิร 35 : 10)

    และยังมีตัวอย่างจากหะดีษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม จากท่านอิบนุอุมัร ท่านเราะสูลกล่าวว่า

اِتَّقُوْا دَعْوَةَ المَظْلُوْمِ فَإِنَّهَا تَصْعُدُ إِلَى اللهِ كَأَنَّهَا شَرَارَةٌ

“จงระวังการวิงวอนขอของผู้ถูกอธรรม (เพราะ)คำวิงวอนนั้นจะขึ้นไปยังอัลลอฮดังเช่นประกายไฟ�“ดั่งเช่นประกายไฟ” คือ ถึงอย่างรวดเร็ว เพราะนี่คือดุอาอ์ของผู้ที่อยู่ในสถานการณ์คับขัน(ต้องการอย่างเร่งด่วน)[5]

    ห้า   หลักฐานชัดเจนที่ชี้ชัดว่า สิ่งถูกสร้างบางอย่างถูกยกขึ้นไปยังพระองค์ ด้วยการใช้คำว่า “เราะฟะอา” สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ถูกยกขี้นไปยังอัลลอฮ ย่อมบ่งชี้ว่า อัลลอฮทรงอยู่ข้างบน

    อัลลอฮ สุบหานะฮุ วะตะอาลา ทรงตรัสว่า

بَلْ رَفَعَهُ اللَّهُ إِلَيْهِ

หามิได้ อัลลอฮได้ทรงยกเขา (อีซา) ขึ้นไปยังพระองค์ต่างหาก
(สูเราะฮฺอัน-นิสาอ์ 4 : 158)

    เช่นกัน อัลลอฮทรงตรัสว่า

إِذْ قَالَ اللَّهُ يَا عِيسَى إِنِّي مُتَوَفِّيكَ وَرَافِعُكَ إِلَيَّ

จงลำลึกถึงขณะที่อัลลอฮ ตรัสว่าโอ้อีซา! ข้าจะเป็นผู้รับเจ้าไปพร้อมด้วยชีวิตและร่างกายของเจ้า และจะเป็นผู้ยกเจ้าขึ้นไปยังข้า
(สูเราะฮฺอาลิ อิมรอน 3 : 55)

    ห้า   หลักฐานชัดเจนที่กล่าวว่า อัลลอฮทรง “อุลุวฺ” อย่างแน่นอน. ความ อุลุวฺ ของอัลลอฮนี้ หมายถึงความสูงส่งในเชิงซาต(หมายถึง อาตมันของอัลลอฮทรงอยู่ข้างบนเหนือทุกสรรพสิ่ง) ส่วนคำว่า ก็อดรฺ หมายถึง อัลลอฮทรงสูงส่งในความประสงค์ของพระองค์ และคำว่า ชัรฟฺ หมายถึง อัลลอฮทรงสูงส่งในคุณลักษณะต่างๆของพระองค์ ดังที่อัลลอฮทรงตรัสไว้ว่า

وَهُوَ الْعَلِيُّ الْعَظِيمُ

และพระองค์ทรงสูงส่ง อีกทั้งทรงยิ่งใหญ่
(สูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 2 : 255)

และเช่นเดียวกัน ในอายะฮฺ

وَهُوَ الْعَلِيُّ الْكَبِيرُ

และพระองค์เป็นผู้ทรงสูงสุด ผู้ทรงยิ่งใหญ่
(สูเราะฮฺสะบะอ์ 34 : 23)

إِنَّهُ عَلِيٌّ حَكِيمٌ

ท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงปรีชาญาณ
(สูเราะฮฺอัช-ชูรอ 42 : 51)

    และบ่อยครั้งที่เรากล่าวซิกรฺขณะสุญูดว่า

سُبْحَانَ رَبِّىَ الأَعْلَى

มหาบริสุทธิ์ยิ่งพระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ผู้ทรงสูงส่� “สูงส่ง-สูงสุด” นี้ คือส่วนหนึ่งจากหลักฐานที่บ่งชี้ว่า อาตมันของอัลลอฮนั้นทรงสูงส่ง หมายถึง อัลลอฮทรงอยู่ข้างบน

    เจ็ด   หลักฐานที่กล่าวว่า อัล-กิตาบ(อัล-กุรอาน)ถูกประทานลงมาจากพระองค์ สิ่งหนึ่งที่ถูกประทานลงมา ย่อมมาจากข้างบนสู่ข้างล่าง อัลลอฮ สุบหานะฮุ วะตะอาลา ทรงตรัสอย่างชัดเจนในเรื่องนี้ว่า

تَنْزِيلُ الْكِتَابِ مِنَ اللَّهِ الْعَزِيزِ الْحَكِيمِ

คัมภีร์นี้เป็นการประทานลงมาจากอัลลอฮ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
(สูเราะฮฺอัซ-ซุมัร 39 : 1)

تَنْزِيلُ الْكِتَابِ مِنَ اللَّهِ الْعَزِيزِ الْعَلِيمِ

คัมภีร์นี้เป็นการประทานลงมาจากอัลลอฮ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงรอบรู้
(สูเราะฮฺฆอฟิร 40 : 2)

تَنْزِيلٌ مِنَ الرَّحْمَنِ الرَّحِيمِ

(อัลกุรอานนี้) เป็นการประทานลงมาจากพระผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ
(สูเราะฮฺฟุศศิลัต 41 : 2)

تَنْزِيلٌ مِنْ حَكِيمٍ حَمِيدٍ

เป็นการประทานจากพระผู้ทรงปรีชาญาณผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ
(สูเราะฮฺฟุศศิลัต 41 : 42)

قُلْ نَزَّلَهُ رُوحُ الْقُدُسِ مِنْ رَبِّكَ بِالْحَقِّ

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด วิญญาณบริสุทธิ์ได้นำมัน(โองการอัลกุรอาน)ลงมาจากพระเจ้าของเจ้าด้วยความจริง
(สูเราะฮฺอัน-นะหลฺ 16 : 102)

إِنَّا أَنْزَلْنَاهُ فِي لَيْلَةٍ مُبَارَكَةٍ إِنَّا كُنَّا مُنْذِرِينَ

แท้จริงเราได้ประทานอัลกุรอานลงมาในคืนอันจำเริญ แท้จริงเราเป็นผู้ตักเตือน
(สูเราะฮฺอัด-ดุคอน 44 : 3)

    แปด   หลักฐานชัดเจนที่ชี้ชัดเป็นการเฉพาะว่า สิ่งถูกสร้างบางชนิดมีอยู่ ณ ที่พระองค์ และสิ่งนี้ย่อมบ่งชี้ว่า สิ่งถูกสร้างบางชนิดอยู่ใกล้ชิดอัลลอฮมากกว่าสิ่งถูกสร้างชนิดอื่น เช่นในดำรัสของอัลลอฮ สุบหานะฮุ วะตะอาลา ว่า

إِنَّ الَّذِينَ عِنْدَ رَبِّكَ

แท้จริงบรรดา ผู้ที่อยู่ที่พระเจ้าของเจ้านั้น...
(สูเราะฮฺอัล-อะอฺร็อฟ 7 : 206)

    และเช่นเดียวกัน ในดำรัสของอัลลอฮ ที่ว่า

وَلَهُ مَنْ فِي السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ وَمَنْ عِنْدَهُ

และเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ ผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และผู้ที่อยู่ ณ ที่พระองค์(หมายถึง มลาอิกะฮฺ)
(สูเราะฮฺอัล-อัมบิยาอ์ 21 : 19)

    ดูอายะฮฺเหล่านี้สิ อัลลอฮได้สร้างความแตกต่างระหว่างคำว่า “ละฮู มัน...” ที่บ่งชี้ถึงการครอบครองทั้งหมดของอัลลอฮ(คือ อยู่กับอัลลอฮทั้งหมด) และคำว่า “มัน อินดะฮู...” ซึ่งบอกว่ามลาอิกะฮฺและบ่าวของพระองค์อยู่ ณ ที่พระองค์เป็นการเฉพาะ

    อีกตัวอย่างหนึ่ง ก็คือ คำกล่าวของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ที่ว่า

لَمَّا قَضَى اللَّهُ الْخَلْقَ كَتَبَ فِى كِتَابِهِ ، فَهْوَ عِنْدَهُ فَوْقَ الْعَرْشِ إِنَّ رَحْمَتِى غَلَبَتْ غَضَبِى

“ครั้นที่อัลลอฮทรงกำหนดแก่สิ่งถูกสร้างของพระองค์นั้น พระองค์ทรงบันทึกลงในบันทึกของพระองค์ ซึ่งมันอยู่เหนือบัลลังก์ ว่า : แท้จริง ความเมตตาของข้ามาก่อนความโกรธกริ้วของข้า�เก้า   หลักฐานชัดเจนที่กล่าวว่า “อัลลอฮ ฟิส สะมาอ์” สำหรับอะฮฺลิสสุนนะฮฺแล้ว ความหมายของคำว่า “ฟิส สะมาอ์” ในที่นี้มีสองความหมาย

    1-คำว่า “ฟี” ในที่นี้หมายถึง “อะลา” หมายถึง อยู่เหนือ/อยู่ข้างบน คำว่า “ฟิส สะมาอ์” จึงหมายถึง อยู่เหนือฟากฟ้า
    2-คำว่า “สะมาอ์” ในที่นี้หมายถึง อัล-อุลุวฺ(ความสูง) คำว่า “ฟิส สะมาอ์” ก็จะหมายถึง อยู่ที่สูง

    ทั้งสองความหมายข้างต้นนั้นมิได้ขัดแย้งกันแต่อย่างใด และอย่าใดเข้าใจว่า คำว่า “ฟิส สะมาอ์” หมายถึง ทรงอยู่ในฟากฟ้า ดังที่คนบางกลุ่มเข้าใจ คำว่า “ฟิส สะมาอ์” นั้นมีความหมายเป็นไปตามที่เราได้อธิบายไว้แล้วข้างต้น

    ตัวอย่างหลักฐานดังกล่าว ก็คือคำตรัสของอัลลอฮ สุบหานะฮุ วะตะอาลา ที่ว่า

أَأَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ أَنْ يَخْسِفَ بِكُمُ الْأَرْضَ فَإِذَا هِيَ تَمُورُ

พวกเจ้าจะปลอดภัยละหรือ จากการที่พระองค์ทรงสถิตย์อยู่ ณ ฟากฟ้า(หมายถึง ทรงสถิตอยู่เหนือฟากฟ้า)จะให้แผ่นดินสูบพวกเจ้าแล้วขณะนั้นมันจะหวั่นไหว
(สูเราะฮฺอัล-มุลกฺ 67 : 16)

    และในหะดีษ

الرَّاحِمُونَ يَرْحَمُهُمُ الرَّحْمَنُ ارْحَمُوا أَهْلَ الأَرْضِ يَرْحَمْكُمْ مَنْ فِى السَّمَاءِ

“ผู้ที่เมตตาจะได้รับความเมตตาจากผู้ทรงเมตตา (ดังนั้น)จงเมตตาต่อชาวโลกเถิด (แล้ว)แล้วผู้ที่อยู่ ณ ฟากฟ้า(อัลลอฮ)ก็จะเมตตาพวกท่าน�สิบ   หลักฐานชัดเจนที่กล่าวว่า อัลลอฮทรง อิสตะวา(ประทับ)บนอรัช. อรัช-บัลลังก์ คือ สิ่งถูกสร้างของอัลลอฮที่อยู่สูงที่สุด ตัวอย่างในเรื่องนี้ เช่นในอายะฮฺที่ว่า

الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى

ผู้ทรงกรุณาปรานี ทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์
(สูเราะฮฺฏอฮา 20 : 5)


    สิบเอ็ด   หลักฐานที่บ่งชี้ว่า บัญญัติให้ยกมือเมื่อขอดุอาอ์ ดังคำกล่าวของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ว่า

إِنَّ رَبَّكُمْ تَبَارَكَ وَتَعَالَى حَيِىٌّ كَرِيمٌ يَسْتَحْيِى مِنْ عَبْدِهِ إِذَا رَفَعَ يَدَيْهِ إِلَيْهِ أَنْ يَرُدَّهُمَا صِفْرًا

“แท้จริง พระผู้อภิบาลของพวกท่าน ตะบาเราะกะ วะตะอาลา ทรงละเอียดและมีเกียรติยิ่ง พระองค์ทรงละอายต่อปวงบ่าวของพระองค์ เมื่อบ่าวยกมือ(วิงวอนขอ)ต่อพระองค์ แล้วพระองค์ก็ทรงคืนแก่มัน(มือทั้งสอง)ในสภาพที่ว่างเปล่า�สิบสอง   หลักฐานที่บอกว่า อัลลอฮทรงเสด็จลงมายังชั้นฟ้าแห่งดุนยาในทุกค่ำคืน ทุกคนรับทราบว่า การลงมา ก็คือ การมาจากที่ข้างบนสู่ข้างล่าง ในเรื่องนี้ มีระบุอยู่ในหะดีษมุตตะฟะกุน อะลัยฮฺ ว่า

يَنْزِلُ رَبُّنَا تَبَارَكَ وَتَعَالَى كُلَّ لَيْلَةٍ إِلَى السَّمَاءِ الدُّنْيَا حِينَ يَبْقَى ثُلُثُ اللَّيْلِ الآخِرُ يَقُولُ مَنْ يَدْعُونِى فَأَسْتَجِيبَ لَهُ مَنْ يَسْأَلُنِى فَأُعْطِيَهُ مَنْ يَسْتَغْفِرُنِى فَأَغْفِرَ لَهُ

“พระผู้อภิบาลของเรา ตะบาเราะกะ วะตะอาลา จะเสด็จลงมาในทุกค่ำคืนยังชั้นฟ้าดุนยา  จงกระทั่งเมื่อเหลือเวลาหนึ่งในสามของช่วงท้ายของกลางคืน พระองค์จะตรัสว่า : ผู้ใดก็ตามที่วิงวอนต่อข้า ข้าจะตอบรับเขา ผู้ใดก็ตามขอจากข้า ข้าจะให้เขา ใครก็ตามที่ขออภัยโทษจากข้า ข้าจะอภัยให้เขา�สิบสาม      แสดงสัญลักษณ์ด้วยการชี้ไปยังท้องฟ้า ซึ่งบ่งบอกว่า อัลลอฮทรงอยู่ข้างบน ดังที่มีปรากฏในรายงานของมุสลิทในหะดีษที่ยาว ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวไว้เมื่อผู้คนได้รวมตัวกันอย่างมากมาย ในวันที่ประเสริฐ และในสถานที่ที่ประเสริฐ

قَالُوا نَشْهَدُ أَنَّكَ قَدْ بَلَّغْتَ وَأَدَّيْتَ وَنَصَحْتَ. فَقَالَ بِإِصْبَعِهِ السَّبَّابَةِ يَرْفَعُهَا إِلَى السَّمَاءِ وَيَنْكُتُهَا إِلَى النَّاسِ « اللَّهُمَّ اشْهَدِ اللَّهُمَّ اشْهَدْ ». ثَلاَثَ مَرَّاتٍ

ผู้คนที่มาชุมนุมกล่าวว่า “เราเป็นพยานว่า ท่านได้ทำการเผยแพร่ ปฏิบัติ และมอบคำตักเตือนแล้ว” ท่าน(นบี)จึงกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วชี้ของท่านไปยังฟากฟ้า ว่า “โอ้อัลลอฮ โปรดเป็นพยาน โอ้อัลลอฮ โปรดเป็นพยาน” (ท่านกล่าวสามครั้ง)[11]


    สิบสี่   หลักฐานที่กล่าวว่า “อัยนัลลอฮ-อัลลอฮอยู่ที่ไหน?” ตัวอย่างคือ หลักฐานจากหะดีษที่รายงานโดยท่านมุอาวิยะฮฺ บิน อัล-หะกัม อัส-สุลัยมีย์ ด้วยสำนวนของมุสลิม
    ฉันมีทาสคนหนึ่งที่เคยเลี้ยงแพะของฉันในพื้นที่ระหว่างอุฮุดและอัล-ญะวานิยยะฮฺ วันหนึ่งเขาได้กระทำความผิดบางอย่าง เขาได้ออกโดยเอาแพะไปตัวหนึ่ง ฉันเป็นมนุษย์ธรรมดา แน่นอนว่าต้องมีอารมณ์โกรธ ฉันจึงตบหน้าเขา แล้วท่านเราะสูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ก็มา(เห็น) และสิ่งนี้ทำให้ฉันกังวลใจ ฉันจึงอธิบายกับท่านว่า ‘โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮ ฉันควรปล่อยทาสของฉันคนนี้เป็นอิสระไหม?’ ‘พาเขามาหาฉัน’ ท่านเราะสูลุลลอฮฯ กล่าว ฉันจึงรีบพาเขามาหาท่าน แล้วท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ก็ได้ถามทาสของฉันคนนี้ว่า

أَيْنَ اللَّهُ

“อัลลอฮอยู่ที่ไหน?”

เขาตอบว่า

فِى السَّمَاءِ

“อยู่เหนือฟากฟ้า”

    แล้วท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ก็ถามต่อไปอีกว่า “ฉันคือใคร?” ทาสของฉันตอบว่า “ท่านคือศาสนฑูตของอัลลอฮ”
    ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า

أَعْتِقْهَا فَإِنَّهَا مُؤْمِنَةٌ

“ปล่อยเขาให้เป็นอิสระเถิด แท้จริงเขาคือผู้ศรัทธา”[12]

    อิมามอัซ-ซะฮะบีย์ กล่าวว่า “นี่คือความเห็นของฉัน ว่า ผู้ใดก็ตามที่ถูกถามว่า อัลลอฮอยู่ที่ไหน? ก็จะถูกฉายภาพให้แก่เขาด้วยธรรมชาติของเขาว่า อัลลอฮทรงอยู่เหนือฟากฟ้า ในรายงานนี้มี 2 เรื่องสำคัญ คือ [1]อนุญาตให้คนๆหนึ่งถามว่า ‘อัลลอฮอยู่ที่ไหน?’ แล�
    แล้วท่านอัซ-ซะฮะบีย์ ก็กล่าวว่า “ผู้ใดปฏิเสธสองสิ่งนี้ หมายความว่า เขาได้สิ่งที่สวนทางท่านมุศเฏาะฟา(ท่านนบีมุหัมมัด) ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม”[13]


    สิบห้า   หลักฐานที่กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ยืนยันความถูกของคนที่กล่าวว่า พระผู้อภิบาลของเขาอยู่เหนือฟากฟ้า และท่านกล่าวว่า คนดังกล่าวคือผู้ศรัทธา ตัวอย่างก็คือ หะดีษที่กล่าวไว้ในข้อที่สิบสี่ข้างต้น


    สิบหก   หลักฐานที่บอกว่า อัลลอฮทรงเล่าถึงฟิรเอานฺใช้บันไดที่ขึ้นไปสู่ท้องฟ้าเพื่อมองดูพระเจ้าของมูซา แล้วฟิรเอานฺก็ปฏิเสธของความเชื่อของมูซาเกี่ยวกับการมีอยู่ของอัลลอฮเหนือฟากฟ้า อัลลอฮ สุบหานะฮุ วะตะอาลา ทรงตรัสว่า

وَقَالَ فِرْعَوْنُ يَا هَامَانُ ابْنِ لِي صَرْحًا لَعَلِّي أَبْلُغُ الْأَسْبَابَ (36) أَسْبَابَ السَّمَاوَاتِ فَأَطَّلِعَ إِلَى إِلَهِ مُوسَى وَإِنِّي لَأَظُنُّهُ كَاذِبًا

และฟิรเอานฺกล่าวว่า โอ้ฮามานเอ๋ย! จงสร้างหอสูงให้ฉันเพื่อฉันจะได้บรรลุถึงทางที่จะขึ้นไป ทางที่จะขึ้นไปสู่ชั้นฟ้าทั้งหลาย เพื่อฉันจะได้เห็นพระเจ้าของมูซา และแท้จริง ฉันคิดอย่างแน่ใจแล้วว่าเขาเป็นคนโกหก
(สูเราะฮฺฆอฟิร 40 : 36-37)

    อิบนุ อบิลอิซซฺ กล่าวว่า “พวกญะฮฺมียะฮฺที่ปฏิเสธการอยู่สูงเหนือฟากฟ้าของซาต(อาตมัน)ของอัลลอฮนั้น แท้จริงแล้วพวกเขาคือผู้ปฏิบัติตามฟิรเอานฺ ส่วนผู้ที่ยืนยัน(เชื่อ)ในการอยู่สูงเหนือฟากฟ้าของซาตของอัลลอฮนั้น พวกเขาคือผู้เจริญรอยตามท่านนบีมูสาและเป็นผู้ปฏิบัติตามท่านนบีมุหัมมัด”[14]


    สิบเจ็ด   เรื่องราวที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้เล่าไว้ว่า ท่านได้พบเจอกับนบีมูซา อะลัยฮิสลาม และพระองค์อัลลอฮ ครั้นเหตุการณ์อิสรออ์ มิอฺร็อจญ์ ขณะนั้นท่านต้องการขอลดเวลาการละหมาด ท่านจึงขึ้นไปหาอัลลอฮและกลับมายังนบีมูซาอีกครั้ง(ซ้ำไปซ้ำมา จนกระทั่งเวลาการละหมาดลดลงเหลือ 5 เวลาจาก 50 เวลา-ผู้แปล)[15]
    เหตุการณ์อิสรออ์ มิอฺร็อจญ์ นี้ชี้ชัดมากกว่า อัลลอฮทรงอยู่ข้างบน


    สิบแปด   มีรูปแบบที่แตกต่างมากมายของหลักฐานจากอัล-กุรอานและอัส-สุนนะฮฺที่บ่งชี้ว่า ชาวสวรรค์จะมองเห็นอัลลอฮ สุบหานะฮุ วะตะอาลา. ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้ฉายภาพให้เห็นว่า ชาวสวรรค์จะมองเห็นอัลลอฮ ดั่งที่พวกเขามองเห็นดวงจันทร์ในคืนจันทร์เพ็ญ โดยปราศจากเมฆบดบัง ชาวสวรรค์มองเห็นอัลลอฮ และอัลลอฮทรงอยู่เหนือพวกเขา

    ดังกล่าวนี้ คือ ตัวอย่างรูปแบบหลักฐานที่ยืนยันว่า อัลลอฮทรงอยู่สูงเหนือสิ่งถูกสร้างทั้งมวล และมิได้อยู่ทุกๆที่ ดังที่คนบางกลุ่มได้สร้าง(และเผยแพร่)ความสับสันและคลางแคลงใจ

✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿

โดย มุหัมมัด อับดุฮฺ ตัวสิกัล
แปลและเรียบเรียงโดย Zunnur

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น