อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2556

การปฏิบัติตัวของมุสลิมเมื่อฝนตก



แท้จริงสิ่งที่พระองค์อัลลอฮฺ ทรงสร้างมาเพื่อเป็นประโยชน์ให้กับบรรดาสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลกนี้นั้นมีมากมาย อาทิเช่น ดวงอาทิตย์ ดวงดาว ดวงจันทร์  น้ำ อากาศ ดิน และอีกหลายอย่างมากมายโดยนับไม่ถ้วน แต่สิ่งที่มี ความสำคัญอย่างมากต่อพื้นโลก และบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหลายนั้น ก็คือ น้ำฝน

  น้ำฝน คือ ความโปรดปรานหนึ่ง จากความโปรดปรานต่าง ๆ ที่อัลลอฮฺทรงประทานให้กับบรรดาสิ่งมีชีวิต ทั้งหลาย น้ำฝนช่วยให้พื้นโลกนั้นชุ่มชื้น ทำให้ต้นไม้ต่าง ๆ งอกเงยขึ้นมา เพื่อเป็นอาหารให้กับมนุษย์และสัตว์ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงตรัสว่า

الَّذِي جَعَلَ لَكُمُ الْأَرْضَ فِرَاشًا وَالسَّمَاءَ بِنَاءً وَأَنْزَلَ مِنَ السَّمَاءِ مَاءً فَأَخْرَجَ بِهِ مِنَ الثَّمَرَاتِ رِزْقًا لَكُمْ فَلَا تَجْعَلُوا لِلَّهِ أَنْدَادًا وَأَنْتُمْ تَعْلَمُونَ

“คือผู้ทรงให้แผ่นดินเป็นที่นอน และฟ้าเป็นอาคารแก่พวกเจ้า และทรงให้น้ำหลั่งลงมาจากฟากฟ้า แล้วได้ทรงให้บรรดาผลไม้ออกมา เนื่องด้วยน้ำนั้น ทั้งนี้เพื่อเป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า ดังนั้นพวก เจ้าจงอย่าให้มีผู้เท่าเทียมใด ๆ ขึ้น สำหรับอัลลอฮฺโดยที่พวกเจ้าก็ รู้กันอยู่”
(อัลบะกอเราะฮฺ : 22)

وَمَا أَنْزَلَ اللَّهُ مِنَ السَّمَاءِ مِنْ مَاءٍ فَأَحْيَا بِهِ الْأَرْضَ بَعْدَ مَوْتِهَا

“...และน้ำ ที่อัลลอฮ์ได้ทรงให้หลั่งลงมาจากฟากฟ้า แล้วทรงให้แผ่นดินมีชีวิตชีวาขึ้นด้วยน้ำนั้นหลัง จากที่มันตายไปแล้ว...”
(อัลบะกอเราะฮฺ : 164)

أَلَمْ تَرَ أَنَّ اللَّهَ يُزْجِي سَحَابًا ثُمَّ يُؤَلِّفُ بَيْنَهُ ثُمَّ يَجْعَلُهُ رُكَامًا فَتَرَى الْوَدْقَ يَخْرُجُ مِنْ خِلَالِهِ وَيُنَزِّلُ مِنَ السَّمَاءِ مِنْ جِبَالٍ فِيهَا مِنْ بَرَدٍ فَيُصِيبُ بِهِ مَنْ يَشَاءُ وَيَصْرِفُهُ عَنْ مَنْ يَشَاءُ يَكَادُ سَنَا بَرْقِهِ يَذْهَبُ بِالْأَبْصَارِ

“เจ้ามิได้เห็นดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงให้เมฆลอย แล้วทรงทำให้ประสานตัวกันแล้วทรงทำ ให้รวมกันเป็นกลุ่มก้อน แล้วเจ้าก็ จtเห็นฝนโปรยลงมาจากกลุ่มเมฆนั้น และพระองค์ทรงให้มันตกลง มาจากฟากฟ้า มีขนาดเท่าภูเขา ในนั้นมีลูกเห็บ แล้วพระองค์จะ ทรงให้มันหล่นลงมาโดนผู้ที่พระองค์ ทรงประสงค์ และพระองค์จะทรงให้มันผ่านพ้นไปจากผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ แสงประกาย ของสายฟ้าแลบเกือบจะเฉี่ยวสายตาผู้มอง”
(อันนูร : 43)

ประโยชน์ของน้ำฝน

   ประโยชน์ของน้ำฝนที่มีต่อสิ่งมีชีวิตนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้แผ่นดินที่แห้งแล้ง กลับมามีชีวิต ชีวาใหม่ พืชงอกเงยขึ้น พื้นดินตรงนี้ มนุษย์สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางด้านเกษตรกรรม ปลูกพืช ผัก ผลไม้ แล้วนำไปขาย หรือบริโภคก็ได้ ส่วนบรรดาสัตว์ก็ใช้น้ำฝนในการดื่ม หรือเป็นผลของพืชที่งอกเงยขึ้นมาด้วย น้ำฝนนั้น ก็เป็นอาหารของบรรดาสัตว์ด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นมนุษย์ก็ยังกักเก็บน้ำฝนเอาไว้ใช้ในยามขาด แคลนน้ำได้ อีกด้วย

    ในขณะเดียวกันน้ำฝนยังมีประโยชน์ทางด้านศาสนบัญญัติเกี่ยวกับการทำความสระอาดอีกด้วย โดยที่น้ำฝน นั้นสระอาดในตัวของมัน และสามารถนำชำระล้างทางด้านศาสนบัญญัติได้ อาทิเช่น การอาบน้ำญะนาบะฮฺ ด้วยน้ำฝน การอาบน้ำศพด้วยน้ำฝน การอาบน้ำละหมาดด้วย น้ำฝน เป็นต้น อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงตรัสว่า

وَيُنَزِّلُ عَلَيْكُمْ مِنَ السَّمَاءِ مَاءً لِيُطَهِّرَكُمْ بِهِ

“...และทรงให้น้ำลงมาแก่พวกเจ้าจากฟากฟ้าเพื่อทรงชำระพวกเจ้าด้วยน้ำนั้น...”
(อัลอันฟาล : 11)

وَأَنْزَلْنَا مِنَ السَّمَاءِ مَاءً طَهُورًا

“...และเราได้ประทานน้ำบริสุทธิ์ลงมาจากฟากฟ้า”
(อัลฟุรกอน : 48)


ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับฝน

     แน่นอนสำหรับบรรดาผู้ศรัทธานั้น มีความเชื่อมั่นอย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่า น้ำฝนนั้นเป็นความโปรดปราน ที่พระองค์อัลลอฮฺทรงประทานมาให้  โดยไม่เชื่อว่าการที่ฝนตกนั้นมาจากปรากฏอื่น ๆ เพราะการเชื่อว่าฝนตก เพราะสิ่งอื่นนั้นเป็นการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

     แต่สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น ก็จะหาเหตุผลต่าง ๆ นานา ว่าฝนตกเพราะสิ่งนั้น สิ่งนี้ ฝนตกเพราะดาวดวงนั้น ดวงนี้  หรือตามความหมายในเชิง วิทยาศาสตร์ ว่า “ น้ำโดนความร้อนของแสงจากดวงอาทิตย์หรือความร้อน อื่นใดที่ใช้ในการต้มน้ำ จนทำให้ระเหยกลายเป็นไอน้ำ ลอยขึ้นไป ในอากาศ เมื่อไอน้ำมากขึ้นจะรวมตัวกันเป็น ละอองน้ำเล็กๆ ปริมาณของละอองน้ำยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆก็จะรวมตัวกันเป็นเมฆฝน พอมากเข้าอากาศ ไม่สามารถ พยุงละอองน้ำเหล่านี้ต่อไปได้ น้ำก็จะหล่นลงมายังผืนโลกให้เราเรียกขานกันว่าฝนตก วัฏจักรของน้ำที่เกิดขึ้น เป็นอย่างนี้มาตลอด ตั้งแต่โลกใบกลมของเราเกิดขึ้นมา และคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ    ฝนที่ตกลงมานั้นเป็น ส่วนหนึ่งที่สำคัญของวัฏจักรของอุทกวิทยา ซึ่งน้ำจาก ผิวน้ำในมหาสมุทรระเหยกลายเป็นไอ ควบแน่นเป็นละ อองน้ำในอากาศ ซึ่งรวมตัวกันเป็นเมฆ และในที่สุดตกลงมาเป็นฝน ไหลลงสู่แม่น้ำ ลำคลอง ไปสู่ทะเล มหาสมุทร และวนเวียนเช่นนี้เป็นวัฏจักรไม่สิ้นสุด”

   และประเด็นสำคัญก็คือเมื่อมุสลิมอยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยหลายความเชื่อ มุสลิมจึงต้องระมัดระวังในด้าน ความเชื่อต่าง ๆ แม้กระทั่งเรื่องของ ฝนตก มีรายงานจากอบูมาลิก อัลอัชอารียฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า อันที่ จริงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

أَرْبَعٌ فِي أُمَّتِي مِنْ أَمْرِ الْجَاهِلِيَّةِ لَا يَتْرُكُونَهُنَّ الْفَخْرُ فِي الْأَحْسَابِ وَالطَّعْنُ فِي الْأَنْسَابِ وَالْاسْتِسْقَاءُ بِالنُّجُومِ وَالنِّيَاحَةُ وَقَالَ النَّائِحَةُ إِذَا لَمْ تَتُبْ قَبْلَ مَوْتِهَا تُقَامُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ وَعَلَيْهَا سِرْبَالٌ مِنْ قَطِرَانٍ وَدِرْعٌ مِنْ جَرَب

“สี่ประการด้วยการจากเรื่องราวในสมัยญาฮิลิยะฮฺที่มีอยู่ในประชาชาติของฉัน โดยที่พวกเขาจะไม่ ทิ้งมันไป คือ อวดอ้างในเรื่อง เชื้อสายวงศ์ตระกูลต่าง ๆ ปรักปรำในเรื่องเชื้อสายต่าง ๆ การอ้างว่า ฝนตกเพราะดวงดาวต่าง ๆ และการส่งเสียงโอดควรญ (ให้แก่ คนตาย) และท่านได้กล่าวต่อว่า ผู้ที่ส่ง เสียงร้องอวดควรญนั้น ถ้าไม่กลับตัวก่อนตาย ในวันกิยามะฮฺเขาจะถูกยืนขึ้นมาโดยที่ตัวเขา นั้นมี เสื้อผ้าที่ทำจากทองแดงละลาย และเสื้อเกราะที่มาจากโรคผิวหนัง”
(บันทึกโดยมุสลิม : 934  อะหฺมัด : 22396,22405)

มีรายงานจากซัยดฺ อิบนิ คอลิด อัลญุฮะนียฺ เล่าว่า

صَلَّى لَنَا رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ صَلَاةَ الصُّبْحِ بِالْحُدَيْبِيَةِ عَلَى إِثْرِ سَمَاءٍ كَانَتْ مِنْ اللَّيْلَةِ فَلَمَّا انْصَرَفَ أَقْبَلَ عَلَى النَّاسِ فَقَالَ هَلْ تَدْرُونَ مَاذَا قَالَ رَبُّكُمْ قَالُوا اللَّهُ وَرَسُولُهُ أَعْلَمُ قَالَ أَصْبَحَ مِنْ عِبَادِي مُؤْمِنٌ بِي وَكَافِرٌ فَأَمَّا مَنْ قَالَ مُطِرْنَا بِفَضْلِ اللَّهِ وَرَحْمَتِهِ فَذَلِكَ مُؤْمِنٌ بِي وَكَافِرٌ بِالْكَوْكَبِ وَأَمَّا مَنْ قَالَ بِنَوْءِ كَذَا وَكَذَا فَذَلِكَ كَافِرٌ بِي وَمُؤْمِنٌ بِالْكَوْكَبِ

“ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้นำละหมาดซุบฮฺ ที่หุไดยบียะฮฺ โดยท้องฟ้ามีร่องรอยของ ฝนตกเมื่อคืน เมื่อท่านได้ละ หมาดเสร็จ ก็หันมาทางผู้คนและท่านได้กล่าวว่า ท่านทั้งหลายทราบหรือ ไม่ว่าพระองค์อัลลอฮฺได้ตรัสอะไร ? บรรดาซอฮาบะฮฺ กล่าวว่า อัลลอฮฺและร่อซูลรู้ดีที่สุด ท่านร่อซูล ตอบว่า พระองค์ได้ตรัสว่า ตื่นขึ้นมาในตอนเช้ามีบ่าวของฉัน เป็นผู้ที่ศรัทธาต่อฉัน และเป็นผู้ที่ปฏิ เสธฉัน ดังนั้นผู้ที่กล่าวว่า เราได้รับน้ำฝนด้วยความโปรดปรานของอัลลอฮฺและความเมตตาของพระ องค์ เขาผู้นั้นก็เป็นผู้ที่ศรัทธาต่อฉัน และปฏิเสธต่อดวงดาว และผู้ที่กล่าวว่า เราได้รับน้ำฝนด้วยสาเหตุ ของดวงดาวนั้น ดวงดาวนี้ เขาผู้นั้นก็เป็นผู้ที่ปฏิเสธต่อฉัน และศรัทธาต่อดวงดาว”
(บันทึกโดยบุคอรียฺ : 810,991  มุสลิม : 71 อบูดาวุด : 3906)

สิ่งที่ควรทำขณะฝนตก

ไม่บ่น ไม่ด่าทอ กล่าวดุอาอฺขณะที่ลมแรง
มีรายงานจากอุบัยยฺ อิบนุ กะอบฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

لَا تَسُبُّوا الرِّيحَ فَإِذَا رَأَيْتُمْ مَا تَكْرَهُونَ فَقُولُوا اللَّهُمَّ إِنَّا نَسْأَلُكَ مِنْ خَيْرِ هَذِهِ الرِّيحِ وَخَيْرِ مَا فِيهَا وَخَيْرِ مَا أُمِرَتْ بِهِ وَنَعُوذُ بِكَ مِنْ شَرِّ هَذِهِ الرِّيحِ وَشَرِّ مَا فِيهَا وَشَرِّ مَا أُمِرَتْ بِه

“พวกท่านทั้งหลายอย่าได้ด่าว่าลม ดังนั้นเมื่อพวกท่านเห็นสิ่งที่น่าเกลียด (น่ากลัว) ให้พวกท่านทั้ง หลายได้กล่าวว่า โอ้อัลลอฮฺ อันที่จริงเราขอต่อพระองค์จากสิ่งที่ดีของลมนี้ และสิ่งที่ดีของสิ่งที่มีอยู่ ในลมนี้ และสิ่งที่ดีที่มันได้ถูกบัญชามา และเราขอความคุ้ม ครองต่อพระองค์ จากความชั่วร้าย ของลมนี้ และความชั่วร้ายของสิ่งที่อยู่ในลมนี้และความชั่วร้ายของสิ่งที่มันถูกบัญชามา”
(บันทึกโดยติรมีซียฺ : 2252 เศาะเหี๊ยะหฺติรมีซียฺอัลบานียฺ : 2252)

กล่าวดุอาอฺขณะฝนตก

มีรายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา อันที่จริงเมื่อท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เห็นฝนตก ท่านก็จะกล่าว่า

اللَّهُمَّ صَيِّباً نَافِعاً

คำอ่าน : อัลลอฮุมม่า ศ็อยยิบัน นาฟิอัน

“โอ้อัลลอฮฺ ขอให้เป็นฝนที่มีประโยชน์”
(บันทึกโดยบุคอรียฺ : 1032)

ขอดุอาอฺในขณะฝนตก
มีรายงานจากซะฮลฺ อิบนิ ซะอดฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

ثِنْتَانِ مَا تُرَدَّانِ الدُّعَاءُ عِنْدَ النِّدَاءِ وَ تَحْتَ المَطَرِ

“สองช่วงด้วยกันที่ (การขอดุอาอฺ) จะไม่ถูกปฏิเสธ การขอดุอาอฺหลังอะซาน และการขอดุอาอฺในขณะ ที่ฝนกำลังตก”
(อัลญามิอุศเศาะฆีรอัซซุญูตียฺ : 3566 เศาะเหี๊ยะหฺอัลญามิอฺอัลบานียฺ : 3078)

กล่าวดุอาอฺในขณะที่ได้ยินฟ้าร้อง
ปรากฏว่าอับดุลลอฮฺ อิบนิ อัซซุบัยรฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา นั้น เมื่อได้ยินฟ้าร้อง ท่านจะไม่พูด และกล่าวว่า

سُبْحَانَ الَّذِي يُسَبِّحُ الرَّعْدُ بِحَمْدِهِ وَالْمَلاَئِكةُ مِنْ خِيفَتِهِ

คำอ่าน : ซุบฮานัลละซี ยุซับบิฮุรเราะอฺดุ บิฮัมดิฮี วัลมะลาอิกะตุ มินคียฺฟะติฮี

“มหาบริสุทธิ์ ผู้ที่ฟ้าร้องและมะลาอิกะฮฺยอมรับในความบริสุทธิ์ของพระองค์ (อัลลอฮฺ) และพร้อมด้วย การสรรเสริญพระองค์ เนื่องจาก ความเกรงกลัวพระองค์”
(มุวัฏเฏาะฮฺ : 992/2 กะลามุฏฏอยยิบอัลบานียฺ : 157)

กล่าวดุอาอฺเมื่อฝนตกหนักและเกรงว่าจะเป็นอันตราย
เมื่อฝนตกหนักและเกรงว่าจะเป็นอันตราย ให้กล่าวดุอาอฺว่า

اللَّهُمَّ حَوَالَيْنَا وَلاَ عَلَيْنَا، اللَّهُمَّ عَلَى الآكَامِ وَالظِّرَابِ، وَبُطُونِ الْأَوْدِيَةِ، وَمَنَابِتِ الشَّجَرِ

คำอ่าน : อัลลอฮุมม่า ฮะวาลัยนา วะลาอะลัยนา อัลลอฮุมม่า อะลัลอากามิ วัซซิรอบิ วะบุตูนิลเอาดิยะติ

“โอ้อัลลอฮฺ โปรดทรงให้ฝนตกบริเวณรอบ ๆ พวกข้าพระองค์ด้วยเถิด อย่าให้มันตก (สร้างความเสียหาย) ลงบนพวกข้าพระองค์เลย โอ้อัลลอฮฺ โปรดทรงให้มันตกลงบนเนินสูง ๆ และบนลำธารระหว่างช่องเขา และบรรดาที่งอกเงยของต้นไม้”
(บันทึกโดยบุคอรียฺ : 933 มุสลิม : 897)

กล่าวดุอาอฺหลังฝนตก
เมื่อฝนหยุดตกแล้วก็ให้กล่าวดุอาอฺ

مُطِرْنَا بِفَضْلِ اللَّهِ وَرَحْمَتِهِ

คำอ่าน : มุฏิรนา บิฟัฎลิลลาฮิ วะเราะหฺมะติฮี

“เราได้รับน้ำฝนด้วยความโปรดปรานของอัลลอฮฺและความเมตตาของพระองค์”
(บันทึกโดยบุคอรียฺ  : 846 มุสลิม : 71)



والله أعلم بالصواب

✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿


โดย วะร่อซะตุซซุนนะฮฺ

http://www.warasatussunnah.net

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น