อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

ไม่ตัดสินมุสลิมผู้ทำบาปใหญ่ว่าเป็นกาเฟ็ร



               ในหลักใหญ่ต่างๆ ของอะฮฺลุสสุนนะฮฺ หลักหนึ่งคือ ศาสนา และการศรัทธา  คือการกล่าว และการกระทำ การกล่าวของหัวใจ และลิ้น และการกระทำของหัวใจลิ้นและอวัยวะต่างๆ และว่าการศรัทธานั้นมันเพิ่มขึ้นด้วยการเชื่อฟัง และมันลดลงด้วยการฝ่าฝืน และพวกเขาพร้อมกันนั้น ก็ไม่ได้ตัดสินว่า ชาวกิบละฮฺ(บรรดามุสลิม) เป็นผู้ปฏิเสธ(กาเฟ็ร) ด้วยการฝ่าฝืนต่างๆ และบาปใหญ่ต่างๆ เหมือนกับที่พวกผู้ออกนอกลู่นอกทาง(อัลเคาะวาริจญฺ) กระทำ หากแต่ความเป็นพี่น้องด้านการศรัทธานั้น มันคงมีอยู่กับการฝ่าฝืนต่างๆเหมือนกับที่พระองค์อัลลอฮฺ ศุบอานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

وَإِن طائِفَتانِ مِنَ المُؤمِنينَ اقتَتَلوا فَأَصلِحوا بَينَهُما ۖ فَإِن بَغَت إِحدىٰهُما عَلَى الأُخرىٰ فَقٰتِلُوا الَّتى تَبغى حَتّىٰ تَفيءَ إِلىٰ أَمرِ اللَّهِ ۚ فَإِن فاءَت فَأَصلِحوا بَينَهُما بِالعَدلِ وَأَقسِطوا ۖ إِنَّ اللَّهَ يُحِبُّ المُقسِطينَ

"และหากมีสองฝ่ายจากบรรดาผู้ศรัทธาทะเลาะวิวาทกัน พวกเจ้าก็จงไกล่เกลี่ยระหว่างทั้งสองฝ่าย หากฝ่ายหนึ่งในสองฝ่ายนั้นละเมิดอีกฝ่ายหนึ่ง  พวกเจ้าก็จงปรามฝ่ายที่ละเมิดจนกว่าฝ่ายนั้นจะกลับสู่พระบัญชาของอัลลอฮฺ ฉะนั้นหากฝ่ายนั้นกลับ (สู่พระบัญชาของอัลลอฮฺ) แล้ว  พวกเจ้าก็จงประนีประนอมระหว่างทั้งสองฝ่ายด้วยความยุติธรรม และพวกเจ้าจงให้ความเที่ยงธรรม(แก่ทั้งสองฝ่าย) เถิด แท้จริงอัลลอฮฺทรงรักใคร่บรรดาผู้ให้ความเที่ยงธรรม"
(อัลกุรอาน สูเราะฮ์อัลหุญร้อต49: 9)

إِنَّمَا المُؤمِنونَ إِخوَةٌ فَأَصلِحوا بَينَ أَخَوَيكُم ۚ وَاتَّقُوا اللَّهَ لَعَلَّكُم تُرحَمونَ

"แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธานั้นเป็นพี่น้องกัน  ดังนั้นพวกเจ้าจงไกล่เกลี่ยประนีประนอมกันระหว่างพี่น้องทั้งสองฝ่ายของพวกเจ้า และจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด หวังว่าพวกเจ้าจะได้รับความเมตตา"

(อัลกุรอาน สูเราะฮ์อัลหุญร้อต 10)

พวกเขาก็ไม่ได้บอกปัดต่อผู้ที่ออกนอกลู่นอกทางที่มีศาสนา ซึ่งการเป็นพวกผู้ถ่อยห่าง(อัลมุตะซิละฮฺ)กล่าว หากแต่ผู้ที่ออกนอกลู่นอกทาง (ฟาซิก) จะเข้าอยู่ในนามของการศรัทธาทั่วไป เหมือนกับที่มีอยู่ในคำตรัสจองพระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ว่า

 فَتَحريرُ رَقَبَةٍ مُؤمِنَةٍ

"ให้มีการปล่อยทาสหญิงที่ศรัทธาคนหนึ่ง" 
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอันนิซาอฺ 4:92)

และอาจจะไม่ได้เข้าอยู่ในนามของผู้ศรัทธาทั่วไป เหมือนกับที่มีอยู่ในคำตรัสของพระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ว่า

إِنَّمَا المُؤمِنونَ الَّذينَ إِذا ذُكِرَ اللَّهُ وَجِلَت قُلوبُهُم وَإِذا تُلِيَت عَلَيهِم ءايٰتُهُ زادَتهُم إيمٰنًا 
وَعَلىٰ رَبِّهِم يَتَوَكَّلونَ

“แท้จริงบรรดาผู้ที่ศรัทธานั้น คือ ผู้ที่เมื่ออัลลอฮฺถูกกล่าวขึ้นแล้ว หัวใจของพวกเขาก็หวั่นเกรง และเมื่อบรรดาโองการของพระองค์ถูกอ่านแก่พวกเขา โองการเหล่านั้นก็เพิ่มพูนความศรัทธาแก่พวกเขา และแด่พระเจ้าของพวกเขานั้น พวกเขามอบหมายกัน”(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลอันฟาล 8:2)

และท่านนบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
"ผู้ผิดประเวณี เขาจะไม่ผิดประเวณี ขณะที่เขาผิดประเวณี โดยเป็นผู้ศรัทธา และผู้ลักขโมย เขาจะไม่ลักขโมย โดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธา และเขาจะไม่ดื่มสุรา ขณะที่เขาดื่มมัน โดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธา และเขาจะไม่ฉกชิงสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่มีคุณค่า ที่ผู้คนทั้งหลายคอยจับตามองดูอยู่ ขณะที่เขาฉกชิง โดยเป็นผู้ศรัทธา" (บันทึกหะดิษโดยบุคอรีย์ และมุสลิม)
และก็กล่าวว่า เขาเป็นผู้ศรัทธา ที่การศรัทธาของเขาลดลง หรือเป็นผู้ศรัทธา ด้วยการศรัทธาของเขาผู้ออกนอกลู่นอกทาง ด้วยบาปใหญ่ของเขา เขาก็จะไม่ถูกให้นามทั่วไป และไม่ถูกบอกปัดซึ่งนาม โดยทั้งหมด


والله أعلم بالصواب
>ไชยคุลอิสลาม อิบนุ ไตยมียะฮฺ<

✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น