อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

เด็็กน้อยแปดขวบอิสลามคือทางเลือกของเธอ



เด็กชายชาวอเมริกันเรียนรู้อิสลามเมื่อวัย 6 ขวบ แล้วเลือกที่จะเป็นมุสลิมเมื่อวัย 8 ขวบ

เด็กน้อยคนนี้มีชื่อว่าอเล็กซานเดอร์ เกิดมาในปี 1990 เป็นลูกชายของสองพ่อแม่ที่นับถือศาสนาคริสต์ ผู้เป็นแม่ให้ความเป็นเสรีแก่ลูกชายของเขาในการเลือกศาสนาหรือความเชื่อ ผู้เป็นแม่จึงหาหนังสือศาสนามาหลายเล่ม ที่มีหลายศาสนาอยู่ในนั้น หลังจากที่เด็กคนนี้ได้อ่านจากหลากหลายหนังสือที่แม่เขาได้ให้มานั้น เมื่ออายุแปดขวบ เขาจึงบอกให้พ่อแม่เขารับรู้ว่าเขาเลือกศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาที่เขาพร้อมที่จะนับถือ แล้วเขาก็เริ่มเรียนรู้อิสลามด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องละหมาด ท่องจำอัลกุรอ่าน อาซาน และอีกหลายๆอย่างที่เกี่ยวกับบทบัญญัติในอิสลาม โดยที่เขาไม่เคยพบปะมุสลิมเลย แม้แต่คนเดียว

เขาเลือกที่จะเรียกตัวเองว่า มูฮัมหมัด บิน อับดุลลอฮฺ เป็นเพราะว่าเขารักท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลฯ เป็นอย่างมาก

ทางรายการโทรทัศน์อิสลามแห่งหนึ่ง ได้รับเชิญเด็กคนนี้เพื่อสัมภาษณ์ เขาจึงเดินทางไปกับแม่ของเขา พิธีกรรายการก็ทำการพร้อมกับทุกคำถามที่จะทำการสัมภาษณ์ จู่ๆเด็กคนนี้ก็เริ่มถามพิธีกรว่า : จะให้ฉันทำอย่างไร เพื่อให้ฉันได้ทำฮัจย์และอุมเราะห์ ??? การเดินทางนั้นต้องใช้ค่าใช้จ่ายไหม ??? แล้วฉันจะซื้อผ้าอิฮ์รอมได้ที่ไหน ???

เมื่อเขาอยู่ในโรงเรียน เขาก็จะทำการอาซานละหมาดคนเดียว เมื่อเขารู้ว่าเวลาละหมาดนั้นได้มาถึง

พิธีกรจึงถามต่อไปว่า : คุณได้เจอกับอุปสรรคหรือความกดดันบ้างไหม ??? เขาก็ตอบด้วยน้ำเสียงที่เศร้าว่า : บางครั้ง เวลาละหมาดได้ผ่านพ้นไป โดยที่ฉันยังไม่ละหมาด เป็นเพราะว่าฉันยังไม่รู้เวลาละหมาดที่แน่นอน

พิธีกรก็ถามต่อไปว่า : สิ่งใดที่ทำให้ตัวคุณดึงดูดและหลงรักในอิสลาม ??? เขาก็ตอบว่า : ทุกครั้งที่ฉันได้อ่านหนังสืออิสลาม มันก็ทำให้ฉันเพิ่มความรักต่ออิสลามมากยิ่งขึ้น

พิธิกรก็ถามต่ออีกว่า : อะไรคือความใฝ่ฝันของคุณ ??? เขาก็ตอบว่า : ฉันมีสองความใฝ่ฝัน ความใฝ่ฝันแรก ฉันอยากเป็นช่างภาพที่ดี ที่จะได้ถ่ายทอดภาพพจน์ของอิสลามอย่างแท้จริง เพราะภาพที่คนหมิ่นอิสลามได้ถ่ายทอดนั้น เป็นภาพที่หมิ่นท่านนบี ศ็อลฯ มันเป็นภาพที่ฉันดูแล้วต้องเจ็บปวดใจ และความใฝ่ฝันที่สอง ฉันอยากไปเมกกะห์ เพื่อทำฮัจย์และอุมเราะห์ และฉันอยากที่จะต้องแตะและจูบหินดำ (อย่างที่ท่านนบีฯได้ทำ)

เมื่อเขาได้ตอบเสร็จแล้ว แม่เขาจึงเสริมต่ออีกว่า : ในห้องของเขานั้น เต็มไปด้วยรูปภาพกะบะห์ และเขาก็อดออมเงินเก็บไว้ 300 ดอลล่าร์ต่อสัปดาห์ เพื่อที่จะซื้อตั๋วเครื่องบินไปที่นั่น ถ้าคนอื่นเห็นการกระทำของเขาแล้ว พวกเขาคงคิดว่ามูฮัมหมัดออมเงินเพื่อเที่ยวเดินทางรอบโลกเหมือนคนทั่วๆไป แต่ที่จริงแล้ว เขาออมเงินไว้เป็นเพราะการศรัทธาที่อยู่ในใจของเขา โดยที่คนทั่วไปไม่รู้กัน

พิธิกรถามว่า : คุณเคยถือศีลอดในเดือนรอมฏอนไหม ??? เขาก็ตอบว่า : ครับ ฉันถือศีลอดในเดือนรอมฏอนที่ผ่านมา พ่อของฉันก็ว่าฉันคงไม่มีความอดทนได้หรอก แต่สุดท้ายเขาก็ทึ่งกับการกระทำของฉัน ก็เพราะว่าฉันทำได้

พิธีกรถามต่อไปว่า : คุณมีความใฝ่ฝันอื่นๆอีกไหม ??? เขาก็ตอบว่า : ฉันอยากให้แผ่นดินปาเลสไตน์อยู่คู่กับบรรดามุสลิมีน ก็เพราะว่าแผ่นดินนั้นเป็นของพวกเขา เป็นเพราะอิสราเอลแย่งดินแดนของพวกเขาไป

พิธีกรถามต่อไปว่า : คุณเคยร่วมรับประทานเนื้อหมูกับพ่อแม่ไหม ??? เขาตอบว่า : หมูเป็นสัตว์ที่สกปรกมาก ฉันไม่เคยกิน และฉันก็แปลกใจว่าทำไมผู้คนถึงได้กิน

พิธีกรถามต่อไปว่า : คุณเคยละหมาดในโรงเรียนไหม ??? เขาตอบว่า : เคย ฉันหาสถานที่แคบๆในห้องสมุด แล้วฉันก็ละหมาดที่นั่นทุกวัน

การสัมภาษณ์ยังไม่จบ แต่ ณ เวลานั้น ถึงเวลามัฆริบแล้ว เด็กจึงมองไปยังพิธีกร แล้วพูดว่า : ให้ฉันเปล่งเสียงอาซานนะ ??? แล้วเขาก็เริ่มอาซาน เสียงอาซานของเขานั้น ได้ทำให้พิธีกรได้หลั่งน้ำตา

เรามานึกถึงบทฮาดีษ ที่ท่านนบีศ็อลฯ ได้กล่าวว่า : เด็กทุกคนที่เกิดมาล้วนบริสุทธิ์ ดังนั้น บิดามารดาของเขาต่างหากที่จะทำให้เขาเป็นยิว หรือเป็นคริสเตียน หรือเป็นพวกมะญูซี ( พวกบูชาไฟ ) (รายงานโดย อัล บุคอรีย์)

เราทุกคนที่เป็นมุสลิมในตอนนี้ เราได้ให้ความสำคัญมากขนาดไหน ที่พร้อมจะสอนลูกหลานของเรา เพื่อให้ลูกหลานของเราได้ดำเนินชีวิตตามบทบัญญัติของอิสลามอย่างแท้จริง



✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿


บทความดีๆโดย : أعظم رجل فى التاريخ سيدنا محمد **اقسمكم بالله ان تنشروها
ถอดความและเรียงคำโดย : อูลุล อัลบ๊าบ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น