อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556

การตะวัซซุ้ล




บทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการตะวัซซุ้ล

        บทบัญญัติจากอัลกุรอาน

โองการที่ 1 อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงตรัสว่า

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آَمَنُوا اتَّقُوا اللَّهَ وَابْتَغُوا إِلَيْهِ الْوَسِيلَةَ وَجَاهِدُوا فِي سَبِيلِهِ لَعَلَّكُمْ تُفْلِحُونَ

“ผู้ศรัทธาทั้งหลายพึงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด และจงแสวงหาสื่อไปสู่พระองค์และจงต่อสู้และเสียสละในหน ทางของอัลลอฮฺ เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ”
ซูเราะหฺ อัลมาอิดะฮฺ 5:35

โองการที่ 2 อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงตรัสว่า

أُولَئِكَ الَّذِينَ يَدْعُونَ يَبْتَغُونَ إِلَى رَبِّهِمُ الْوَسِيلَةَ أَيُّهُمْ أَقْرَبُ وَيَرْجُونَ رَحْمَتَهُ وَيَخَافُونَ عَذَابَهُ إِنَّ عَذَابَ رَبِّكَ كَانَ مَحْذُورًا

“เหล่านั้นที่พวกเจ้าวิงวอนนั้น พวกมันก็ยังหวังที่จะหาทางเข้าสู่พระเจ้าของพวกมันว่า ผู้ใดในหมู่พวก มันจะเข้าใกล้ที่สุด และพวกมันก็ยังหวังในความเมตตาของพระองค์ และกลัวการลงโทษของพระองค์ แท้จริงการลงโทษของพระเจ้าของเจ้านั้นควรน่ากลัว”
ซูเราะหฺ อิสรอฮฺ 17:57

จากอายะฮฺแรก ท่านฮาฟิซ อิบนุณารีร(รออิมาฮุลลอฮฺ)กล่าวไว้ในตัฟซีรของท่านว่า โอ้บรรดาผู้ศรัทธาต่อ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และร่อซู้ลของพระองค์ในสิ่งที่ได้บอกกล่าวกับพวกเขา และการสัญญาในการ ตอบแทนผลบุญ และการยำเกรงต่ออัลลอฮฺ اتق الله คือการตอบรับในสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งใช้พวกท่าน ด้วยกับ การตออะฮฺต่อพระองค์ وابتغوا إليه الوسيلة คือการแสวงหาสื่อไปยังพระองค์ด้วยกับการงานที่พระองค์ทรงพอ พระทัย

และได้รายงานจากอิบนุอับบาสโดยท่านอิบนุกะซีรได้กล่าวว่า คำว่า وسيلة หมายถึงสื่อท่านมุญาฮิด, อะบีวาอีล, ฮะซัน, อับดุลลอฮฺบินกะซีร, ซุดดี, อิบนุซัยดฺ ก็ได้ให้ความหวายเหมือนกัน และจากท่านกอตาดะฮฺ ได้กล่าวว่า สื่อหมายถึง พวกเขาได้ทำการใกล้ชิดไปยังอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา ด้วยกับการตออะฮฺ (ภักดี) ต่อพระองค์ และกระทำในสิ่งที่พระองค์ทรงพอพระทัย หลังจากนั้นท่านอิบนุกะซีรก็ได้กล่าวว่า การให้ความหมายดังกล่าว อุลามาอฺไม่มีการขัดแย้งกัน ดังนั้น สื่อ ก็หมายถึง สิ่งที่เขาได้เชื่อมด้วยกับมันเพื่อหวังการตอบรับในสิ่งที่ต้องการ

และจากอายะฮฺที่ 2 ศอฮาบี อัลญาลีนอับดุลลอฮฺบินมัสอูดได้อธิบายไว้ว่า อายะฮฺนี้ลงมาซึ่งบอกความหมาย อย่างชัดเจน อายะฮฺนี้ลงมาในขณะที่ชาวอาหรับอยู่ในความงมงาย พวกเขาได้ทำการเคารพสักการะต่อญิน และพวกเขาเชื่อฟังต่อบรรดาญินและมนุษย์ ซึ่งสิ่งที่พวกเขาเคารพสักการะนั้นไม่ได้มีความรู้สึกเลย

และจากคำกล่าวของอิบนุญารีร ได้อธิบายอายะฮฺนี้ว่า บรรดามนุษย์ที่ดำรงอยู่กับการเคารพสักการะและอิบาดะฮฺ ต่อญิน แต่ทว่าญินมิได้ให้ความพอใจในการยอมจำนนหรือการเชื่อฟังของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงเปลี่ยนการ แสวงหาสื่อไปยังพระผู้อภิบาลของพวกเขา

ดังนั้นคำว่า وسيلة หมายถึง สื่อ หรือ สิ่งที่ทำให้ได้รับการใกล้ชิดกับอัลลอฮ ฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาหรือการแสวง หาสิ่งที่มันทำให้ใกล้ชิดกับกับอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจากการงานที่ดี (มูฮำมัดอีดุลอับบาซี่, ตะวัซซุ้น อันวาอุฮูวะอะฮฺกามุฮู, ดารุสซอมีอียฺ, เลบานอน, ม.ป.ป. หน้าที่:13.)

        บทบัญญัติจากอัลฮะดีษ

اذا سمعتم المؤذن فقالوا مثل مايقول ثم صلوا علي فانه من صلى علي صلاة صلى الله عليه بها عشر ثم سلوا الله لي الوسيلة فإنها منزلة فى الجنة لا ينبغي إلا لعبد من عباد الله وارجوا أن أكون أنا هو فمن سأل الله لى الوسيلة جلت له الشفاعة

“เมื่อพวกท่านได้ยินมุอัซซิน (อาซาน)ก็จงกล่าวตอบรับเหมือนกับที่เขากล่าว หลังจากนั้นจงกล่าวสรร เสริญ (ดุอาอฺ)ให้แก่ฉัน เพราะแท้จริงแล้วผู้ใดก็ตามที่กล่าวสรรเสริญให้แก่ฉันหนึ่งครั้ง อัลลอฮฺ ซุบฮา นะฮูวะตะอาลา ก็จะศอลาวาต (ให้พร) แก่เขา10ครั้งต่อจากนั้นพวกท่านจงเข้าใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ ซุบฮา นะฮูวะตะอาลา โดยให้ฉันเป็นสื่อเพราะมันเป็นตำแหน่งที่จะได้อยู่ในสวรรค์ และไม่มีบุคคลหนึ่งบุคคล ใดที่จะได้รับมันนอกจากบ่าวที่ภักดีต่อกับอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเท่านั้น และฉันเองก็หวังเหลือ เกินว่าฉันจะได้เป็นบุคคลผู้นั้น ดังนั้นผู้ใดก็ตามที่ขอต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาโดยให้ฉันเป็น สื่อฉันก็จะอนุมัติการช่วยเหลือให้กับเขา”
มุสลิม, อัศศอเฮียะหฺ, หมวดการละหมาด, บรรรพการกล่าวตามผู้อาซานและกล่าวสรรเสริญต่อนบีและขอต่อ อัลลอฮฺโดยให้นบีเป็นสื่อ, เลขที่:384.

ถึงแม้ท่านจะขอหรือใช้ให้อุมมะฮฺขอดุอาอฺแต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นการขอความช่วยเหลือต่อมัคลูก (สิ่งที่ถูก สร้าง) ทว่าท่านต้องการสอนให้อุมมะฮฺได้รู้ถึงสิ่งที่สามารถให้ประโยชน์แก่พวกเขาได้ในเรื่องของศาสนา และด้วยสาเหตุของการสอนและปฏิบัติในสิ่งที่ท่านได้สอน อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะทรงทำให้รางวัลที่ ท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมพึงได้นั้นเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นหากเมื่อเราศอลาวาตแก่ท่านนบี ศอล ลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมหนึ่งครั้ง อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะทรงศอลาวาตให้แก่เรา10ครั้ง และหากเราขอ ต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาโดยให้ท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเป็นสื่อ เราก็จะได้สิทธิ์การช่วย เหลือจากท่าน

สื่อต่างๆที่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างและสื่อที่มาจากบทบัญญัติ

เมื่อเรารู้แล้วว่าสื่อ คือ สาเหตุที่จะนำไปสู่สิ่งที่เราต้องการ ดังนั้นสื่อได้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท

1.สื่อกลางที่มาจากสิ่งที่ถูกสร้าง

2.สื่อกลางที่มาจากบทบัญญัติ

สำหรับสื่อกลางที่มาจากสิ่งที่ถูกสร้าง หมายถึง ทุกสิ่งที่เป็นสาเหตุนำไปสู่เป้าหมายที่หมายที่ต้องการด้วยกับตัว ของมันซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น หรือสื่อที่ปฏิบัติกันระหว่างมนุษย์โดยอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสร้าง สิ่งนั้นมาสำหรับผู้ที่ศรัทธาและผู้ที่ไม่ศรัทธา กล่าวคือ สื่อที่มาจากการสร้างผลของมันจะประสบกับมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะเป็นผู้ที่ศรัทธาหรือไม่ศรัทธาก็ตาม ดังตัวอย่างของสื่อกลางที่มาจากสิ่งที่ถูกสร้าง เช่น น้ำ คือสื่อที่จะทำให้มนุษย์รู้สึกสดชื่น อาหาร คือสื่อที่จะทำให้มนุษย์มีความรู้สึกอิ่ม และสำหรับเครื่องแต่งกายคือ สิ่งที่จะคอยป้องกันจากความร้อนและความเย็น ส่วนพาหนะ เช่น รถยนต์คือสิ่งที่ทำการเคลื่อนย้ายสิ่งของจาก สถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น คือ สื่อที่มาจากสิ่งที่ถูกสร้าง

สำหรับสื่อกลางที่มาจากบทบัญญัติ หมายถึง ทุก ๆ สาเหตุที่นำไปสู่เป้าหมายหรือจุดมุ่งหมายตามแนวทางที่โดย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้บัญญัติไว้ ซึ่งมีการอธิบายไว้ในคัมภีร์ของพระองค์และซุนนะหฺของท่านท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเฉพาะเจาะจงสำหรับผู้ศรัทธาที่ปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และแบบอย่างของท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมและสื่อที่มาจากบทบัญญัติคือสื่อที่บ่าวใช้ปฏิบัติต่อพระผู้ เป็นเจ้าเพื่อให้ได้รับ ในสิ่งที่เขาต้องการ

สื่อที่เป็นไปตามบทบัญญัติ เช่น การกล่าวสองคำปฏิญาณตนด้วยความบริสุทธิ์ใจ นี่คือสื่อที่จะนำพาไปสู่สวน สรรค์และปลอดภัยจากการถูกลงโทษในนรก จากตัวอย่างดังกล่าว สำหรับบุคคลที่กล่าวกาลีมะฮฺชะฮาดะฮฺด้วย ความบริสุทธิ์ใจ และมีความเข้าใจในความหมายของมันถึงแม้ว่าเขาจะมีความผิดมากสักเพียงใด หลังจากที่เขา ถูกชำระความผิดหมดแล้ว ผลตอบแทนหลังจากนั้นคือสวนสรรค์ หรือการปฏิบัติสิ่งที่ดีหลังจากทำความชั่วนั้น สิ่งดีก็คือสื่อที่จะลบล้างความชั่ว การกล่าวดุอาอฺตอบรับการอาซานหลังจากผู้อาซานได้ทำการอาซานแล้ว นั่นคือสื่อที่จะนำไปสู่การได้รับความช่วยเหลือจากท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมและการสร้างความสัม พันธ์กับเครือญาติหรือญาติพี่น้องทั่ว ๆ ไปก็คือสื่อที่จะทำให้อายุยืนยาว และมีริสกีกว้างขวาง

จากตัวอย่างดังกล่าวทำให้เราสื่อต่างๆที่ทำให้ได้รับสิ่งที่ต้องการหรือบรรลุเป้าหมายและจุดประสงค์ นั้นเป็น สื่อที่จะต้องมาจากบทบัญญัติทางเดียวเท่านนั้นเพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าการสร้างความสัมพันธ์กับ เครือญาติ หรือญาติใกล้ชิดสามารถทำให้อายุยืนยาว และได้รับริสกีอย่างมากมาย นอกจากทั้งหมดนั้นท่านนบี ศอลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมบอกกล่าวให้เราได้รู้ดังที่ท่านได้กล่าวว่า

من أحب أن يبسط له في رزقه وأن ينشأله في أثره فليصل رحمه

“บุคคลใดก็ตามที่มีความรัก หรือชอบที่จะทำให้การหาริสกีของเขามีความง่ายดาย และทำให้เกิด แรงกระตุ่นในการที่จะแสวงหาริสกี ดังนั้นเขาต้องทำการติดต่อสัมพันธ์กับเครือญาติ”
มุสลิม, อัศศอเฮียะหฺ, หมวดการทำความดีการติดต่อสัมพันธืและมรรยาท, บรรพการอธิบายความดีความชั่ว, เลขที่:2557

และสื่อที่เสียหายที่มาพร้อมกันทั้งด้านบทบัญญัติและด้านสิ่งที่ถูกสร้างในเวลาเดียวกันนั้น ก็คือ หลาย ๆ ครั้งที่คน ผ่านถนนอัลนัสรในกรุงดามัสจะเห็นคนบางกลุ่มได้ตั้งกล่องเล็ก ๆไว้ และบนกล่องเล็ก ๆ นั้นจะมีสัตว์ตัวเล็กคล้าย กับหนูแก่ และข้างกล่องก็จะมีกล่องสำหรับใส่บัตรอีกหนึ่งใบซึ่งเป็นบัตรต่าง ๆ ที่ประกอบด้วยข้อความและคำทำ นายโชคชะตาของมนุษย์ซึ่งเจ้าของบัตรนั้นเป็นผู้เขียนเอง หรือจะมีบางคยเขียนตามความต้องการของเขา และหลังจากนั้นจะมีเพื่อนสองคนเดินผ่านมาและหนึ่งในสองคนนั้นกล่าวว่าเราไปดูดวงกันเถอะ และสองคนนั้นก็ ให้เงินค่าดูดวงเพื่อหยิบบัตร หลังจากนั้นพวกเขาก็อ่านข้อความในบัตรเพื่อจะรู้ว่าเหตุการณ์ข้างหน้าเขาจะพบ กับอะไร

ดังนั้น หากเขาเชื่อกับสิ่งดังกล่าวในบัตรและเชื่อว่าสัตว์นั้นสามารถรู้ในสิ่งที่เร้นลับแน่นอนนั้นก็หมายถึงสัตว์นั้น ย่อมดีกว่าเขา

จากสื่อต่างๆที่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างที่มนุษย์บางกลุ่มมีความเชื่ออย่างงมงาย พวกเขาเชื่อกันว่าเมื่อใดก็ตามที่พวกเขา ได้เดินทาง หรือได้ทำพิธีสมรสในวันพุธจะทำให้เกิดอุปสรรคในการเดินทางและทำให้การแต่งงานไม่มีความ สมหวัง ดังปรารถนา และการยึดมั่นเช่นนี้พวกเขาบอกว่าเป็นสิ่งที่มาจากบทบัญญัติ หากพวกเขายึดการกระทำ เช่นนี้การงานของเขาก็จะสูญเปล่า และไม่มีผลอะไรเลย

และสาเหตุต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบทบัญญัติซึ่งเกิดจากความสงสัยของพวกเขาโดยการยึดเอามนุษย์ของบางคน มาเป็นสื่อ ในการที่จะทำให้พวกเขาได้เกิดความใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาและด้วยสาเหตุนั้นเป็น การทำให้พวกเขาห่างไกลจากความเป็นจริง และเป็นความไม่พอใจ ความเกลียดชังและการได้รับการลงโทษ และใครที่ขอความช่วยเหลือจากคนตายในกุบูรไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครอง หรือบรรดาคนดี เพื่อที่จะให้คนตายนั้น ให้สิ่งที่พวกเขาต้องการซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถให้ได้ยกเว้นอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เช่น การขอให้ พวกเขาปกป้องอันตราย และรักษาโรคภัยไข้เจ็บการให้ริสกีและการขอให้หญิงเป็นหมันตั้งท้อง หรือการขอชัย ชนะเหนือศรัตรู หรือการสัมผัสกับเหล็ก หิน ดินที่อยู่ในกุบูร และการเขียนสิ่งที่ต้องการหรือปรารถนาลงในกระดาษ แล้วโยนลงในกุบูร ทั้งหมดนี้พวกเขาอ้างว่ามันเป็นสื่อที่ได้บัญญัติไว้ แต่ทว่าที่จริงแล้วมันเป็นสิ่งที่เสียหาย และขัดแย้งกับกับพื้นฐานของอิสลาม ซึ่งพื้นฐานของอิสลามคือการกราบไหว้ต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เพียงองค์เดียว ส่วนความเชื่อที่งมงายและหลงผิดอีกประการหนึ่งคือ พวกเขาเชื่อว่าภัยพิบัติจะประสบแก่คนที่ตัด เล็บในเวลากลางคืน และในตอนกลางวันของวันเสาร์ อาทิตย์ และภัยพิบัติจะประสบกับคนที่กวาดบ้านเวลา กลางคืน เพราะพวกเขาเชื่อกันว่าก้อนหินหรือดินที่มีอยู่ในเวลาช่วงนั้นให้ประโยชน์แก่พวกเขา จากความเชื่อดัง กล่าวมันไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรเลยนอกจากความงมงาย

จากสิ่งดังกล่าว ทำให้เรารู้ได้ว่า แท้จริงแล้วสื่อกลางที่มีมาจากการสร้าง มีทั้งสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงอนุญาติและห้ามกระทำ

จากตัวอย่างข้างต้นทั้งหมดที่เกี่ยวกับสื่อต่างๆไม่ว่าจะเป็นสื่อที่มาจากการสร้างหรือสื่อที่มาจากบทบัญญัติที่ มนุษย์ มีความสงสัย และมีความหลงใหลกับมัน ซึ่งพวกเขาคิดว่ามันอาจจะเป็นที่อนุญาตและจะนำไปสู่เป้า หมายที่แท้จริง ได้ และจะกล่าวต่อไปอีกเกี่ยวกับบางส่วนของบรรดาตัวอย่างต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสื่อที่มาจาก การสร้างที่อนุญาติ และไม่อนุญาติ

ตัวอย่างของสื่อจากสิ่งที่ถูกสร้างที่อนุญาต เช่น เมื่อเราต้องการให้ได้มาซึ่งริสกีหรือความร่ำรวยนั้น เราก็ต้องทำ การค้าขายเพราะปลูก หรือ การเกษตร ส่วนสื่อที่ไม่อนุญาติให้นำมาปฏิบัติหรือการให้ได้มาซึ่งริสกีหรือความ ร่ำรวยนั้น คือการให้ยืมเงินโดยการคิดดอกเบี้ย การโดยขายแบบตลาดผูกขาดสินค้า การฉ้อโกง การขโมย การพนัน การขายเหล้า และอื่นๆ จากหลักฐานซึ่งอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้กล่าวไว้ในอัลกุรอาน

พระองค์ทรงตรัสว่า

وَأَحَلَّ اللَّهُ الْبَيْعَ وَحَرَّمَ الرِّبَا

“และอัลลอฮฺได้ทำการอนุญาตให้ทำการค้าขาย และทรงห้ามการกินดอกเบี้ย”
ซูเราะอัลบากอเราฮฺ, 2:275

ดังนั้นจากทุกๆการค้าขาย และการกินดอกเบี้ยนั้น คือสื่อที่เกิดขึ้นเพื่อที่จะทำให้เกิดความพยายามในการหาปัจ จัยยังชีพของเรา แต่ทว่าอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลานั้นทรงอนุญาติกับการค้าขายแต่ทรงห้ามการกินดอกเบี้ย


เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสื่อต่างๆมีความถูกต้อง

สำหรับหนทางที่ถูกต้องที่สุดที่เราสามารถรู้ถึงการวางเงื่อนไขของสื่อที่มาจากการสร้างหรือสื่อที่มาจากบท บัญญัติ ก็คือ การที่เราย้อนกลับไปพิจารณาดูจากคัมภีร์อัลกุรอานและแบบฉบับของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัย ฮิวะสัลลัม และจะต้องมีความมั่นคงแน่นอน ยอมรับกับสิ่งต่างๆที่ได้กล่าวไว้ในกุรอานและหะดีษเกี่ยวกับเรื่อง ราวดังกล่าว และการมองกลับไปยังหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวกับเรื่องราวของสื่อทั้งสองประการที่ได้มีกล่าวไว้ใน กุรอานและหะดีษ ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม สำหรับหนทางอื่น ๆ นั้นเราไม่สามารถนำมายึด เป็นหลักฐานได้

เงื่อนไขสองประการที่สามารถนำมายึดปฏิบัติได้สำหรับสื่อที่มาจากสิ่งที่ถูกสร้าง ก็คือ

1. จะต้องเป็นที่อนุญาตตามบทบัญญัติ

2.จะต้องเป็นสิ่งที่มีความแน่ชัดถึงความจริงว่าสามารถทำให้ได้รับสิ่งที่เราต้องการปราศจากความสงสัย


ส่วนสื่อกลางที่มาจากบทบัญญัติไม่มีเงื่อนไขใด ยกเว้นจะต้องมีการยืนยันจากกุรอานและสุนนะฮฺเท่านั้น
ดังตัวอย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้นเกี่ยวกับการที่เอาสัตว์มาเพื่อที่จะเป็นสื่อกลางยืนยันว่า สัตว์มีความสามารถ ที่จะรู้ถึงสิ่งที่เร้นลับได้นั้นถ้าหากมองในด้านสื่อของการสร้างแสดงว่าการทดลอง และการสังเกตุนั้นเป็นสิ่งที่ โมฆะใช้ไม่ได้ แต่ถ้าหากมองในด้านสื่อกลางของบทบัญัติแล้วก็ถือว่าเป็นการปฏิเสธและเป็นการหลงผิด ซึ่งอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลาได้ทรงอธิบายไว้ว่าเป็นสิ่งที่เสียหาย และต้องคอยหลีกเลี่ยงจากสิ่งเหล่านี้

ดังนั้นแท้จริงแล้วบรรดาสื่อต่างๆที่เป็นสิ่งที่มาจากการสร้างที่ได้เกิดมาใหม่นั้น หรือสิ่งที่คิดขึ้นมาว่าน่าจะเป็น สื่อที่มาจากบทบัญญัติ หากเกิดความคิดเช่นนี้ ศาสนาไม่อนุญาตให้ทำการยึดมั้นในสิ่งนั้นๆอย่างเด็ดขาด

كل عبادة لم يتعبدها أصحاب رسول فلا تتعبدوها

“ทุก ๆ อิบาดะฮฺที่บรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านร่อสู้ลศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัไม่ได้ปฏิบัตินั้น พวกท่านจงอย่าปฏิบัติมัน”

และจากคำกล่าวนี้เป็นสิ่งที่ให้ผลกับตัวเรา ซึ่งได้เอมมาจากหะดีษต่างๆที่ห้ามมิให้เราปฏิบัติคิดข้นขึ้นมาใหม่ ในเรื่องของศาสนา และเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว

เชคอิสลามอิบนุตัยมียะฮฺกล่าวว่า

الأصل في العبادات المنع إلا لنص وفي العادات الإباحة إلا لنص

“จุดเริ่มต้นของการทำอิบาดะฮฺต่าง ๆ คือการห้าม นอกจากจะต้องมีตัวบท และจุดเริ่มต้นของการปฏิบัติ ตามประเพณี คือการอนุมัตินอกจากจะต้องมีตัวบท”

ดังนั้นจงระวังรักษาประการเหล่านี้ให้ดี เพราะว่า แท้จริงแล้วความสงสัยนั้นมีอยู่มากมายหากเราตระหนักถึง คำพูดนี้มันสามารถช่วยเหลือท่าน ในการที่จะไตรตรอง ถึงความเป็นจริงในสิ่งที่มนุษย์มีความขัดแย้งกัน (1)

นิยามของคำว่าตะวัสสุ้ล

แท้จริงคำกล่าวที่ดีที่สุดคือ คัมภีร์ของอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลาและท่างนำที่ดีที่สุดคือแบบฉบับของท่าน ร่อสู้ล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และการงานที่ชั่วช้าที่สุดคือการอุตริกรรมหรือบิดอะฮฺคือการหลงผิด และทุกๆ การหลงผิดนั้นจะตกอยู่ในนรก มนุษย์ทุก ๆ คนสับสนวุ่นวายอยู่กับปัญหาของการตะวัสสุ้ลและหุกกุ่มของมัน และมีการขัดแย้งกันอย่างมากมายสำหรับการตะวัสสุ้ลว่ามันเป็นสิ่งที่หะล้าลหรือหะรอม เป็นเรื่องที่หลอกลวงหรือ เป็นเรื่องที่เหมาะสม แน่นอนบรรดามุสลิมส่วนใหญ่ในยุคก่อน ๆ พวกเขาปฏิเสธจนเป็นความเคยชินที่ได้กล่าว ในดุอาอฺของเขาว่า

اللهم بحق نبيك أو بجاهه أو بقدره عندك عافني واعف عني

“โอ้อัลลอฮฺ ด้วยกับสิทธิของนบีของพระองค์ หรือเกียรติยศและความสามารถของเขาณ.ที่พระองค์ ทรงให้ความสมบูรณ์แก่ข้าพเจ้าและขอพระองค์ ทรงอภัยโทษแก่ข้าพเจ้า”

และการกล่าวว่า

اللهم إني أسألك بحق البيت الحرام أن تغفرلي

“โอ้อัลลอฮฺ ข้าพเจ้าของต่อพระองค์ด้วยกับสิทธิของบัยตุลหะรอม ขอพระองค์ทรงอภัย โทษให้แก่ข้าพเจ้า”

ทั้งหมดนี้เรียกว่าการตะวัสสุ้ล ซึ่งพวกเขาได้เรียกร้องว่ามันเป็นสิ่งที่อนุมัติให้กระทำได้และมีบทบัญญัติไว้ซึ่งมา จากบางส่วนของอายะฮฺต่าง ๆ หรือหะดีษต่าง ๆ ที่ยอมรับมัน ดังนั้นพวกเขาจึงนำมาปฏิบัติและสงเสริม ซึ่งบางส่วนของพวกเขาได้ทำการเกินขอบเขตในการอนุญาตจนกระทั้งเป็นการอนุญาต ให้ตะวัสสุ้ลไปยังอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลาด้วยกับสิ่งที่ถูกสร้างต่างๆ เช่น กุบูรของบรรดาเอาลิยาอฺ เหล็กที่สร้างอยู่บนกุบูรของพวกเขา หรือ ดิน ก้อนหิน ต้นไม้ที่อยู่ฬกล้ๆกับกุบูร โดยที่พวกเขาอ้างว่ามันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ มีเกียรติ และพวกเขายังอ้าง อีกว่าอัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลาจะให้เกียรติผู้ที่อาศัยอยู่ในกุบูร ซึ่งเขาได้เตรียมพร้อมในการไปยังกุบูรเพื่อ ที่จะให้คนตายเป็นสื่อกลางไปยังพระองค์ สิ่งที่อ้างมาทั้งหมดมิใช่อื่นใดนอกจากเป็นการอนุมัติให้กับชนรุ่นหลัง ในการขอความช่วยเหลือกับสิ่งอื่นนอก จากอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา  (2)

ความไม่รู้ของบรรดามุสลิมกับการเข้าใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลาโดยผ่านสื่อกลางตามที่ได้ถูกกำ หนดเอาไว้ บรรดามุสลิมในยุคหลัง ๆ ต่างเชื่อถือในการตะวัสสุ้ลแบบผิด ๆ ซึ่งความเชื่อดังกลาวทำให้พวกเขา เข้าใจผิดและนำพาพวกเขาไปสู่หนทางที่ไม่ได้รับการชี้แนะไปสู่หนทาง ที่ถูกต้อง หรือหนทางที่ดี ดังนั้น พวกเขาได้ศรัทธาต่อการตะวัสสุ้ลเหมือนกับที่พวกเขาได้ยินการตะวัสสุ้ลจากการดูแลกุบูร โดยที่พวกเขาไม่ได้ ค้นหาข้อเท็จจริงและวิธีการของมัน หากว่าพวกเขาได้กลับไปสู่อัลกุรอานและสุนนะฮฺถึงเรื่องของการตะวัสสุ้ล แล้ว พวกเขาก็จะได้รู้และเข้าใจถึงสิ่งต่างๆที่อยู่ในอัลกุรอานและสุนนะอิเกี่ยวกับการตะวัสสุ้ล แน่นอนที่สุด พวกเขาก็จะได้รู้ว่าอะไรคือการตะวัสสุ้ลที่แท้จริง (3)

ความหมายของตะวัสสุ้ล (4)

คำว่าตะวัสสุ้ลหมายถึงการใช้สื่อกลางเพื่อเข้าใกล้ชิดกับอัลลอฮฺด้วยการเชื่อฟังต่อพระองค์ โดยการปฏิบัติใน ทุกสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบหานะฮูวะตะอาลาและร่อสู้ล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมทรงใช้เรา

อิบนุกะษีรได้ให้ความหมายว่า ตะวัสสุ้ล คือ สิ่งที่เข้าใกล้อัลลอฮฺซุบหานะฮูวะตะอาลา ด้วยกับคำพูด และการปฏิบัติ

อิบนุตัยมียะฮฺได้ให้ความหมายว่า ตะวัสสุ้ล คือ การแสวงหาสื่อกลางที่เป็นการปฏิบัติด้วยกับการเชื่อฟังต่อ อัลลอฮ ฺซุบหานะฮูวะตะอาลาและการใกล้ชิดกับพระองค์ด้วยกับการงานที่ดี

อบูซุอู๊ดได้ให้ความหมายว่า ตะวัสสุ้ล คือ สื่อหมายถึงการปฏิบัติซึ่งเป็นสิ่งที่นำมาเป็นสื่อด้วยกับมันและเป็นการ เข้าใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ ซุบหานะฮูวะตะอาลาด้วยกับการเชื่อฟังและละทิ้งสิ่งที่ไม่ดี

มุบาร๊อก อัลมีลีได้ให้ความหมายว่า ตะวัสสุ้ล คือ สื่อที่ถูกบัญญัติซึ่งทำให้ได้มาในสิ่งที่ปรารถนา และการตะวัสสุ้ล คือ การเข้าใกล้ชิดกับอัลลอฮฺซุบหานะฮูวะตะอาลาด้วยกับสื่อ และการตะวัสสุ้ลของผู้ร้องขอ คือ การขอที่วาง อยู่บนสื่อ

ความหมายโดยเฉพาะ

คำว่าตะวัสสุ้ล หมายถึง การเข้าใกล้ชิดกับอัลลอฮฺซุบหานะฮูวะตะอาลาด้วยกับดุอาอฺ คือการที่ผู้วิงวอนขอได้นำ ดุอาอฺมาเป็นสื่อซึ่งเป็นสื่อซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ดุอาอฺของถูกตอบรับ

สะอฺดียฺได้ให้ความหมายว่า ตะวัสสุ้ล คือ บ่าวคนหนึ่งได้นำมาด้วยกับสาเหตุและสื่อ คือการวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺ ซุบหานะฮูวะตะอาลาเพื่อหวังการตอบรับโดยนำการศรัทธาและการเชื่อฟังของเขาที่มีต่อพระองค์มาเป็นสื่อ (5)

ดังนั้น ตะวัสสุ้ล หมายถึง การปฏิบัติที่นำไปสู่การใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ ซุบหานะฮูวะตะอาลาและจะไม่มีการใกล้ชิด กับพระองค์และจะไม่มีการใช้สื่อกลางไปสู่การใกล้ชิดกับพระองค์ยกเว้นด้วยกับสิ่งที่ได้บัญญัติไว้ (6)  หรือการ แสวงหาสื่อต่างๆมาเป็นสื่อกลางระหว่างเราและอัลลอฮฺ ซุบหานะฮูวะตะอาลาและสื่อนั้นก็คือทุก ๆ สิ่งที่นำไป สู่สิ่งที่ต้องการหรือสิ่งที่หวังไว้

การตะวัสสุ้ลด้วยกับการวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺ ซุบหานะฮูวะตะอาลาคือการที่ผู้ขอได้เอาดุอาอฺของเขามาเป็นสื่อ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้การวิงวอนของเขานั้นถูกเขานั้นถูกตอบรับ และสื่อต่าง ๆ ที่นำมาเป็นสาเหตุเพื่อให้ การวิงวอนถูกตอบรับจำเป็นที่จะต้องมีหลักฐานยืนยันจากกุรอ่าน หรือหะดีษที่ถูกต้องและใครที่ได้นำสิ่งหนึ่ง สิ่งใดมาเป็นสื่อเพื่อให้การวิงวอนของเขา ถูกตอบรับโดยที่ไม่มีหลักฐานจากกุรอ่านหรือหะดีษ แน่นอนอัลลอฮฺ ซุบหานะฮูวะตะอาลาได้ทรงตรัสว่า “ในสิ่งที่เขาไม่รู้ ดังนั้นเขาจะรู้ได้อย่างไรว่า สิ่งที่เขาได้นำมันมาเป็นสื่อกลาง นั้น มาจากสิ่งที่พระองค์ทรงพอพระทัยมัน และเป็นเหตุให้การวิงวอนของเขาถูกตอบรับ?

ท่านอินุอะบีซัยดฺ กล่าวไว้ในหนังสือของท่านว่า อีหม่านจะสมบูรณ์ได้นั้นต้องแสดงออกด้วยการกระทำ อีหม่าน และการกระทำจะสมบูรณ์ได้นั้นต้องขึ้นอยู่กับเจตนา อีหม่าน การกระทำและเจตนาจะสมบูรณ์ได้นั้นต้องเป็น สิ่งที่มาจากสุนนะฮฺ และเจตนา คือ การมุ่งหวังและการบริสุทธิ์ใจ

แท้จริงดุอาอฺ คือ อิบาดะฮฺ และอิบาดะฮฺนั้นต้องตั้งอยู่บนบทบัญญัติ และแน่นอนอัลลอฮฺ ซุบหานะฮูวะตะอาลานั้น ปฏิเสธบุคคลที่ปฏิบัติในสิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาตจากพระองค์ ดังที่อัลลอฮฺซุบหานะฮูวะตะอาลาได้ทรงตรัสว่า

أَمْ لَهُمْ شُرَكَاءُ شَرَعُوا لَهُمْ مِنَ الدِّينِ مَا لَمْ يَأْذَنْ بِهِ اللَّهُ وَلَوْلَا كَلِمَةُ الْفَصْلِ لَقُضِيَ بَيْنَهُمْ وَإِنَّ الظَّالِمِينَ لَهُمْ عَذَابٌ أَلِيمٌ

“หรือว่าพวกเขามีภาคีต่าง ๆ ที่ได้กำหนดศาสนาแก่พวกเขา ซึ่งอัลลอฮฺมิได้ทรงอนุมัติและหากมิใช่ ลิขิตแห่งการตัดสิน (ที่ได้กำหนดไว้ก่อนแล้ว) ก็คงมีการตัดสินใจในระหว่างพวกเขา แท้จริงบรรดา ผู้อธรรมสำหรับพวกเขาได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด”
สูเราะฮฺ, อัชชูรอ, 42:21.

อัลลอฮฺ ซุบหานะฮูวะตะอาลาได้ทรงตรัสว่า

اتَّخَذُوا أَحْبَارَهُمْ وَرُهْبَانَهُمْ أَرْبَابًا مِنْ دُونِ اللَّهِ وَالْمَسِيحَ ابْنَ مَرْيَمَ وَمَا أُمِرُوا إِلَّا لِيَعْبُدُوا إِلَهًا وَاحِدًا لَا إِلَهَ إِلَّا هُوَ سُبْحَانَهُ عَمَّا يُشْرِكُونَ

“พวกเขาได้ยึดเอาบรรดานักปราชญ์ของพวกเขา และบรรดาบาดหลวงของพวกเขาเป็นพระเจ้าอื่น จากอัลลอฮ์ และยึดเอาอัล-มะซีห์บุตรของมัรยัมเป็นพระเจ้าด้วย ทั้ง ๆที่พวกเขามิได้ถูกใช้นอกจากเพื่อ เคารพสักการะผู้ทีสมควรได้รับการเคารพสักการะ แต่เพียงองค์เดียว ซึ่งไม่มีผู้ใดควรได้รับการเคารพ สักการะนอกจากพระองค์เท่านั้น พระองค์ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งที่พวกเขาให้มีภาคีขึ้น”
สูเราะฮฺ, อัตเตาบะฮฺ, 9 :31.

อัลลอฮฺซุบหานะฮูวะตะอาลาได้ทรงสั่งใช้เราด้วยกับการขอดุอาอฺต่อพระองค์และขอความช่วยเหลือต่อพระองค์ ดังที่พระองค์ทรงตรัสว่า

وَقَالَ رَبُّكُمُ ادْعُونِي أَسْتَجِبْ لَكُمْ إِنَّ الَّذِينَ يَسْتَكْبِرُونَ عَنْ عِبَادَتِي سَيَدْخُلُونَ جَهَنَّمَ دَاخِرِينَ

“และพระเจ้าของพวกเจ้าตรัสว่า จงวิงวอนขอต่อข่า ข้าจะตอบรับแก่พวกเจ้า ส่วนบรรดาผู้โอหังกต่อ การเคารพภักดีข้านั้น จะเข้าไปอยู่ในนรกอย่างต่ำต้อย”
สูเราะฮฺ, อัลฆอฟิร, 40 :60.

และพระองค์ทรงตรัสว่า

وَإِذَا سَأَلَكَ عِبَادِي عَنِّي فَإِنِّي قَرِيبٌ أُجِيبُ دَعْوَةَ الدَّاعِ إِذَا دَعَانِ فَلْيَسْتَجِيبُوا لِي وَلْيُؤْمِنُوا بِي لَعَلَّهُمْ يَرْشُدُونَ

“และเมื่อบ่าวของข้าถามเจ้าถึงข้าแล้วก็ (จงตอบเถิดว่า) แท้จริงนั้นอยู่ใกล้ ข้าจะตอบรับคำวิงวอนของ ผู้ที่วิงวอน เมื่อเขาวิงวอนต่อข้าดังนั้น พวกเขาจงตอบรับข้าเถิด และศรัทธาต่อข้า เพื่อว่าพวกเขาจะ ได้อยู่ในทางที่ถูกต้อง”
สูเราะฮฺ อัลบากอเราะฮฺ, 2:186.

แน่นอนอัลลอฮฺ ซุบหานะฮูวะตะอาลาได้บัญญัติชนิดต่าง ๆ ของการตะวัสสุ้ลไว้ซึ่งพระองค์ทรงรับประกันว่า พระองค์จะทรงตอบรับผู้ที่เรียกร้องไปยังพระองค์ด้วยกับมัน หากดุอาอฺของเขานั้นสมบูรณ์ตามเงื่อนไขของมัน (7)



والله أعلم بالصواب

โดย  อ.อับดุลฮากีม มังเดชะ

http://www.warasatussunnah.net

✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿


(1) (มูหัมมัดอีดุ้ลอับบาสียฺ, แหล่งเดิม, หน้าที่. 18.)

(2) (เล่มเดียวกัน, หน้าที่.8)

(3) (สะอฺศอดิกมูหัมมัด, เศาะรีหฺบัยนัลหักวัลบาฏิน, ดารุ้ลละวาอฺ, ซาอุดิอารเบีย, 1987, หน้าที่.29.)

(4) สะอฺบินมุหัมมัดอาลีอาละอับดุลลาตีบ, ตะอฺรีฟาตุลเอียะอฺตีกอดียะฮฺ, ดารุ้ลวะฏอล, ซาอุดิอารเบีย, 2002, หน้า:133.

(5) เล่มเดียวกัน, หน้า:134

(6) ศอและหฺบินอับดุรเราะหฺมานอัลอัตฆอม, อัลอัสอีละฮฺวัลอัจญฺบะฮฺฟิลอะกีดะฮฺ, ดารุ้ลวะฏอน, ซาอุดิอารเบีย, 1413, หน้า:67

(7) มูหัมมัดอีดุลอับบาสียฺ, ตะวัสสุ้ลอันวาอุฮาวะอะหฺกามุฮา, ดารุศศอมีอียฺ, เลบานอน, ม.ป.ป., หน้าที่:13.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น