อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

รางวัลโนเบลอางซานซูจีต่อสู็เพื่อสันติภาพหรือเพื่อตนเอง




นางออง ซาน ซู จี นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ไม่ยอมรับว่าชาวโรฮิงญาเป็นประชาชนของพม่า แต่เป็นกลุ่มคนที่ลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายจากประเทศบังกลาเทศ

 แต่รัฐบาลบังกลาเทศแถลงว่า รู้สึกแปลกใจต่อคำกล่าวของนางซู จี เพราะช่วงหลายปีที่ผ่านมารัฐบาลพม่าได้แสดงท่าทีชัดเจนและได้ดำเนินการแก้ปัญหาชาวโรฮิงญา จึงไม่มีเหตุผลที่จะระบุว่ากลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของพม่า มาหลายศตวรรษก่อนที่บังกลาเทศจะประกาศตัวเป็นเอกราชในปี 2513 เป็นคนสัญชาติบังกลาเทศ

แถลงการณ์ระบุว่า ชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงญาสัญชาติพม่าได้หนีข้ามฝั่งจากพม่าเข้ามาในบังกลาเทศหลายครั้งเพราะปัญหาในประเทศของพม่า ชาวโรฮิงญาหนีเข้ามาขอลี้ภัยในช่วงปี 2534-2535 มากถึง 250,877 คน ต่อมารัฐบาลพม่าได้รับตัวกลับไป 236,599 คน ตามข้อตกลงสามฝ่ายระหว่างบังกลาเทศ พม่า และสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) หลังจากตรวจพิสูจน์แล้วว่าบรรพบุรุษมาจากพม่า ส่วนผู้ลี้ภัยที่เหลือและบุตรหลานยังคงอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย 2 แห่ง และในจำนวนนี้ 1 ใน 4 ได้รับการรับรองจากทางการพม่าแล้วว่าเป็นพลเมืองพม่า.

สรุปแล้วเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ นางออง ซาน ซู จี ต่อสูเพื่อสันติภาพหรือทำเพื่อตัวเองกันแน่


✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿

Muslimthai.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น