หลังจากที่ได้นำเสนอตัวอย่างหลักฐานจำนวนมากมายที่ยืนยันว่า อัลลอฮทรงอยู่สูงเหนือสิ่งถูกสร้างทั้งมวลแล้วนั้น เราจะขอวิพากษ์ต่องานเขียนของอบูสะละฟีย์ ในหัวข้อที่มีชื่อว่า “วิพากษ์หลักเชื่อมั่นในเรื่องพระเจ้าของพวกวะฮฺฮาบีย์สะละฟีย์” เนื้อหาสำคัญก็คือ เขายืนยันว่า อัลลอฮทรงมีอยู่โดยปราศจากที่ประทับ หมายความว่า เขาปฏิเสธความเชื่อที่ว่า อัลลอฮทรงอยู่เหนือชั้นฟ้าด้วยกับข้อโต้แย้ง(เหตุผล)บางประการที่เขาได้นำเสนอขึ้นมา
วิพากษ์หนึ่ง
หนึ่งในคำโต้แย้งของอบูสะละฟีย์ ก็คือ เขาปฏิเสธความถูกต้อง(เศาะฮีหฺ)ของหะดีษญาริยะฮฺ หมายถึง หะดีษที่รายงานโดยท่านมุอาวิยะฮฺ บิน อัล-หะกัม อัส-สุลัยมีย์ ที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้ถามทาสของเขาว่า อัลลอฮอยู่ที่ไหน? โดยอ้างว่า หะดีษดังกล่าวนี้ มุฎเฏาะริบ(หมายถึง หะดีษที่รายงานจากหลายสายรายงานและแต่ละสายรายงานนั้น ความเข้มแข็งอยู่ในระดับเดียวกัน โดยไม่สร้างที่จะรวมหรือเสริมความเข็มแข็งให้แก่กันได้) จนกระทั่งได้กล่าวว่า คำถามที่ว่า อัลลอฮอยู่ที่ไหน? นั้น ไม่ใช่คำพูดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม แต่เป็นส่วนเพิ่มเติมจากผู้รายงาน!
สำหรับคำตอบนั้น แม้ว่าเราอยากจะชี้แจ้งถึงมุฎเฏาะริบที่เขาได้ตั้งข้อกังขาไว้ก็ตาม แต่เพื่อความรวบรัดของการวิพาก์นี้ เราขอตอบเพียงว่า หากหะดีษญาริยะฮฺที่ถามว่าอัลลอฮอยู่ที่ไหนนั้นเป็นหะดีษเฎาะอีฟ งั้นก็เก็บมันไหวเถิด แต่จะว่าอย่างไรกับหลักฐานอื่นๆ ทั้งจากอัล-กุรอานและหะดีษของท่านนบี ที่บ่งชี้อย่างชัดเจนที่สุดว่าอัลลอฮทรงอยู่เหนือสิ่งถูกสร้าง? จะเอาหลักฐานพวกนี้ไปไว้ที่ไหน? หรือว่าต้องถูกตีความอีก?
วิพากษ์สอง
เขายังกล่าวอีกว่า “ความเชื่อที่ว่าอัลลอฮทรงอยู่เหนือฟากฟ้านั้น คือ ความเชื่อของฟิรเอานฺ ซึ่งอัล-กุรอานได้แฉเอาไว้ อัลลอฮทรงตรัสว่า
.وَ قالَ فِرْعَوْنُ يا هامانُ ابْنِ لي صَرْحاً لَعَلِّي أَبْلُغُ الْأَسْبابَ * أَسْبابَ السَّماواتِ فَأَطَّلِعَ إِلى إِلهِ مُوسى وَ إِنِّي لَأَظُنُّهُ كاذِباً وَ كَذلِكَ زُيِّنَ لِفِرْعَوْنَ سُوءُ عَمَلِهِ وَ صُدَّ عَنِ السَّبيلِ وَ ما كَيْدُ فِرْعَوْنَ إِلاَّ في تَبابٍ .
และฟิรเอานฺกล่าวว่า โอ้ฮามานเอ๋ย! จงสร้างหอสูงให้ฉันเพื่อฉันจะได้บรรลุถึงทางที่จะขึ้นไป ทางที่จะขึ้นไปสู่ชั้นฟ้าทั้งหลาย เพื่อฉันจะได้เห็นพระเจ้าของมูซา และแท้จริงฉันคิดอย่างแน่ใจแล้วว่าเขาเป็นคนโกหก เช่นนั้นแหละ การงานที่ชั่วช้าของเขาได้ถูกทำให้เพริศแพร้วแก่ฟิรเอานฺ และเขาถูกปิดกั้นจากแนวทาง (ของอัลลอฮ) และแผนการของฟิรเอานฺนั้นมิใช่อื่นนอกจากอยู่ในความหายนะ(สูเราะฮฺฆอฟิร 40 : 36-37)”
นี่เป็นการอรรถธิบายจากไหนกัน? มิใช่ว่าฟิรเอานฺหรอกหรือที่ปฏิเสธความเชื่อของนบีมูซาที่เชื่อว่าอัลลอฮทรงอยู่เหนือฟากฟ้า? ดังนั้น แท้จริงแล้ว ฟิรเอานฺต่างหากที่ปฏิเสธการอยู่เหนือชั้นฟ้าของอัลลอฮ แล้วไปเอามาจากไหนกันว่า นั่นคือความเชื่อของฟิรเอานฺ? แท้จริง นี่คือการใส่ร้ายที่หามีหลักฐานรองรับไม่! เขาไม่ได้ชี้หลักฐานสำหรับข้อใส่ไคล้นั้นเลย แต่เขาเข้าใจผิดอย่างมหันต์ อีกทั้งห่างไกลจากความเข้าใจอุละมาอ์ผู้ยิ่งใหญ่ ดั่งเช่นท่านอิบนุ อบิลอิซซฺ อัล-หะนะฟีย์ ด้วย!!
ลองพิจารณาคำกล่าวของท่านอิบนุ อบิลอิซซฺ เกี่ยวกับอายะฮฺดังกล่าวอีกครั้ง ท่านอิบนุ อบิลอิซซฺ กล่าวว่า “พวกญะฮฺมียะฮฺที่ปฏิเสธการอยู่สูงเหนือฟากฟ้าของซาต(อาตมัน)ของอัลลอฮนั้น แท้จริงแล้วพวกเขาคือผู้ปฏิบัติตามฟิรเอานฺ ส่วนผู้ที่ยืนยัน(เชื่อ)ในการอยู่สูงเหนือฟากฟ้าของซาตของอัลลอฮนั้น พวกเขาคือผู้เจริญรอยตามท่านนบีมูสาและเป็นผู้ปฏิบัติตามท่านนบีมุหัมมัด” และก่อนหน้านี้ ท่านอิบนุ อบิลอิซซฺ ก็ได้กล่าววา “ฟิรเอานฺนั้นปฏิเสธมูซาที่บอกว่า พระเจ้าของเขาอยู่เหนือชั้นฟ้า”[16]
ท่านอะหฺมัด บิน อับดุลหะลีม อัล-หะรอนีย์ ก็ได้กล่าวเช่นกันว่า
كَذَّبَ مُوسَى فِي قَوْلِهِ إنَّ اللَّهَ فَوْقَ السَّمَوَاتِ
“ฟิรเอานฺปฏิเสธมูซา ที่กล่าวว่า แท้จริง อัลลอฮทรงอยู่เหนือฟากฟ้า”[17]
ถึงตรงนี้ ท่านผู้อ่านก็ลองพิจารณาดูเถิดว่า ใครกันแน่ที่เป็นผู้ปฏิบัติตามฟิรเอานฺ!!
เพื่อมิให้ตอนที่สองนี้ยาวเกินไป เราจะนำเสนอประเด็นต่างๆต่อไปในตอนที่สาม ยังมีชุบฮาตอีกมากมายที่จำเป็นต้องตอบโต้ ซึ่งเราจะคลี่คลายออกมาในตอนต่อไป ในตอนที่สามนั้น อินชาอัลลอฮ เราจะนำเสนอความเชื่อของบรรดาเศาะหาบะฮฺ , บรรดาอุละมาอ์มัซฮับ และอุละมาอ์คนอื่นๆที่สนับสนุน(ยืนยัน)ความเชื่อที่ว่า อัลลอฮทรงอยู่เหนือสิ่งถูกสร้างของพระองค์ทั้งมวล
ขออัลลอฮทรงประทานความง่ายดายในการนำเสนอต่อไป อัลลอฮเท่านั้นคือผู้ทรงประทานเตาฟีก
________________________________________
[1] ดู มัจญ์มูอฺ อัล-ฟะตาวา , อะหฺมัด บิน อับดุลหะลีม อัล-หะรอนีย์ , 5/121 , ดารุล วะฟาอ์ , พิมพ์ครั้งที่ 3 , ปีฮิจเราะฮฺที่ 1426 และดูใน บะยานุ ตัลบีสิล ญะฮฺมียะฮฺ , อะหฺมัด บิน อับดุลหะลีม อัล-หะรอนีย์ , 1/555 , มัฏบะอะตุล หุกูมะฮฺ , พิมพ์ครั้งที่ 1 , ปีฮิจเราะฮฺที่ 1392
[2] ดู ชัรหฺ อัล-อะกีดะฮฺ อัฏ-เฏาะหาวียะฮฺ , อิบนุ อบิลอิซซฺ อัล-หะนะฟีย์ , คำนิยมโดย ดร.อับดุลลอฮ บิน อับดุลมุหฺสิน อัต-ตุรกีย์ และชุอัยบฺ อัล-อัรเนาษฺ , 2/437-442 , มุอัสสะสะฮฺ อัร-ริสาละฮฺ , พิมพ์ครั้งที่ 2 , ปีฮิจเราะฮฺที่ 1421
[3] บันทึกโดยอัล-หากิม , ชัยคฺ อัล-อัลบานีย์ กล่าวว่า หะดีษนี้เศาะฮีหฺ ใน สิลสิละฮฺ อัศ-เศาะหีหะฮฺ หมายเลขที่ 871
[5] ฟัยดุล เกาะดีร ชัรหฺ อัล-ญามิอฺ อัศ-เศาะฆีร , อัล-มุนะวีย์ , 1/184 , เมากิอฺ ยะอฺสูบ
[6] บันทึกโดยมุสลิม หมายเลขที่ 772
[7] บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หมายเลขที่ 3194 และมุสลิม หมายเลขที่ 2751
[8] บันทึกโดยอบูดาวูด หมายเลขที่ 4941 และอัต-ติรมีซีย์ หมายเลขที่ 1924 ชัยคฺ อัล-อัลบานีย์ กล่าวว่า หะดีษนี้เศาะฮีหฺ
[9] บันทึกโดยอบูดาวูด หมายเลขที่ 1488 ชัยคฺ อัล-อัลบานีนย์กล่าวไว้ใน เศาะฮีหฺ วะ เฎาะอีฟ สุนัน อบีดาวูด ว่า หะดีษนี้เศาะฮีหฺ
[10] บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หมายเลขที่ 1145 และมุสลิม หมายเลขที่ 758
[11] บันทึกโดยมุสลิม หมายเลขที่ 1218
[12] บันทึกโดยอะหฺมัด 5/447 , มาลิกในอัล-มุวัฏฏออ์ 666 , มุสลิม 537 , อบูดาวูด 3282 , อัน-นะสาอีย์ ในอัล-มุจญ์ตะบา 3/15 , อิบนุ คุซัยมะฮฺ 178-180 , อิบนุ อบีอาศิม ในอัส-สุนนะฮฺ 1/215 , อัล-ละลิกะอีย์ ในอุศูล อะฮฺลิสสุนนะฮฺ 3/392 , อัซ-ซะฮะบีย์ ในอัล-อุลุวฺ 81
[13] มุคตะศ็อร อัล-อุลุวฺ , ชัยคฺ อัล-อัลบานีย์ , อัซ-ซะฮะบีย์ , ตรวจทานโดย ชัยคฺ มุหัมมัด นาศิรุดดีน อัล-อัลบานีย์ , หน้า 81 , อัล-มักตับ อัล-อิสลามีย์ , พิมพ์ครั้งที่ 2 , 1412
[14] ชัรหฺ อัล-อะกีดะฮฺ อัฏ-เฏาะหาวียะฮฺ 2/441
[15] หะดีษ มุตตะฟะกุน อะลัยฮฺ บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์และมุสลิม
[16] ดู ชัรหฺ อัล-อะกีดะฮฺ อัฏ-เฏาะหาวียะฮฺ 2/441
[17] มัจญ์มูอฺ อัล-ฟะตาวา 3/225
✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿
โดย มุหัมมัด อับดุฮฺ ตัวสิกัล
แปลและเรียบเรียงโดย Zunnur
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น