อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556

ญินเข้าสิงร่างกายมนุษย์




อิสลามมีหลักความเชื่อว่าญินนั้นสามารถเข้าสิงสู่ร่างกายของมนุษย์ได้

ท่านอิมามอบุลฮะซัน อัลอัชอะรีย์ ได้กล่าว่า

“ตามหลักความเชื่อของอะฮฺลิซ สุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์ เห็นว่า แท้จริงญินนั้นสามารถเข้าสิงสู่ร่างกายของมนุษย์ได้” (หนังสือ เฆาะรออิบุ วะอะญาอิบุลณินนิ กะมายุ เซาวิรุฮา อัลกุรอาน วัซซุนนะฮฺ เขียนโดยท่านอัล อัลลามะฮฺ บัดรุด ดีน บินอับดิลลาฮฺ อัชชิบลีย์)ท่า

ท่านอิมามอิบนุตัยมียะฮ์ ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ ได้กล่าว่า
“การที่ญิณเข้าสิ่งสู่ร่างกายของมนุษย์เป็นสิ่งที่มีอย่างแน่นอนตามมติเอกฉันท์ของปวงปราชญ์ในแนวอะฮฺลิซ สุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮ์” (หนังสือมัจญมูอุล ฟะตาวา เล่ม 24 หน้าที่ 276)
ท่านอับดุลลอฮ์ บุตรของอิมามอะหฺมัด อิบนุฮัมบัลกล่าวว่า
“ฉันได้กล่าวแก่บิดาของฉัน(อิมามอะหฺมัด อิบนุฮัมบัล) ว่า แท้จริงมีชนกลุ่มหนึ่งกล่าวว่า ญินจะไม่สามารถเข้าสิงร่างกายของมนุษย์ ท่านอิมามอะหฺมัด จึงตอบว่า โอ้ลูกรักชนกลุ่มนั้นกล่าวเท็จ ญินที่เข้าสิ่งยังสามารถพูดโดยผ่านลิ้นของบุคคลที่มันเข้าสิงได้”

ท่านอิมามอิบนุตัยมียะฮ์ได้อธิบายเสริมว่า
“เรื่องที่อิมามอะหฺมัด กล่าวนี้เป็นที่ทราบกันดี เพราะแท้จริงญินนั้น เมื่อมันเข้าสิงสู่ในร่างกายของบุคคลใด บุคคลนั้นจะพูดภาษาที่ตัวเขาเองไม่รู้เรื่อง และไม่รู้ความหมาย แม้ผู้นั้นจะถูกตีอย่างหนักก็ตาม ก็ไม่รู้สึก แม้ว่าการตีนั้นจะเป็นการตีที่รุนแรงอย่างหนัก จนถึงขั้นถ้าอูฐซึ่งเป็นสัตว์ที่มีความอดทนอย่างมากถูกตีเช่นนั้น จะต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และปรากฏรอยชัดเจนที่ผิดหนัง ถึงกระนั้นก็ตามผู้ที่ถูกญินเข้าสิง จะไม่มีความรู้สึกใดๆเลยจากการตีนั้น และเขาจะไม่รู้สึกตัวเองว่าได้พูดอะไรออกไป และญินที่เข้าสิงนั้นจะมีกำลังมาก แม้คนหลายคนมาฉุดรั้งไว้ก็ไม่อาจต้านทานกำลังของมันได้”

ท่านอิมามอิบนุตัยมียะฮ์ได้กล่าวต่อว่า
“และในบรรดาผู้นำทาวศาสนา ไม่มีผู้ใดเลย ที่ปฏิเสธเรื่องการที่ญินเข้าสิงสู่ร่างกายมนุษย์และอื่นๆ และผู้ใดปฏิเสธเรื่องดังกล่าว แน่นอนผู้นั้นได้กล่าวเท็จต่อบทบัญญัติ และในบรรดาหลักฐานแห่งบทบัญญัติไม่ปรากฏว่ามีตัวบทใดค้านกับเรื่องนี้” (หนังสือ มัจญมูอุลฟะตาวา เล่มที่ 24 หน้า 277)


รายงานจากท่านยะอฺลา บิน มุรเราะฮฺ อัซซะกอฟีย์ กล่าวว่า
“มีสามประการที่ฉันพบเห็นจากท่านสูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ครั้งหนึ่งเมื่อพวกเราร่วมเดินทางไปพร้อมกับท่านรสูล ...พวกเราออกเดินทางต่อไปผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่ง และได้มีหญิงคนหนึ่งนำลูกของนางที่ถูกญินเข้าสิงมาหาท่านรสูล ท่านรสูลจึงจับที่จมูกเด้กคนนั้นและกล่าวว่า “เจ้าจงออกไป แท้จริงฉันคือ มุหัมมัด รสูลุลลอฮ์” ท่านยะอฺลากล่าวว่า “แล้วพวกเราก็เดินทางต่อไป ครั้นเมื่อเราเดินทางกลับก็ผ่านหมู่บ้านดังกล่าว หญิงคนนั้นก็นำแกะหนึ่งตัวพร้อมกับนมสดมาให้ท่านรสูล ท่านรสูลให้คืนแกะเจ้าของ และท่านก็สั่งให้บรรดาเศาะหะบะฮ์ดื่มนม และท่านก้ดื่มด้วย ท่านรสูลได้ถามถึงบุตรของนางที่ถูกญินเข้าสิงว่าเป็นอย่างไรบ้าง นางตอบว่า “ขอสาบานด้วยกับผู้ที่ส่งท่านมาพร้อมกับสัจธรรม เราไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดๆแก่เด้กคนนั้นอีกเลย เขาหายดีแล้ว หลังจากที่ได้จัดการในวันนั้น” (บันทึกหะดิษโดยอิมามอะหฺมัด , อัฏฏ็อบนอนีย์ อัลบัยฮะกีย์ และอัลฮัยซะมีย์)
หะดิษดังกล่าวมีรายงานกระแสที่ตรงกัน จึงทำให้บรรดานักวิชาการหะดิษทั้งหลายในอดีตและปัจจุบันถือว่า หะดิษนี้สามารถนำมาเป็นหลักฐานยืนยันในเรื่องญิณเข้าสิ่งมนุษย์ได้



والله أعلم بالصواب

✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น