อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556

การเยี่ยมเยียนกุบูรฺของผู้ชายและผู้หญิงมุสลิมะฮ์


ศาสนาบัญญัติให้ไปเยี่ยมกุบูรฺ(หลุ่มฝังศพ) ต่างๆ เพื่อนำเอามาเป็นข้อเตือนในใจและการระลึกถึงโลกหน้า โดยมีเงื่อนไขว่า เขาจักต้องไม่กล่าว ณ ที่นั้น ซึ่งสิ่งที่ยังความโกรธกริ้วแก่พระองค์อัลลอฮ์ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา  เช่นวอนขอดุอาอ์ ต่อผู้ที่อยู่ในหลุ่มฝังศพ และการขอความอนุเคราะห์ต่อเขา นอกเหนือไปจากอัลลอฮฺตะอาลา การแก้ต่างให้แก่เขา การตัดสินให้สวรรค์เป็นของเขา และในทำนองนั้น

 ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
  “พวกท่านทั้งหลาย จงไปเยี่ยมเยียนกุบูรฺเถิด เพราะแท้จริงมันทำให้ท่านระลึกถึงความตาย”  (ดู มุคตะศ็อร เศาะเฮียะฮฺมุสลิม, บทอัลญะนาอิช, จากอบูฮุร็อยเราะฮฺ, หะดีษเลขที่ 495)

มุสลิมะฮ์ไปเยี่ยมกุบูรฺ

ผู้หญิงมุสลิมะฮ์ก็เหมือนผู้ชายมุสลิม ในการชอบให้ไปเยี่ยมหลุ่มฝังศพต่างๆ เนื่องจากหลายแง่มุมด้วยกัน

คือ คำกล่าวของท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม โดยทั่วไปที่ว่า
"ดังนั้น พวกท่านจงไปเยี่ยมหลุ่มฝังศพต่างๆ"
ซึ่งมุสลิมะฮฺก้เข้าอยู่ในนี้ และการแจกแจงของเรื่องนี้ ก็คือว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้น เมื่อท่านห้ามไม่ให้ไปเยี่ยมหลุ่มฝังศพต่างๆ ในตอนแรก แท้ที่จริงแล้ว ก็ไม่มีข้อสงสัยใดๆ ในเรื่องว่า การห้ามนั้นมันรวมไปถึงพวกผู้ชาย และพวกผู้หญิงพร้อมๆกัน

ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า


قوله صلى الله عليه وسلم كنت نهيتكم عن زيارة القبور فزوروها

ความว่า "ฉันเคยห้ามพวกท่านไปเยี่ยมเยียนกุบูรฺ ดังนั้น (ต่อไปนี้) พวกท่านจงไปเยี่ยมเยียนกุบูรฺเถิด" (บันทึกโดยมุสลิม,ติรฺมิซีย์ และท่านอื่นๆ)


จากหะดิษ เมื่อท่านกล่าวว่า
"ฉันได้ห้ามท่านทั้งหลายไม่ให้ไปเยี่ยมหลุมฝังศพต่างๆ"
สิ่งที่เข้าใจได้ก็คือว่า ท่านหมายถึง 2 เพศด้วยกัน โดยความจำเป็นว่า ท่านบอกพวกเขาถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นในตอนแรก จากการห้าม 2 เพศด้วยกัน แล้วเมื่อเรื่ีองเป็นเช่นนั้นแล้ว มันก็จำเป็นที่ว่า คำพูดในประโยคที่ 2 จากหะดิษ และอันนั้นก็คือคำพูดของท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่ว่า

"พวกท่านจงไปเยี่ยมหลุ่มฝังศพต่างๆ"
แท้ที่จริงแล้ว ท่านต้องการด้วยคำพูดดังกล่าวซึ่งสองเพศด้วยกันเช่นเดียวกัน

และสิ่งที่จะมาสนับสนุนให้นั้น คือ คำพูดในส่วนที่เหลือของการกระทำต่างๆ ที่ถูกกล่าวไว้ในรายงานหะดิษ ที่ว่า
"และฉันได้ห้ามท่านทั้งหลายไม่ให้กินสัตว์พลีอุฎหิยะฮฺ ต่างๆมากกว่าสาม ดังนั้น ท่่่านทั้งหลายจงจับไว้ซึ่งที่ได้ปรากฏแก่ท่านทั้งหลาย และฉันได้ห้ามท่านทั้งหลายไม่ให้ดื่มน้ำองุ่นหมัก นอกจากที่อยู่ในภาชนะใส่น้ำเท่านั้น ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงดืมในภาชนะใส่น้ำต่างๆ ทั้งหมด และท่านทั้งหลายอย่าได้ดื่มสิ่งที่มันทำให้มึนเมา"
ดังนั้นคำพูดในารกระทำต่างๆ เหล่านี้ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ถูกใช้มุ่งตรงยังสองเพสด้วยกันอย่างเด้ดขาด เหมือนกับเรื่องที่มีอยู่ในคำพูดที่ว่าฉันได้ห้ามท่านทั้งหลาย แล้วเมื่อมีผู้กล่าวว่า คำพูดที่ว่าท่านทั้งหลายไม่ให้ไปเยี่ยมหลุมฝังศพต่างๆ มันเฉพาะพวกผู้ชายแล้ว ระเบียบแบบแผนของพูดก็บกพร่อง และความสวยงามของมันก้หมดไป

การมีส่วนร่วมของมุสลิมะฮ์กับพวกผู้ชายในเหตุเนื่องจากเหตุนั้น ที่การไปเยี่ยมหลุ่มฝังศพต่างๆ ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
"เพราะว่า มันจะทำให้หัวใจอ่อนโยน และจะทำให้ตาหลั่งน้ำตาออกมา และมันจะเตือนให้คิดถึงโลกหน้า"

ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้อนุญาตแก่พวกผู้หญิง ในการไปเยี่ยมกุบูรฺต่างๆ ดังนี้

รายงานจากอับดุลลอฮฺ อิบนุ อบีมลีกะฮฺ เล่าว่า
"ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎียัลลอฮุอันฮา ได้มุ่งหน้ามาวันหนึ่งจากหลุ่มฝังสพต่างๆ แล้วฉันได้กล่าวแก่นางว่า โอ้ อุมมุลมุอฺมินีน เธอได้มุ่งหน้ามากไหน นางกล่าวว่ามุ่งหน้ามาจากหลุมฝังศพของอับดุรเราะฮฺมาน อิบนุ อบีบักรฺ แล้วฉันได้กล่าวแก่นางว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมไม่ได้ห้ามไม่ให้เยี่ยมหลุ่มฝังศพต่างๆหรือ นางกล่าวว่า ใช่ หลังจากนั้น ท่านได้ใช้ให้เยี่ยมหลุ่มฝังศพต่างๆ"

รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา  ซึ่งท่านนางได้กล่าวว่า  โอ้  ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ฉันจะกล่าวอย่างไร - หมายถึงในขณะฉันทำการเยี่ยมกุบูร - ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  จึงตอบว่า  เธอจงกล่าวว่า

السَّلاَمُ عَلَى أَهْلِ الدِّيَارِ مِنَ الْمُؤْمِنِينَ وَالْمُسْلِمِينَ وَيَرْحَمُ اللَّهُ الْمُسْتَقْدِمِينَ مِنَّا وَالْمُسْتَأْخِرِينَ وَإِنَّا إِنْ شَاءَ اللَّهُ بِكُمْ لَلاَحِقُونَ

"อัสลามุอะลาอะฮ์ลิดดิยาร  มินัลมุอฺมินีนวัลมุสลิมีน  และยัรฮะมุลลอฮุลมุสตักดิมีนมีนนาวัลมุสตะคิรีน  วะอินนาอินชาอัลลอฮุ บิกุ้มลาฮิกูน" รายงานโดยมุสลิม ( อ้างอิงจาก หนังสือ มุฆนิลมั๊วะตาจญ์ 2/62

ดังนั้นหากมุสลิมะฮฺเข้ากุบูรฺไม่ได้ ท่านนบีก็ต้องปรามท่านหญิงอาอิชะฮฺแล้วเกี่ยวกับเรื่องการเข้ากุบูรฺนั่นเอง และแม้ว่ามุสลิมะฮฺมีรอบเดือนยังเข้ากุบูรฺได้ เพราะไม่มีหลักฐานห้ามแต่ประการใด

ไม่อนุญาตให้มุสลิมะฮฺเยี่ยมกุบูรฺบ่อยๆ

กระนั้นก็ตามถึงแม้จะอนุญาตให้พวกผู้หญิงเยี่ยมกุบูรได้ก็ตาม แต่ไม่อนุญาตให้พวกนางไปเยี่ยมกุบูรมากๆ และไปๆมาๆอยู่เป็นประจำ เพราะว่าการกระทำเช่นนั้น มันอาจจะนำพาพวกนางไปสู่การฝ่าฝืนบทบัญญัติศาสนา เช่น การส่งเสียงร้องลั่น การแต่งกายไม่มิดชิด การยึดเอาหลุมศพต่างๆมาชุมนุม สำหรับที่ท่องเที่ยว และการทำให้เวลาเสียไป ในการพูดจาที่ไร้สาระ เหมือนกับที่เป็นที่เห็นได้ ในทุกวันนี้ ในประเทศอิสลามบางประเทศ และนี้คือจุดประสงค์ หากอัลลอฮฺทรงประสงค์แล้ว
รายงานจากท่านออิบนิอับบาส ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าวว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
" อัลลอฮฺได้ทรงสาปแช่ง) พวกผู้หญิงที่ไปเยี่ยมหลุมฝังศพมากๆ และพวกที่ยึดเอาที่ฝังสพเป็นมัสยิด (ที่ทำละหมาด) และพวกที่จุดตะเกียง(บนหลุมฝังศพ)"(บันทึกหะดิษโดย

ท่านอิามามกุรฏบียฺ ได้กล่าวว่า


"การสาปแช่งที่ถูกกล่าวไว้ในหะดิษนั้น แท้ที่จริงแล้ว มันเป็นของพวกผู้หญิงที่ไปเยี่ยมหลุมฝังศพต่างๆมากๆ อันเนื่องจากสำนวนการเน้นหนักมาบีบบังคับ และหวังว่า สาเหตุนั้นคือสิ่งที่การกระทำดงกล่าวจะนำไปสู่ จากการทำให้สิทธิ์ของคู่ครองหายไป และการแต่งกายที่ไม่มิดชิด และสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากการส่งเสียงร้องลั่น และในทพนองนั้น และบางทีอาจจะมีคนกล่าวว่า เมื่อสิ่งต่างๆ ดังกล่าวทั้งหมดเป็นที่ปลอดภัยแล้ว มันก้ไม่มีปัญหา ในการที่อนุญาตแก่พวกนาง เพราะว่า การระลึกถึงความตายนั้น พวกผู้ชายและสตรีก็มีความต้องการด้วยกัน"

ท่านอิมามเชากานีย์ กล่าวว่า
"คำพูดนี้มันเป็นสิ่งที่ควรจะยึดถือไว้ ในการรวมระหว่างหะดิษต่างๆของบทที่ขัดกัน ในภาพผิวเผิน" (ยลุลเอาฏ้อร 4/95)

นอกจากนี้ยังอนุญาตให้มุสลิมไปเยี่ยมกุบูรฺของผู้ที่ตายในศาสนาอื่น(กาฟิร) เพื่อข้อเตือนใจเท่านั้น ดังที่ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ไปเยี่ยมเยียนมารดาของท่าน

والله تعالى أعلى وأعلم


✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น