อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

กรณีอ่านสูเราะฮฺฟาติหะฮฺมาคั่นกลางกล่าวดุอาอ์


การที่มุสลิมบางคน หรือบางกลุ่ม โดยเฉพาะมุสลิมทางปักษ์ใต้ของไทย เมื่อมีการยกมือเพื่อขอดุอาอ์ ไม่ว่าจะเป็นดุอาอ์หลังละหมาด ดุอาอ์พิธีต่างๆ เช่น ขึ้นบ้านใหม่ ทำบุญบ้านคนตาย โดยมีมีผู้นำกล่าวบทดุอาอ์ แล้วคนอื่นๆจะกล่าวเพียงอามีน เมื่อกล่าวดุอาอ์บทหนึ่งแล้ว ก็จะมีการลูบหน้าแล้วเอามือทั้งสองลง และมีการอ่านสูเราะฮฺฟาติหะฮฺ 1 จบ หลังจากนั้นจะมีการยกมือขอดุอาอ์อีกบทจนจบ

การอ่านสูเราะฮฺฟาติหะฮ์คั่นกลางดุอาอ์ดังกล่าว ไม่มีรูปแบบจากท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม และจากการถ่ายทอดจากชาวสลัฟแต่อย่างใด

ดังนั้นการเฉพาะเจาะจงว่าต้องอ่านฟาติหะฮฺมาคั่นกลางดุอาอ์ท่อนที่ 1 และท่อนที่ 2 เสมอ และถือว่าต้องมีรูปแบบอย่างนี้เท่านั้น ถือว่าเป็นการอุตริกรรมขึ้นมาใหม่ในเรื่องศาสนา

والله أعلم بالصواب

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น