อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2556

หรือเพียงเพราะพวกเขาเป็นมุสลิมที่ถูกฆ่าในพม่า


"อินนาลิลาฮี วะอินนา อิลัยฮีร่อยีอูน”  เมื่อเราได้รับข่าวร้ายอันน่าสลด ของการถูกทำร้ายและฆ่าอย่าทารุณของพี่น้องมุสลิมในพม่า

มีการรุมทำร้ายร่างกายและเข่นฆ่าและ จุดไฟเผาพวกเขาจนศพไหม้เกรียม  และยังได้เผาทำลายทรัพย์สิน ที่พักอาศัย และมัสยิดที่ทำอิบาดะฮฺของพวกเขาจนวอดวาย

มันช่างสยดสยองและสลดใจเสียจริงๆ ก็เพียงแค่ด้วยสาเหตุที่คู่รักที่นับถือพุทธศาสนาเกิดทะเลาะหมิ่นคำพูดกับเจ้าของร้านทองซึ่งเป็นชาวมุสลิม กลับลุกลามบานปลายด้วยการไล่ล่าฆ่าฟันชาวมุสลิมไปทั่วเมือง และพวกเขาไม่รู้อีนู่อีนี่ด้วยเลยกับสาเหตุของการทะเลาะวิวาทครั้งนี้ พวกเขาจึงร้องเรียกเอ่ยถามด้วยความงวยงงว่า“พวกเราผิดอันใด? หรือเพียงเพราะพวกเราเป็นมุสลิม จึงถูกไล่ล้างเช่นนี้”

หากการทะเทาะวิวาทครั้งนี้ทั้ง 2 ฝ่ายต่างเป็นผู้นับถือศาสนาพุทธ จะมีเหตุการณ์เช่นนี้หรือไม่ มันคงเป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เกิดขึ้นตามปกติกระมัง แต่ถ้าคูอริเป็นชาวมุสลิม ล่ะก็มันต้องเป็นเรื่องใหญ่ อันเพราะพวกเขามีความอคติ เกลียดชังต่อชาวมุสลิมซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชาติของพวกเขาอย่างเต็มอก
พวกเขาเห็นชาวมุสลิมเป็นศัตรูตัวฉกาจ เพียงแค่มุสลิมคนใดเอ่อปากขึ้นมาอันเป็นที่ระคายเคืองความรู้สึกของพวกเขา ก็จะมีการโหมโรงความรู้สึก สร้างความเกลียดชัง และไล่ล่าล้างเผาพันธุ์กัน

ชีวิตมุสลิมในพม่าขณะนี้เหมือนอยู่ในกรงเหล็ก ที่มีฝูงเสื้อสิงค์กระทิงแรดล้อมรอบพวกเขาอยู่ และเหล่าฝูงเสือสิงค์กระทิงแรดเหล่านั้นพร้อมที่ขยี้พวกเขาตลอดเวลา ไม่มีแม้แต่ผู้คอยช่วยเหลือปกป่องพวกเขา มีแต่เหล่าศตรู่ ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านที่นับถือพุทธศาสนาและพระสงค์ , เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปกครองของรัฐ ทั้งตำรวจ ทหาร ตุลาการ แม้แต่นางอองซาน ซูจี ผู้ได้รับรางวัลโนเบลแห่งวัตถุและชาตินิยม ก็ตามที่ พวกเขาไม่สามารถเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับชีวิตของพี่น้องของพวกเขาที่ถูกเข่นฆ่าและถูกจุดไฟเผาได้ พวกเขาเพียงมอบหมายและวิงวอนขอความคุ่มครองจากพระเจ้าผู้ทรงสูงส่งของพวกเขา และพวกเขาถือเป็นบททดสอบจากพระองค์เท่านั้น

โอ้พี่น้องมุสลิมชาวพม่า พวกเขาคือพี่น้องร่วมศรัทธา พวกเราคือลมหายใจ และเส้นสายโลหิตสายเดียวกันกับพวกเขา แม้พวกเขาจะต่างเชื่อชาติเผ่าพันธุ์ ต่างพื้นที่ ต่างภาษา และไม่เคยพบเจอและรู้จักกัน แต่สิ่งหนึ่งทีพวกเราและพวกเขาเหมือนกัน คือ สายธารแห่งศรัทธาที่ว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ถูกสักการะโดยเที่ยงแท้ นอกจากพระองค์อัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้น และท่านนบีมุหัมมัดเป็นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์

ในยามที่พวกเขาเจ็บปวดและมืดมน ไฉนพวกเราจะนิ่งเฉย และเย็นชา พวกเราวิงวอนขอจากพระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา โปรดทรงให้พวกเขาหลุดพ้นจากการกดขี่ ถูกเข่นฆ่าและทำลาย ให้พวกเขาพบแสงสว่างส่องนำทาง และมีชัยชนะเหนือเหล่าศัตรู อามีน...
 

2

 A resident walks past a burnt body in riot-hit Meiktila, central Myanmar on March 21, 2013. AFP PHOTO/ Soe Than WIN
Photos of killed Muslims  (9)

3

myanmar muslim killeing 32





✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น