เมื่อมุสลิมบางคน เมื่อให้สลามเสร็จสิ้นการละหมาดแล้ว ก็ลุกขึ้นทันที โดยละทิ้งการกล่าวขออภัยโทษ(เป็นดุอาอ์) และการกล่าวซิกิรสรรเสริญพระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา
และมีมุสลิมบางคน จะยกมือเพื่อขอดุอาอ์ภายหลังละหมาดฟัรฎูทันที โดยไม่ขออภัยโทษและการกล่าวซิกิรที่มีบัญญัติให้กระทำภายหลังละหมาดฟัรฎู เป็นการกระทำที่ค้านกับสุนนะฮฺ
ไม่ว่าการกล่าว “อัสตัฆฟิรุลลอฮ์ อัสตัฆฟิรุลลอฮ์ อัสตัฆฟิรุลลอฮ์ อัลลอฮุมม่า อันตัสส่าลาม วามินกัสส่าลาม ต้าบาร็อกต้า ยาซัลญะลาลิ วัลอิกฺรอม”
การกล่าว “ลาอิลาฮ่า อิ้ลลัลลอฮ์ , วะฆ์ด้าฮู ลาช่ารีก้าละฮ์ , ล่าอุลฮุลมุลกู้ ว่าล่าฮุลอัมดุ ว่าฮุว่าอ้าลากุลลิ ชัยอิน ก้อดีรฺ , อัลลอฮุมม่า ลามานิอ้า ลิมาอะฮ์ต็อยต้า ว่าลา มุอ์ฏิย่า ลิมา มานะอ์ต้า ว่าลา ยันฟ่าอุ ซัลญัดดิ มินกัลญัดดุ”
การกล่าว ซุบฮานัลลอฮ์ ,อัลฮัมดุลิลลาฮ์ ,อัลลอฮุอักบัรฺ
การอ่านสูเราะฮ์อัล-อิคลาศ สูเราะฮ์อัลฟะลัก สูเราะฮ์อันนาส
และอายะฮ์กุรฺซีย์ ซึ่งเป็นอายะที่ 255 ของสูเราะฮฺอัลบากอเราะฮฺ เป็นต้น
แต่มุสลิมบางคนก็ละทิ้งมัน โดยไม่กล่าวอะไรเลย หรือยกมือขอดุอาอ์ตามที่ตนประสงค์ทันที ทั้งที่การกล่าวดุอาอ์ขออภัยโทษ การกล่าวสรรเสริญพระองค์อัลลอฮฺ และการอ่านสูเราะฮฺที่กล่าวมาข้างต้นนั้นมีหลักฐานที่เป็นแบบอย่างจากท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม อย่างชัดเจน
ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่เราควรกล่าวดุอาอ์ขออภัยโทษ และซิกิร หลังจากการให้สลามออกจากละหมาด เพื่อให้เป็นไปตามสุนนะฮฺของของท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม และบรรดาศอหาบะฮฺที่ปฏิบัติและรายงานต่อๆกันมายังบรรดามุสลิมรุ่นหลัง
والله أعلم بالصواب
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น