อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

การกล่าวแต่คุณงามความดีของผู้ตาย


                 เมือมีมุสลิมคนใดเสียชีวิต ให้เรากล่าว หรือชมเชยผู้ตายแต่สิ่งดีงามของเขา เพราะการที่ผู้คนต่างพูดถึงเขาแต่ในเรื่องดีงาม ย่อมเป็นข่าวดีว่าผู้เสียชีวิตนั้นจะได้เข้าสวรรค์ ไม่กล่าวหรือกระทำการใดอันเป็นที่เสียหายแก่เขา เพราะการที่ผู้คนต่างพูดต่างพูดถึงผู้ตายแต่สิ่งไม่ดี ย่อมเป็นข่าวร้ายที่ผู้เสียชีวิตจะได้เข้านรก

รายงานจากท่านอนัส ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า
พวกเรา(ศอหาบะฮฺ) ได้ผ่านญะนาซะฮฺคนหนึ่ง พวกเขาก็ได้ชมเชยญะนาซะฮฺนั้น ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้ยินจึงกล่าว่า สมควรแล้ว แล้วพวกเขาก็ได้ผ่านอีกญะนาซะฮฺหนึ่ง แล้วพวกเขาก็ได้ตำหนิญะนาซะฮฺนั้น ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ก็กล่าวว่า “สมควรแล้ว ท่านอุมัร ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ จึงถามท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ว่า สมควรอะไรกันหรือท่านรสูล? ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ตอบว่า
: คนที่พวกท่านชมเชย สวรรค์ก็เป็นที่สมควรแก่เขาแล้ว และคนที่ท่านกล่าวตำหนิ นรกย่อมเป็นที่สมควรแก่เขาเช่นกันพวกท่านนั้นคือปวงพยานของอัลลอฮฺ ณ พื้นแผ่นดินนี้”
(บันทึกหะดิษโดยอิมามอัลบุคอรีย์ และมุสลิม)

สำหรับที่มุสลิมในบางพื้นที่ มีเจตนาถามเพื่อชักนำให้ผู้คนกล่าวชมเชยผู้ตาย
จะมีอิมามนำละหมาดญะนาซะฮฺหันมาถามมะอฺมูมหลังให้สลาม
 “คนๆนี้ได้เสียชีวิตลงแล้ว พวกท่านจะเป็นพยานให้แก่เขาว่าอย่างไร?”
 ก็จะมีคนตอบว่า “เขาเป็นคนดี” (ถึงแม้ว่าเขาเป็นคนชั่วช้าก็ตาม)

 ไม่มีเหตุสมควรใดเลยที่จะถามเช่นนี้ เพราะเป็นการบีบบังคับผู้อื่นเป็นพยาน และหากว่ามีใครสักคนเป็นพยานว่าผู้ตายคนนี้ไม่ดี แน่นอนย่อมจะเกิดฟิตนะฮฺจากการกระทำเช่นนี้อย่างแน่นอน ซึ่งจริงๆแล้ว ตามหะดิษข้างต้น ให้กล่าวชมเชย หรือเรื่องดีๆ ที่ผู้ตายได้กระทำไว้ในโลกนี้ตามความเป็นจริง ไม่ต้องพูดเรื่องที่ไม่ดีของญานะซะฮฺนั้น แต่ถ้าหากว่าผู้ตายนั้นเป็นคนกระทำชั่วมาตลอด จนไม่มีความดีใดๆแก่เขาเลย ก็ไม่ต้องพูดถึงสิ่งไม่ดี หรือด่า ว่าร้ายเแก่ผู้ตาย

รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎียัลลอฮุอันฮา เล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าว่า
“พวกท่านทั้งหลาย อย่าได้ด่าว่าบรรดาผู้เสียชีวิตไปแล้ว เพราะแท้จริง พวกเขาได้เพชิญกับสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไปแล้ว” (บันทึกหะดิษโดยอัลบุคอรีย์)

والله أعلم بالصواب

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น