ทุกๆการงานที่มุสลิมปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นกิจการทางดุนยา หรือกิจการศาสนา อันได้แก่ การทำอบิดะฮฺต่างๆ เช่น การละหมาด ถือศิลอด ประกอบพิธีฮัจญ์ เป็นต้น ไม่ใช่ว่าจะได้รับผลตอบแทนจากพระองค์อัลลอฮฺ ตามที่เรากระทำ หรือกล่าวออกมาจากภายนอก หรือที่ผู้อื่นเห็นเรากล่าว หรือกระทำเช่นนั้นเสมอไป แต่มันขึ้นอยู่ว่าการงานนั้นเราเนียต หรือตั้งเจตนาไว้อย่างไร
عَنْ أَمِيرِ الْمُؤْمِنِينَ أَبِي حَفْصٍ عُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ رضي الله عنه قَالَ: سَمِعْت رَسُولَ اللهِ صلى الله عليه وسلم يَقُولُ: " إنَّمَا الأَعْمَالُ بِالنِّيَّاتِ، وَإِنَّمَا لِكُلِّ امْرِئٍ مَا نَوَى، فَمَنْ كَانَتْ هِجْرَتُهُ إلَى اللهِ وَرَسُولِهِ فَهِجْرَتُهُ إلَى اللهِ وَرَسُولِهِ، وَمَنْ كَانَتْ هِجْرَتُهُ لِدُنْيَا يُصِيبُهَا أَوْ امْرَأَةٍ يَنْكِحُهَا فَهِجْرَتُهُ إلَى مَا هَاجَرَ إلَيْهِ" .
รายงานจากอะมีรุลมุอฺมินีน อบูหัฟศฺ อุมัร บิน อัลค็อตฏอบ เราะฎิยัลลอฮุอะนฮุ ท่านกล่าวว่า ข้าพเจ้าได้ยินท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า
“แท้จริงทุกๆการงานจะขึ้นอยู่กับการตั้งเจตนา และแท้จริงทุกๆคนจะได้รับ (การตอบแทน) ตามที่เขาได้เจตนาไว้ ดังนั้นผู้ใดที่การอพยพของเขามีเจตนาเพื่อ (แสวงหาความโปรดปรานจาก) อัลลอฮฺและรสูลของพระองค์ การอพยพของเขาก็จะกลับไปสู่ (ความโปรดปรานของ) อัลลอฮฺและรสูลของพระองค์ และผู้ใดที่การอพยพของเขามีเจตนาเพื่อ (ผลประโยชน์) ทางโลกที่เขาจะได้รับ หรือเพื่อหญิงนางหนึ่งที่เขาหวังจะแต่งงานด้วย การอพยพของเขาก็จะกลับคืนสู่สิ่งที่เขาได้อพยพไป (จะถูกพิจารณาตามที่เขาได้ตั้งเจตนาไว้)”
[ บันทึกโดย อัลบุคอรีย์, เลขที่ 1, มุสลิม, เลขที่ 1907 ]
ท่านอลฏอบรอนียฺ ได้กล่าวถึงเบื้องหลังของหะดิษนี้ โดยกล่าวถึงรายงานจากอิบนิมัสอูด กล่าว่าว่ามีชายคนหนึ่งได้หมั้นหญิงคนหนึ่งคนชื่อว่า อุมมุกอยซฺ และนางได้ปฏิเสฑที่จะแต่งงานกับเขา จนกว่าจะได้อพยพออกจากมักกะฮฺไปมะดีนะฮฺก่อน ต่อมาชายผู้นี้ก้ได้อพยพตามนางไป และได้แต่งงานกับนาง”
จากหะดิษนี้ จะเห็นได้ว่าถึงแม้แต่ละคนกระทำสิ่งเดียวกัน แต่ผลที่ได้รับตอบแทนจากพระองค์อัลลอฮฺแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเจตนา หรือการเนียตที่อยู่เบื้องลึกของจิตใจของเขานั้นเอง
เช่น หากมีการละหมาดญะมาอะฮฺ กันในมัสยิดหนึ่ง คนหนึ่งเขามีการเนียต หรือเจตนารมณ์มุ่งมั่นต่อการทำอิบาดะฮฺต่อพระองค์อัลลฮฺ ถึงแม้เขาจะไม่กล่าวอะไรออกมาก่อนจะเข้าเวลาละหมาดก็ตาม แต่การกระทำของเขา คือ ละหมาด ตรงกับเจตนารมณ์เบื้องลึกของเขา เขาผู้นั้นจะได้รับการตอบแทนผลบุญของการละหมาดนั้น แต่มุสลิมอีกคนหนึ่ง ก่อนละหมาดเขากล่าวออกมาอย่างอย่างชัดถ่อยชัดคำ ว่า อุศ็อลลี หรือ กูสะมายัง และการกระทำละหมาดของเขาภายนอกแบบประณีตถูกต้องตามแบบฉบับท่านรสูล ศ็อลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แต่เจตนาเนียตของเขาจริงๆ ก็เพื่อให้ใครคนหนึ่งยืนยอ หรือชมเชย ว่าเขาเป็นผู้ที่เคร่งคลัดศาสนา เขาก็จะไม่ได้รับผลตอบแทนจากพระองค์อัลลอฮฺในการละหมาดครั้งนั้น แต่เขาจะได้รับการยกย่องเชิดชูจากคนผู้อื่นว่าเขาเป็นคนเคร่งคลัดศาสนา แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่
ดังนั้น การกระทำบางอย่างด้วยปฏิกิริยาอาการ หรือ หรือกระทำด้วยปาก หรือด้วยลิ้นออกมาเป็นคำพูด เป็นเพียงการกระทำที่สื่อไปยังเจตนาภายในใจของเขา แต่ไม่ใช่ว่าการกระทำจากภายนอกทุกกรณีจะตัดสินได้ว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำจากใจจริงของเขาเสมอไป แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าว่าการกระทำภายนอกของเขาสอดคล้องกับเจตนาวัตถุประสงค์ของเขาภายในจิตใจหรือไม่ ถึงแม้บุคคลอื่นที่เห็น หรือได้รับฟังคำพูด ของเขา จะไม่ทราบความเป็นจริงภายในเบื้องลึกของจิตใจเขาก็ตาม แต่เจตนาซ้อนเร้นหรือเจตนาอำพลางของเขานั้น ไม่อาจปิดบังความจริงกับพระองค์อัลลอฮฺได้
والله أعلم بالصواب
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น