อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

มนุษย์เกิดมาโดยเริ่มต้นจากสภาพว่างเปล่าไม่มีผู้สร้างกระนั้นหรือ?

ทุกสิ่งที่มีจุดเริ่มต้น
                                     ต้องมีผู้สร้าง

การพิสูจน์การมีอยู่จริงของผู้เป็นเจ้าที่แท้จริง ซึ่งมนุษย์สามารถเข้าใจได้โดยง่าย
เราสามารถตั้งคำถามว่าว่า : 200 ปีที่แล้ว เราอยู่ที่ไหนกัน รวมถึงมนุษย์ทั้งโลกที่มีชีวิตในปัจจุบันด้วย

คำตอบ
มนุษย์ทั่วไป ก็คือ ไม่รู้ว่า 2 ร้อยปีที่แล้ว เราอยู่ที่ไหน นั้นก็หมายความว่า นั้นก็หมายความว่า เราขณะที่เป็นมนุษย์นั้น เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีมาก่อน

สมมุติมีห้องอยู่ห้องหนึ่ง เป็นห้องที่ไม่มีอะไรเลย เป็นไปได้ไหมว่า ห้องที่ไม่มีอะไรเลย วันดีคืนดี กลับมีคอมพิวเตอร์ มีน็อตบุคขึ้นมาในห้องนี้ มันเป็นไปไม่ได้ นั้นหมายความว่าความว่างเปล่า หรือความไม่มีอะไรเลย ไม่สามารถ หรือดลบันดาลให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นมาได้

และหากห้องเดียวกันนี้ มีส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ หรือส่วนประกอบของน็อตบุคอยู่บนพื้น โดยที่ยังไม่ได้ประกอบเป็นคอมพิวเตอร์หรือน็อตบุค วางเรียงรายอยู่บนพื้น ... เป็นไปได้ไหม? ว่า ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์หรือน็อตบุค จะรวมตัวขึ้น หรือประกอบขึ้นมาเป็นคอมพิวเตอร์ หรือน็อตบุคขึ้นมาด้วยตัวของมันเอง

คำตอบ
คือมันเป็นไปไม่ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งไม่มีชีวิต สิ่งไม่มีชีวิต กฎของมันก็คือ มันไม่สามารถสร้างหรือดลบันดาลให้ตัวของมันหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดขึ้นมาได้

เพราะฉะนั้น เมื่อเรายอมรับแล้วว่า 2 ร้อยปีที่แล้ว เราก็ไม่รู้อยู่ที่ไหน แสดงว่าเราเป็นความไม่มีอะไรมาก่อนเลย

คำถามต่อมาก็คือว่า ตัวมนุษย์ทั้งหมดที่อยู่บนโลกนี้ มีมาหรือเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่? หรือมีจุดเริ่มต้นขึ้นมาเมื่อไหร่กัน

เช่น นาย ก มีจุดเริ่มต้น คือเกิดมาเมื่อ 30 ปี ที่แล้ว ฉะนั้น ก่อนหน้านั้น คือก่อนนาย ก เกิดขึ้น 30 ปีที่แล้ว นาย ก เป็นสภาพที่ไม่มีอะไรมาก่อนเลย นาย ก จึงไม่สามารถสร้างตัวเองขึ้นมาในสภาพที่ว่างเปล่าได้เลย

คำถามต่อมาก็คือว่า
แล้วเราเกิดขึ้นมาได้อย่างไรกัน มนุษย์ทั้งหมดในโลกนี้เกิดเกิดขึ้นมาอย่างไรกัน ถ้าไปตามมนุษย์ทั่วๆไป ก็ได้คำตอบว่า เกิดจากน้ำอสุจิของพ่อของเรานี้ไง! พ่อก็เกิดจากน้ำอสุจิ นั้นสมมุติว่า กำหนดตเลขรหัสที่ 1 ถึง 100 สมมุติว่านาย ก เป็นเลขรหัสที่ 100 เกิดมาจากอสุจิของเลขรหัสที่ 99 รหัสที่ 99 เกิดมาจากอสุจิเลขรหัสที่ 98

คำถามต่อมาก็คือว่า
ถ้าไม่มีอสุจิเลขรหัสที่ 50 แล้วอสุจิเลขรหัสที่ 100 มีขึ้นมาได้อย่างไรกัน

คำตอบคือ
ไม่ได้ มันต้องเกิดจากกันและกัน อาศัยกันและกันมา

คำถาม
ในเมื่อมนุษย์เกิดขึ้นเองไม่ได้ อาศัยน้ำอสุจิของพ่อของเขา

คำถามต่อมา
แล้วมนุษย์คนแรก คู่แรก เกิดมาโดยไม่มีผู้บังเกิดกระนั้นหรือ? เกิดจากความว่างเปล่ากระนั้นหรือ?
กรณีที่ว่ามนุษย์เกิดมาจากลิง สมมุติว่าเราเห็นด้วยว่ามนุษย์เกิดมาจากลิง ตาทฤษฎีว่าด้วยวิวัฒนาการ
คำถามที่ถูกถามกลับไปว่า แล้วลิงเกิดมาจากความว่างเปล่าหรือ?

คำตอบ คือ ไม่ใช่ ลิงก็มาจากสิ่งหนึ่งๆ เหมือนกัน ซึ่งตามความเป็นจริงมนุษย์ไม่เกิดมาจากลิง
สำหรับน้ำอสุจิ ปัจจุบันนี้ ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้า

ถามว่า มีนักวิทยาศาสตร์สักคนหนึ่งไหม? ที่ประกาศให้ชาวโลกได้รู้ว่า สามารถ ผลิตน้ำอสุจิ ด้วยการนำมาเข้าห้องแล็บ นำเอาส่วนประกอบนั้น ประกอบนี้ มาผสมหรือปนกัน ที่ไม่ได้มาจากร่างกาย ที่มีตามท้องตลาด แล้วสามารถผลิตน้ำอสุจิ ออกมาได้ มีไหม?

คำตอบ
ไม่มี ทั้งๆที่นักวิทยาศาสตร์ ก็รู้ว่า อสุจิ ประกอบด้วยสิ่งนั้นสิ่งนี้ และมีน้ำอสุจิมีจำหน่ายอยู่ทั่วไป และสามารถเอามันมาได้

แต่กระนั้นก็ตาม ไม่มีนักวิทยาศาสตร์หน้าไหนเลยที่อ้างว่าตนสามารถสร้างอสุจิจากห้องแล็บได้
ตรงนี้เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า ไม่สามารถทำได้

สรุป แล้วว่ามนุษย์คนแรก ต้องมีผู้สร้าง เกิดจากความว่างเปล่าไม่ได้

คำถามต่อมาว่า
รได้รับบทเรียนแล้วว่า สิ่งใดก็แล้วแต่ ที่มีจุดเริ่มต้น สิ่งนั้นไม่สามารถสร้างหรือดลบันดาลตนเอง หรือสร้างอีกสิ่งหนึ่ง ให้เกิดขึ้นมาได้

ถ้ามีจุดเริ่มต้น โดยเฉพาะถ้าสิ่งนั้น มีจุดเริ่มเริ่มต้น และมีระบบการทำงานที่ซับซ้อนอยู่ในสิ่งนั้นๆ เป็นไปไม่ได้เลยว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นมาเองโดยความบังเอิญ

ยกตัวอย่าง เช่น เครื่องบิน รถยนต์ ร่างกายมนุษย์ มีระบบการทำงานซับซ้อน เครื่องบิน รถยนต์ มนุษย์ ต่างมีจุดเริ่มต้น

เพราะฉะนั้นแน่นอนที่สุด เครื่องบิน รถยนต์ มนุษย์ไม่สามารถที่ก่อขึ้นมาเองโดยไม่มีผู้สร้าง
ดังนั้น กฎ ก็คือว่า สิ่งใดที่มีจุดเริ่มต้นสิ่งนั้นก็ไม่สามารถสร้าง หรือดลบัลดานให้ตัวเอง หรือสิ่งอื่นเกิดขึ้นมาได้เองอย่างแน่นอน

จากบทเรียนที่เราได้รับก็คือว่า ถึงแม้ว่าเราไม่เห็นผู้สร้าง แต่เราเชื่อด้วยสามัญสำนึก เชื่อร้อยเปอร์เซ็นว่า จะต้องมีผู้สร้าง เชกเช่นเราไปยังสถานที่หรือโรงงานแห่งหนึ่ง ที่เห็นความอลังกาลของโรงงานแห่งนี้ มีระบบการทำงานที่ซับซ้อน ระเบียบและระบบอย่างดีเยี่ยม ในสามัญสำนึกฟ้องเลยว่า ว่านี้ใครสร้างกัน โรงงานนี้จะต้องมีผู้สร้าง โรงงานจะต้องมีผู้ออกแบบ ผู้จัดการ ผู้ควบคุมการทำงานของโรงงานแห่งนี้ เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์คิดว่าระบบการทำงานทั้งหมด เกิดขึ้นมาเอง อิฐ หิน ปูน ทราย เหล็ก เกิดขึ้นมาเป็นโรงงานเอง

โลกใบนี้ นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า มีอายุ 4,500 ล้านปีที่แล้ว เพราะฉะนั้น ก่อน 4,500ล้านปีที่แล้ว โลกยังไม่มี ก็ถือว่าโลกเกิดมาโดยมีจุดเริ่มต้น เมื่อ4,500ล้านปีนี้เอง โลกจึงไม่สามารถเกิดขึ้นด้วยตัวของมันเองได้ จำเป็นต้องมีผู้สร้าง เราไม่จำเป็นต้องมองสิ่งที่ใหญ่โตมีระบบซับซ้อน แม้แต่ไม้จิ่มฟันอันเล็กๆ สามัญสำนึกของเราก็เชื่อได้เลยว่าต้องมีผู้สร้าง ทั้งที่ไม่เคยเห็นผู้ที่สร้างมัน

และสิ่งที่เรามองไม่เห็นนี้ ไม่จำเป็นว่าสิ่งนั้นจะไม่มี เช่น อะตอม ไม่มีใครหรือนักวิทยาศาสตร์คนใดบอกว่าเห็นอะตอม แต่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นว่ามีอะตอมที่เป็นส่วนประกอบสำคัญด้วย


والله أعلم بالصواب

ถอดคำบรรยายของ อาจารย์ชารีฟ วงศ์เสงี่ยม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น