อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2557

การเดินขบวนประท้วง



การเดินขบวนประท้วง 

ตอบ โดย เชค บินบาซ ร่อฮิม่าฮุลลอฮุ
ตอบโต้วิชาการ ต่อ บรรดาแกนนำที่ เรียกร้องสู่การเดินขบวนประท้วง

** คำฟัตวาของเชค อับดุลอะซีซ บิน บาซ

เชคอับดุลอะซีซ บิน บาซ -ร่อฮีม่าฮุลลอฮ์- กล่าวว่า “ วิธีการที่ดีย่อมเป็นสื่อสำคัญที่จะให้ความจริงได้รับการยอมรับ ส่วนวิธีการที่รุนแรงและไม่ดีก็เป็นอันตรายใหญ่หลวงต่อการปฏิเสธความจริง หรือเป็นฉนวนของความสับสน ความอธรรม การเป็นศัตรู และการก่อเหตุวิวาท

การชุมนุมประท้วงที่คนบางกลุ่มกระทำขึ้นก็จัดอยู่ในประเภทหลังนี้เช่นกัน ซึ่งนับเป็นสาเหตุสำคัญที่สร้างอันตรายและความเสียหายต่อนักเผยแพร่ ดังนั้นการเดินขบวนไปตามท้องถนนหรือตะโกนโห่ร้องจึงไม่ใช่วิธีการถูกต้องและสร้างสรรค์หรือเป็นวิธีการเรียกร้องไปสู่ความดีงาม หากแต่วิธีการที่ถูกต้องนั้นก็คือการเยี่ยมเยือน(หากทำได้) ส่งสารด้วยการเรียกร้องไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นหัวหน้า ผู้นำ หรือผู้นำตระกูล ก็สมควรจะได้รับคำเตือนท้วงติงด้วยวิธีการดังกล่าว ไม่ใช่ด้วยความรุรแรงหรือชุมนุมประท้วง

فالنبي صلى الله عليه وسلم مكث في مكة ثلاث عشرة سنة ، لم يستعمل المظاهرات ولا المسيرات ولم يهدد الناس بتخريب أموالهم واغتيالهم

ท่านนบีมุฮำหมัด ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อยู่มักกะห์นานถึงสิบสามปี ท่านก็ไม่เคยใช้วิธีการเดินชุมนุมประท้วง(ทั้งๆ ที่ท่านและผู้ศรัทธาทั้งหลายก็ได้รับการกดขี่ข่มเหงจากชาวมักกะห์ผู้ไม่ศรัทธา) ท่านนบีไม่เคยข่มขู่ว่าจะประทุษร้ายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ข่มเหงแต่อย่างใด

ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิธีการดังกล่าว (การชุมนุมประท้วง) จะก่อเกิดความเสียหายแก่นักเผยแพร่และการเผยแพร่ อีกทั้งยังเป็นการกีดกันมิให้การเผยแพร่ขยายตัวออกไปอีกด้วย ผู้มีอำนาจทั้งหลายก็จะตั้งตนเป็นศัตรูและขัดขวางการเผยแพร่เท่าที่พวกเขากระทำได้ ผู้เดินขบวนอาจทำไปด้วยเจตนาอันดี แต่สิ่งที่ได้รับกลับกลายเป็นตรงกันข้าม

ولاشك أن هذا الأسلوب يضر بالدعوة والدعاة ، ويمنع انتشارها ، ويحمل الرؤساء والكبار على معاداتها ومضادتها بكل ممكن ، فهم يريدون الخير بهذا الأسلوب لكن يحصل به ضده

ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิธีการดังกล่าว (การชุมนุมประท้วง) จะก่อเกิดความเสียหายแก่นักเผยแพร่และการเผยแพร่ อีกทั้งยังเป็นการกีดกันมิให้การเผยแพร่ขยายตัวออกไปอีกด้วย ผู้มีอำนาจทั้งหลายก็จะตั้งตนเป็นศัตรูและขัดขวางการเผยแพร่เท่าที่พวกเขากระทำได้ ผู้เดินขบวนอาจทำไปด้วยเจตนาอันดี แต่สิ่งที่ได้รับกลับกลายเป็นตรงกันข้าม

فكون الداعي إلى الله يسلك مسلك الرسل وأتباعهم ، ولوطالت المدة أولى من عمل يضر الدعوة ويضايقها أو يضي عليها لاحول ولا قوة إلا بالله

مجلة البحوث الإسلامية العدد :٣١ ص: ٣١٠

การที่ผู้เรียกร้องไปสู่อัลลลอฮ์เจริญรอยตามวิถีทางของบรรดาร่อซูลซึ่งอาจจะมีผลล่าช้าไปบ้างแต่ก็ยังดีกว่าการกระทำที่ก่อให้เกิดผลร้ายต่อการเผยแพร่ หรืออาจทำให้การเผยแพร่เป็นอันต้องยุติลง ไม่มีพลังและอำนาจใดเว้นแต่ด้วยพลังและอำนาจของอัลลอฮ์”

คัดจากวารสาร อัล-บุฮูษ อัล-อิสลามียะห์ ฉบับที่ 31หน้า310

....................................................................................................................................


การเดินขบวนประท้วง

 ตอบ โดย เชค ซอและฮ์ อินนุ อุษัยมีน ร่อฮิม่าฮุลลอฮุ

ตอบโต้วิชาการ ต่อ บรรดาแกนนำ ที่เรียกร้องสู่การเดินขบวนประท้วง


คำฟัตวาของเชค ซอและห์ อิบนุ อุษัยมีน

ท่านถูกถามว่า การชุมนุมประท้วงนับเป็นสื่อของการเรียกร้องที่ถูกต้องตามหลักการหรือไม่ ?

ท่านตอบว่า “ อัลฮัมดุลิลลาห์..... ฯลฯ การชุมนุมประท้วงนับเป็นเรื่องใหม่ซึ่งไม่เป็นที่รู้จักในยุคของท่านนบี ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และก็ไม่เป็นที่รู้จักในยุคของคุละฟาอ์-รอชิดีน(อบูบักร อุมัร อุษมาน และอาลี) การชุมนุมประท้วงแต่ละครั้งมักจะมีการทำให้เสียทรัพย์และสร้างความโกรธแค้น การชุมนุมประท้วงจึงเป็นสิ่งที่ต้องห้าม อีกทั้งยังเป็นเหตุให้ชายหญิงปะปนกัน ทุบกระจกประตู และการกระทำอื่นๆ ที่รุนแรง อันเป็นสิ่งที่เสียหายและน่ารังเกียจยิ่ง

وأما مسئلة الضغط على الحكومة فهي إن كانت مسلمة فيكفيها واعظا بكتاب الله وسنة رسول الله صلى الله عليه وسلم وهذا خير ما يعرض على المسلم ، وإن كانت كافرة فإنها لا تبالي بهؤلاء المتظاهرين بشيء ، وسوف تجاملهم ظاهرا ، وهي ماهي عليه من الشر في الباطن ، لذلك نرى أن المظاهرات أمر منكر
ส่วนประเด็นการกดดันรัฐบาลนั้น หากรัฐบาล(ที่ถูกกดดันด้วยการชุมนุมประท้วง)เป็นรัฐบาลมุสลิม เพียงใช้การตักเตือนด้วยกิตาบุลลอฮ์และซุนนะห์ของท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมก็นับว่าพอเพียงแล้ว และหากมิใช่รัฐบาลมุสลิม เขาก็คงไม่มาใยดีต่อผู้ชุมนุมประท้วงแต่อย่างใด ภายนอกก็อาจจะแสดงความเป็นมิตรต่อผู้ประท้วงแต่ภายในอาจคิดการไม่ดีก็ได้ ดังนั้นจึงเห็นว่าการชุมนุมประท้วงเป็นสิ่งทีไม่น่ากระทำยิ่ง

ส่วนข้ออ้างที่ว่าการชุมนุมประท้วงเป็นไปโดยสันติ ก็อาจเป็นจริงตามที่อ้างในเบื้องต้น แต่ไม่ช้า (หากมีผู้เข้าร่วมชุมนุมมากขึ้นๆ) ก็จะกลายเป็นการทำลายล้างไปในที่สุด ดังนั้นฉัน(เชคซอและห์) ขอเตือนหนุ่มสาวว่าให้เจริญรอยตามบรรพชนรุ่นแรกเถิด (สะลัฟ) เพราะอัลลอฮ์ได้ชื่นชมทั้งมุฮาญิรีน(ผู้อพยบจากมักกะห์ไปมะดีนะห์)และอันศอร(ชาวเมืองมะดีนะห์ที่คอยให้ความช่วยเหลือ) อีกทั้งพระองค์ยังได้ชื่นชมผู้คนในยุคต่อมาที่เจริญรอยตามทางท่านเหล่านั้นด้วย

คัดจากหนังสือ อัลญะวาบ อัลอับฮัร หน้า ٧٥
.....................................................................................................................................


เรื่องการเดินขบวนประท้วง 
ไม่เป็นที่รู้จักในอิสลาม


ฟัตตวาโดยเชค อะห์หมัด นัจมีย์
..................................................
ท่านกล่าวถึงข้อสังเกตุของท่านที่มีต่อกลุ่ม อิควานุลมุสลิมีน
ซึ่งเป็นข้อสังเกตุที่ ٢٣ ว่า

“การชุมนุมประท้วงไม่เป็นที่รู้จักในอิสลามและอิสลามก็ไม่ยอมรับด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นสิ่งอุตหริที่เกิดขึ้นใหม่ เป็นการกระทำของกุฟฟาร ซึ่งเล็ดลอดเข้ามาสู่พวกเรา(มุสลิม) และส่วนใหญ่ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรพวกเรามักทำตามเสมอ

إن الإسلام لا ينتصر بالمسيرات والتظاهرات ، ولكن ينتصر بالجهاد الذي يكون مبنيا على العقيدة الصحيحة والطريق التي سنها محمد بين عبد الله صلى الله عليه وسلم ، ولقد ابتلي الرسل وأتباعهم بأنواع من الابتلاءات فلم يؤمروا إلا بالصبر، فهذا موسى عليه السلام يقول لبني إسرائيل –رغم ما كانوا يلاقونه من فرعون وقومه من تقتيل الذكور من المواليد واستحياء الإناث – يقول لهم ما أخبر الله – عزوجل- به عنه قال موسى لقومه
( قال موسى لقومه استعينوا بالله واصبروا إن الأرض لله يورثها من يشاء من عباده والعاقبة للمتقين ) الأعراف : ١٣٨

อิสลามจะชนะศัตรูด้วยการชุมนุมประท้วงก็หาไม่ แต่จะชนะก็ด้วยการต่อสู้บนพื้นฐานอะกีดะห์ที่ถูกต้อง บนแนวทางของท่านนบี ศ้อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ที่ได้วางไว้เป็นรูปแบบที่ชัดเจน บรรดาร่อซูลในยุคอดีตต่างก็ได้รับการทดสอบมาด้วยวิธีการอันหลากหลาย แต่ก็ไม่มีท่านใดได้รับบัญชาจากอัลลอฮ์(ให้ชุมนุมประท้วง)นอกเสียจากให้อดกลั้นอดทน(ในขณะที่ไม่มีกำลังความสามารถพอที่จะต่อสู้กับศัตรูได้) ดูนบีมูซาเป็นตัวอย่าง ท่านได้กล่าวแก่หมู่ชนของท่านตามที่อัลลอฮ์ได้เล่าให้เราฟังดังนี้ “มูซาได้กล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า พวกท่านจงขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์และจงอดทนเถิด แท้จริงแผ่นดินของอัอลลอฮ์นั้น พระองค์จะมอบเป็นมรดกแก่ผู้ใดก็ได้จากปวงบ่าวของพระองค์ตามที่ทรงประสงค์ และบั้นปลายนั้นเป็นของผู้ยำเกรง” อัลอะอ์รอฟ อายะห์ที่ ١٣٨

ทั้งๆที่ฟิรอูนกดขี่ข่มเหงหมู่ชนของมูซาสักเพียงใดก็ตาม ทารกเพศชายที่เกิดมาก็ถูกฟิรอูนสั่งฆ่าเสียสิ้น ปล่อยไว้แต่ทารกเพศหญิง

وهذا رسول الله صلى الله عليه وسلم يقول لبعض أصحابه ملا شكوا إليه ما يلقونه من المشركين : (إن من كان قبلكم كان يؤتى بالرجل منهم فيوضع المنشار في مفرق حتى يشق ما بين رجليه ما يصده ذلك عن دينه ، وليتمن الله هذا الأمر حتى يسير الرجل من صنعاء إلى حضرموت لا يخاف إلا الله والذنب على غنمه ، ولكنكم تستعجلون ) فلم يأمر أصحابه بمظاهرات ولا اغتيالات

المورد العذب ص : ٢٢٨

ท่านนบีมุฮำหมัด ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็ได้กล่าวแก่หมู่ชนของท่านในขณะที่พวกเขาร้องเรียนท่านถึงการข่มเหงของมุชริกีน(ชาวมักกะห์)ที่มีต่อพวกเขาว่า “แท้จริงคนก่อนหน้าพวกเจ้าถูกนำมาแล้วเอาเลื่อยผ่าตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า ก็ยังไม่ทำให้เขาละทิ้งศาสนา ไม่ช้าอัลลอฮ์จะให้แก่ศาสนานี้(คือจะรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่) จนกระทั้งผู้เดินทางจากเมื่องศอนอาอ์ไปยังเมื่องฮะฎ่อร่อมูตอย่างไม่ต้องกลัวสิ่งใดนอกจากอัลลลอฮ์ แม้ว่าสุนัขจิ้งจอกจะอยู่กับฝูงแกะของเขาก็ตาม หากแต่พวกเจ้าทั้งหลายกลับรีบร้อนกันเหลือเกิน”

ท่านนบีไม่ได้ใช้ให้บรรดาศ่อฮาบะห์ออกไปเดินชุมนุมประท้วงมุชริกีนหรือลอบสังหารพวกเขาแต่ประการใด

.........................................................................................................................................


เดินขบวนประท้วง ผิดหลักการไหม


ตอบโดย อาจารณ์ Ishak Phongmanee



ขอดุอาให้พี่น้องปาเลสไตน์พ้นทุกพ้นโศกเร็ววัน เศร้าใจเมื่อดูข่าว เรามีดุอาด้วยใจจริง เราคงทำอะไรมิได้มากว่านี้ เดินขบวน ไม่ใข่คำตอบ เดินกันมาหลายครั้งผลเสียมากกว่าผลได้ เป็นเพียงการระบายอารมณ์เท่านั้น เดินแล้วเดินอีก มุสลิมก็ยังถูกยำยี ทำร้าย ข่มเหง ดังนั้นยังไม่เห็นว่าการเดินประทวงจะได้อะไรคืนกลับมา นอกจากสิ่งที่ผิดหลักการ


...........................................
Buhngar Binty Dawood โพส










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น