อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เตือนใจโต๊ะหมอแขก








การเป็นโต๊ะหมอแขก ที่เห็นกันอยู่ในบ้านเรานั้น มันไม่มีแบบอย่างจากหลักคำสอนหรือปฏิบัติตามบทบัญัติอิสลาม แต่มันเข้าข่ายผู้ที่กระทำตนดั่งผู้มีขุนใส ฝึกการทำเวทมนต์คาถาใสยศาตร์ การดูดวงเสี่ยงทาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดแย้งและต้องห้ามตามบทบัญญัติอิสลาม  

โต๊ะหมอแขกบอกว่าตนเป็นผู้รู้ในสิ่งเร้นลับ ทั้งพระองค์อัลลอฮฺทรงกล่าวไว้ชัดเจนว่าพระองค์จะไม่ให้ใครรู้ในสิ่งเร้นลับของพระองค์ ยกเว้นรสูลของพระองค์ในบางครั้งบางเวลาเท่านั้น

พระองค์อัลลอฮ์ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

عَالِمُ الْغَيْبِ فَلَا يُظْهِرُ عَلَىٰ غَيْبِهِ أَحَدًا ( 26 )
พระผู้ทรงรอบรู้สิ่งเร้นลับ ดังนั้นพระองค์จะไม่ทรงเปิดเผยสิ่งเร้นลับของพระองค์แก่ผู้ใด
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัล-ญิน 72:26)

ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่าการทำไสยศาตร์นั้นคือบาปใหญ่

ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่าการถือโชคลางเป็นการตั้งภาคี

ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า การทำเวทมนต์คาถา เครื่องรางของขลัง และติวะละฮฺเสน่ห์(ยาแฝด) สิ่งที่พวกผู้หญิงทำขึ้นเพื่อให้สามีหลงรักเป็นชีริก

ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า ผู้ใดไปหาหมอดู เพื่อที่จะถามและเชื่อตามที่หมอดูบอก การละหมาดของเขาจะไม่ถูกตอบรับเป็นเวลา 40 วัน และถ้าหากเขาเชื่อในสิ่งที่หมอดูพูด ถือว่าเขาได้ปฏิเสธสิ่งที่ถูกประทานให้แก่มุฮัมมัด คืออัลกุรอานแล้ว 

ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ห้ามราคาค่าดูหมอของหมอดู

ท่านอุมัร (ร่อฎียัลลอฮุอันฮ์) กล่าวว่า
“พวกท่านจงประหารผู้ทำไสยศาสตร์ และหมอผีทุกคน”

“ความจริง ถ้าทั้งสองขออภัยโทษกลับเนื้อกลับตัว ก็ไม่ถูกฆ่า”

โต๊ะหมอแขกในบ้านเรา ซึ่งตกทอดมาจากบรรพบุรุษ มันจะต่างอะไรกันกับ หมอดู หมอผี ผู้ทำเวทมนต์คาถา ผู้ทำเครื่องรางของขลัง ผู้ทำเสน่ห์ยาแฝด อันเป็นสาขาของไสยศาสตร์ ซึ่งเป็นที่ต้องห้ามตามบทบัญญัติอิสลาม เมื่อโต๊ะหมอแขกแต่งกายสวมผ้าโต๊บ สวมหมวกโพกสะระบั่น มือหนึ่งถือลูกตัสเบียะฮ์ แต่กลับนั่งทำพิธีเสกเป่าคาถา ลงในน้ำ ข้าวเปลือก ข้าวสาร เพื่อให้คนใดคนหนึ่งหลงรัก นั่งทำตะกรุด อะซีมัต แล้วเสกเป่า นำมาแขวนเพื่อป้องกันผี ป้องกันการเจ็บไข้ได้ป่วย หรือป้องกันอุบัติเหตุ แม้ผู้แขวนจะไม่มีการทำการละหมาด นั่งทายทักดูลายนิ้วมือ จุดเทียน ดูของหาย ทั้งหมดอยู่ในข่ายของหมอดู หรือผู้ทำไสยศาสตร์ทั้งสิ้น

เมื่อการเป็นโต๊ะหมอแขก คือ ผู้ที่ทำสิ่งของเครื่องรางของขลัง การเสกเป๋า การดูดวงทายทักชะตาชีวิต หรือการทำเสน่ห์ยาแฝด เพื่อให้คนหลงรัก หรือให้เกลียดชังกัน อันอยู่ในข่ายเวทมนต์ไสยศาสตร์ ที่เป็นชิริก และเป็นบาปใหญ่นั้น จึงจำเป็นสำหรับผู้ที่ทำตัวเป็นโต๊ะหมอกแขก หรืออยู่ในลักษณะะเหล่านั้น หยุด ละ เลิกมันเสีย แล้วกลับเนื้อกลับตัว เตาบัตตัวสู่พระองค์อัลลอฮฺเถิด ก่อนที่มันจะสายเกินไปสำหรับท่าน

มันมีให้เห็นเป็นตัวอย่างสำหรับผู้เป็นโต๊ะหมอแขก ที่พระองค์อัลลอฮตะอาลา ประสงค์ให้เขาเห็น เพื่อที่จะให้เขากลับเนื้อกลับตัว อย่างที่ได้รับการบอกเล่าจากโต๊ะหมอแขกท่านหนึ่งซึ่งเป็นญาติสนิท เขาเล่าว่า ก่อนที่เขาจะไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ นครมักกะฮฺ ประเทศซาอุอาราเบีย เขาขอเตาบัตตัวต่อพระองค์อัลลอฮฺ ว่าเมื่อกลับจากประกอบพิธีฮัจญ์แล้ว จะเลิกละสิ่งที่กระทำมาทั้งหมดเกี่ยวกับโต๊ะหมอแขก แต่เมื่อเขากลับมาจากประกอบพิธีฮัจญ์ เขาก็กลับมาเป็นโต๊ะหมอแขกเช่นเดิมอีก แต่การทำพิธีของเขาก็ไร้ผล เขาต้องพยายามทำมันอีกหลายๆครั้ง มันจึงกลับมาเหมือนเดิมอีก

อีกเรื่องหนึ่งได้รับการบอกเล่า (จากอาจารย์มุสตอฟา อยู่เป็นสุข)  ท่านเล่าว่า มีชายคนหนึ่งที่มีอาชีพเป็นโต๊ะหมอเป็นหลัก ครันเมือเขาไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ นครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดิอาราเบีย เมื่อถึงประตูมัสยิดอัลฮารอม เพื่อที่จะเข้าไปประกอบพิธีฮัจญ์ยังในมัสยิดอัลฮารอมนั้น แต่เมื่อเขาเข้าไปกลับมองไม่เห็นบัยตุลลอฮ์ หรืออัลกะบะฮ์เลย เขาจึงไม่สามารถประกอบพิธีฮัจญ์ครั้งนั้นได้ และต้องเดินทางกลับเมืองไทยโดยสูญเปล่า

เรื่องราวทั้งสองดังกล่าว คงเป็นอุทธาหรณ์เตือนใจผู้ที่ยังเป็นโต๊ะหมอแขกอยู่ไม่มากก็น้อย ที่จะกลับเนื้อกลับตัวยังพระองค์อัลลอฮฺโดยเร็ว


والله أعلم بالصواب





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น