อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557

คนตาย และสุสาน (ข้อคิดจากสุสาน)



**** ข้อคิดจากสุสาน ****

ท่านอิบรอฮิม อิบนุอัลอัชอัษ กล่าวว่า

"ฉันไม่เคบเห็นผู้่ใดถืออัลลอฮฺยิ่งใหญ่ ความรู้สึกของท่านอัลฟุฏัยลฺ คือเมื่อท่านระลึกถึงอัลลอฮฺเพียงลำพังหรือร่วมอยู่กับบุคคลอื่นหรือได้ยินเสียงอ่านอัลกุรอานก็ตาม ท่านจะเกิดความรู้สึกกลัวและเสียใจ จนกระทั่งน้ำตาเอ่อคลอเบ้า และท่านจะร้องไห้อย่างมากมาย จนกระทั่งบรรดาผู้ที่เห็นรู้สึกสงสารจับใจ โดยปกติท่านเป็นบุคคลทีี่มักเศร้าสร้อย เจ้าความคิด ฉันไม่เคยเห็นใครเลยที่ถืออัลลอฮฺเป็นเป้าหมายสำคัญในทุกเรื่อง เช่น ความรู้และการปฏิบัติ การได้และการรับ การเก็บไว้และการใช้ไป การโกรธและการรักและในทุก ๆ เรื่องเหมือนเช่นท่าน (อัลฟุฏัยลฺ) และครั้งหนึ่งขณะที่เราได้เดินทาง เพื่อเยี่ยมญานะซะฮฺ ท่านก็สอนผู้คนอยู่ แล้วท่านก็ร้องไห้ ดุจดังเหมือนจะพรากจากกัน ท่านคือผู้เดินทางสู่อาคิเราะฮฺอยู่ตลอดเวลา

จนกระทั่่งวาระสุดท้าย ขณะที่ท่านนั่งอนู่ในสุสานท่านแสดงความเสียใจและร้องไห้กระทั่งยืนขึ้น และกลับไปบอกเรื่องราวเสมือนหนึ่งว่า ท่านเพิ่งกลับจากโลกอาคิเราะฮฺเลยทีเดียว

ภายในขบวนรถไฟแห่งกาลเวลา ที่ขับเคลื่อนแต่ละวงล้อออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อมุ่งหน้าสู่ "จุดหมายร่วม (สุสาน)" จอดรับบรรดาผู้โดยสาน ไม่เว้นแต่ละสถานี มนุษย์ต่างเดินทางสู่จุดหมายอันนั้น ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วเขาอยากจะหนีออกห่างจากมันก็ตาม ดั่งคำกล่าวของท่านอัล รอฟิอีย์ ที่ว่า

"สิ่งใดที่มนุษย์หนีจากมัน เขาย่อมละทิ้งมันไว้เบื้องหลังยกเว้นสุสาน (กุโบรฺ) เพราะไม่มีผู้ใดหนีจากมันพ้น นอกจากต้ัองพบกับมันเบื้องหน้ามันเฝ้ารอคอยทุกคนอยู่เสมอโดยไม่เบื่อหน่าย และท่านก็คนหนึ่งที่มุ่งหน้าไปหามันอยู่เสมอ โดยไม่มีโอกาสกลับหลังเช่นกัน"

รายงานจากอัลบัรฺรอฮฺ กล่าวว่า

"ครั่งหนึ่งเราได้อยู่กับท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในการเยี่ยมญะนาซะฮฺของคนหนึ่ง ดังนั้นท่านก็นั่งอยู่ปากหลุมศพและร้องไห้จนกระทั่งน้ำตานองหน้า หลังจากนั้น (ท่านหันมาทางเราและ) กล่าวว่า "โอ้พี่น้องเอ๋ย...พวกท่านจะต้องเหมือนเช่นชายผู้นี้แหละ ดังนั้น จงเตรียมตัวไว้เถิด" (หะดีษหะซัน เศาะเฮียะฮฺ สุนันอิบนุมาญะฮฺ, บาบอัลหุซนุ วัลยุกาอฺ, หะดีษเลขที่ 3383)

โอ น่าอนาถแท้ ชาวสุสานผู้ที่หมดโอกาสจากการกระทำคุณงามความดีเพิ่มเติมแล้ว

แต่กระนั้นยังมีผู้ที่น่าเวทนายิ่งกว่านั้นอีกก็คือ ผู้ที่รู้อยู่แก่ใจว่าจะต้องตายสักวันหนึ่งไม่เร็วก็ช้า แต่ขณะนี้ตัวเองกลับเถลไถลไม่ยอมสร้างสมเสบียง (อะมั้ล) เอาไว้ใช้ เมื่อตอนที่ถูกปล่อยให้นอนอยู่โดดเดี่ยวเพียงลำพัง ไร้ญาติขาดมิตรในหลุมสุสานที่มีแต่ความว่างเปล่าเปลี่ยวมืดมิด น่าสะพรึงกลัวและน่าสยดสยอง ในสภาพที่พวกเขาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้อีกเลย

การเยี่ยมสุสาน ทำให้ใเรามีสติขึ้นมาจากสภาพความหลงใหลดุนยาและได้ตระหนักถึงวาระสุดท้าย (อะญัล) ของชีวิตที่กำลังใกล้เข้ามา และจะได้รีบเร่งสะสมความดีเตรียมพร้อมเอาไว้เพื่อ ณ วันนั้น ตามที่ชาวสลัฟท่านหนึ่งชื่ออุมัรฺ บินอุตบะฮฺ เข้าใจ คือ ในค่ำคืนหนึ่งท่านได้เดินทางออกจากบ้านพร้อมด้วยม้าตัวหนึ่ง เมื่อผ่านสุสานท่านก็หยุดยืนอยู่หน้าปากหลุมและกล่าวว่า

"โอ้ชาวสุสานเอ๋ย สมุดบันทึกนั้นได้ถูกปิดแล้ว และการกระทำทั้งหลายก็ถูกยกไปแล้ว"

พลางท่านก็ร้องไห้ และยืนอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งรุ่งสาง จึงเดินกลับไปนมาซศุบฮฺ
.................................................

**** สัจจะแห่งความยำเกรง ****

ครั้งหนึ่งท่านอัลหะซัน อัลบัศรีย์ ได้ไปเยี่ยมศพของชายผู้หนึ่งท่านนั่งอยู่บนปากหลุมและกล่าวว่า

"แท้จริงชายผู้นี้ ชีวิตตอนต้นของเขาสมควรที่ต้องกลัวตอนบั้นปลาย แท้จริงชายผู้นี้ ตอนบั้นปลายของเขาควรมักน้อยกว่าตอนแรก และวันนี้พกพาร่างอันไร้วิญญาณเอาไว้ ช่วงเวลาของอายุขัยได้หมดไปแล้วอย่างสมบูรณ์ แม้โลกจะให้สิ่งทั้งหมดเพื่อต่อเวลาแล้วสักวินาทีเดียว ก็ย่อมไม่ได้อีกแล้ว และวันพรุ่งนี้ผู้ที่หามอาจเป็นฝ่ายถูกหามอีก ท่ามกลางญาติมิตรที่ไปส่งอย่างอาลัย"

วันนั้นท่านมาลิก บินดีนารฺ ได้เข้าไปในสุสาน ท่านได้ยืนอยู่ที่ปากหลุมดู ขณะที่ศพของชายตนหนึ่งกำลังถูกดินกลบ ท่านจึงกล่าวกับตัวเองว่า

"โอ้มาลิกเอ๋ย พรุ่งนี้เจ้าอาจเป็นเช่นนี้ไม่มีสิ่งใด ๆ ติดมือไปแม้แต่หมอนสักใบในหลุมฝังศพ"

ท่านกล่าวอยู่เช่นนั้น จนกระทั่งเป็นลมตกลงไปในหลุมนั้่นด้วยจนผู้พบเห็นต้องรีบนำขึ้นมา และช่วยกันหามไปส่งที่บ้านทั้งขณะที่หมดสติอยู่

...................................................

(จากหนังสือ : เมื่อผู้ศรัทธาร้องไห้)

เขียน : อับดุรเราะฮฺมาน บินอับดิลลาฮฺ อัลละอฺบูน
แปล : นัศรุลลอฮฺ ต็อยยิบ
อดทน เพื่อชัยชนะ โพส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น