อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สะอัด บิน อบีวักกอส รอฎิยัลลอฮุอันฮู




10 ศอฮาบะฮฺ ผู้ได้รับสัญญาสวรรค์



ท่านที่ 9

***สะอัด บิน อบีวักกอส รอฎิยัลลอฮุอันฮู**

ชื่อ สะอัด บิน อบีวักกอส

เชื้อสาย ท่านมีศักดิ์เป็นน้าชายของท่านนบี (ซ.ล.) เนื่องจากคุณปู่ของท่านคือ อุ
ฮัยบฺ อิบนิ มานาฟ มีศักดิ์เป็นอาของท่านหญิง อะมีนะฮฺ บินติ คุวัยลิด มารดาของท่านนบี (ซ.ล.)

มารดา หัมนะฮฺ บินติ ซุฟยาน บิน อุมัยยะฮฺ

....บุคลิกภาพ / อุปนิสัย

เป็นผู้มีจิตใจอ่อนโยน นอบน้อมถ่อมตน กตัญญูรู้คุณพ่อแม่ ช่างคิด เฉลียวฉลาด พูดเก่ง ในช่วงวัยหนุ่มเขาไม่ค่อยชอบความบันเทิงที่มีอยู่ในยุคนั้น ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำธนู ซ่อมธนู และฝึกยิงธนู

.....การเข้ารับอิสลาม

คืนหนึ่ง ขณะสะอัดนอนหลับอยู่ เขาฝันไปว่าได้พบกับลำธารสายหนึ่งซึ่งมีแสงส่องระยิบระยับ รอบ ๆ ลำธารมีความสงบร่มเย็น ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี เมื่อตื่นขึ้นมา เขารู้สึกแปลกใจและถามตัวเองว่าความฝันนี้คืออะไรกัน ทั้งที่สภาพเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อนเลยในนครมักกะฮฺ

รุ่งเช้าเขาจึงออกตระเวนรอบ ๆ นครมักกะฮฺเพื่อจะหาสถานที่ดังกล่าวหรืออาจจะถามใครสักคนหนึ่งที่รู้เรื่องนี้ เขาจึงได้ไปพบกับ อบูบักรฺ ท่านอบูบักรฺ รู้สึกดีใจที่ได้พบกับสะอัด และเห็นใบหน้าอันอิ่มเอิบของสะอัด อบูบักรฺจึงถามว่า มีข่าวดีอะไรหรือ ท่านสะอัดจึงเล่าเรื่องราวให้ฟัง อบูบักรฺจึงกล่าวว่า สิ่งที่ท่านเห็นนั้นคือรัศมีแห่งทางนำจากอิสลามนั่นเอง ท่านสะอัดถามว่า อะไรคืออิสลาม ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย อบูบักรฺจึงอธิบายให้ฟังว่า อิสลามคือศาสนาแห่งความศรัทธาในเอกภาพของอัลลอฮฺ อิสงามคือศาสนาใหม่ ซึ่งอัลลอฮิได้ทรงแต่งตั้งให้มุหัมมัดเป็นศาสนทูตของพระองค์ ท่านสะอัดรู้สึกฉงนว่า มุหัมมัดที่เป็นหลานของท่านใช่หรือไม่ อบูบักรฺตอบว่าใช่ ทั้งสองจึงออกเดินทางไปพบท่านศาสดา ในที่สุดสะอัด บิน อบีวักกอส จึงกล่าวชะฮาดะฮฺเข้ารับอิสลาม

แม่ของสะอัดเฝ้าสังเกตการเปลี่ยนไปของลูกชายอย่างใกล้ชิด วันหนึ่งนางเห็นสะอัดก้ม ๆ เงย ๆ และไม่ค่อยหลับไม่ค่อยนอน นางจึงเอ่ยปากถามว่า โอ้ลูกรัก ลูกกำลังทำอะไรกัน ลูกกำลังติดต่อกับหมู่ญิน หรือภูติผีปีศาจกันแน่ สะอัดตอบว่า ลูกไม่ได้ติดต่อกับผู้ใดเลยนอกจากพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ผู้ทรงเมตตากรุณา ลูกต้องการชำระล้างจิตใจ จิตวิญญาณของลูกให้สะอาดปราศจากความสกปรกโสมมของญาฮีลียะฮฺอันป่าเถื่อน และความลุ่มหลงงมงาย ลูกได้เฝ้าวิงวอนต่อพระผู้อภิบาล ให้นำทางลูกสู่ทางที่เที่ยงตรง และบัดนี้ลูกได้น้อมรับศาสนาของมุหัมมัดแล้ว แม่ของท่านสะอัดได้ยินเช่นนั้นถึงกับตกตะลึง นางเตือนลูก ว่ากล่าวลูกอย่างรุนแรง การตอบโต้ระหว่างสะอัดกัยแม่เป็นไปอย่างเผ็ดร้อน จนนางถึงกับมึนงงแทบล้มทั้งยืน เพราะเสียใจที่ลูกทิ้งศาสนาเดิมของบรรพบุรุษ ท่านสะอัดพยายามอธิบายถึงความดีงามของศษสนาใหม่แต่นางก็ไม่ฟังเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้น

ด้วยความโมโหแม่ของสะอัดจึงสาบานต่อหน้าเทพเจ้า อัลลาด และอุลอุซซาว่า หากลูกของนางไม่กลับมาสู่ศาสนาเดิมนางจะไม่ยอมกินดื่มสิ่งใดทั้งสิ้น แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นท่านสะอัดก็ยังคงใจแข็งยืนกรานยึดมั่นในความศรัทธาอย่างเข้มแข็ง ท่านไม่ยอมหวนกลับสู่ศาสนาเดิมอีกแล้วไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

เหตุการณืเป็นเช่นนี้อยู่หลายวันจนนางมีอาการซีดเหลืองและซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อญาติ ๆ ช่วยกันปลอบโยนและตักเตือนว่ากล่าวท่านสะอัด ท่านสะอัดจึงกล่าวแม่แม่ของตนว่า

"โอ้แม่จ๋า แม่ก็รู้ว่าลูกรักแม่ขนาดไหน แต่ลูกก็รับพระเจ้าของลูกมากยิ่งกว่า ของสาบานต่ออัลลอฮฺ หากแม้นแม่ต้องสิ้นใจไปเนื่องจากการอดอาหารแบบนี้นับพันชีัวิต ลูกก็จะไม่ยอมละทิ้งศาสนาของลูกเป็นอันขาด ดังนั้นหากแม่ประสงค์สิ่งใดก็ทำตามใจแม่เถิด"

เมื่อนางได้เห็นถึงการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดของลูกชายของนางเช่นนั้น ในที่สุดนางก็ต้องยอมแพ้และกลับมารับประทานอาหารดังเดิม

ดวยความมั่นคงแน่วแน่ของสะอัด (ร.ฎ.) อัลกุรอานอายะฮฺ 14 - 15 ซูเราะฮฺฏอฮา จึงถูกประทานลงมา ความว่า

"และเราได้มีคำสั่งแก่มวลมนุษย์ให้ทำดีต่อผู้ให้กำเนิดทั้งสองของเขา (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง) มารดาของเขาซึ่งตั้งครรภ์เขาด้วยความทุกข์ทรมานเป็นที่สุด และได้เลิกให้นมเขาในสองปี ดังนั้น เจ้ าจงกตัญญูต่อข้าและต่อผู้ให้กำเนิดทั้งสองของเจ้าเถิด และ (จงระลึกเถิดว่าเจ้า) ต้องกลับคืนมาสู่ข้า

แต่ถ้าเขาทั้งสองได้บังคับเจ้าให้ตั้งภาคีกับข้า ในสิ่งที่สูเจ้าไม่รู้มาเลย (ว่ามันจะเป็นภาคีใด) เจ้าก็อย่าเชื่อฟังทั้งสอง และเจ้าจงปรนนิบัติคนทั้งสองในโลกนี้อยา่งมีคุณธรรมและเจ้าจงประพฤติตามแนวทางของผู้ที่กลับคืนมายังข้าเถิด หลังจากนั้นพวกเจ้าก็ต้องกลับคืนมายังข้า แล้ว้าก็จะแจ้งให้พวกเจ้าทราบถึงการตอบแทนตามที่สูเจ้าเคยประพฤติไว้"


..............................................
(จากหนังสือ : 10 เศาะหาบะฮฺ ผู้ได้รับสัญญาสวรรค์)
มันศูร อับดุลลอฮฺ : เรียบเรียง
อดทน เพื่อชัยชนะ โพส






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น