อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557

อุบดุลเราะหฺมาน บิน เอาฟฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮู



*** 10 ศอหาบะฮฺ ผู้ได้รับสัญญาสวรรค์ ***


ท่านที่ 5

**** อุบดุลเราะหฺมาน บิน เอาฟฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮู ****

ชื่อ อับดุลเราะหฺมาน บิน เอาฟฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮู

เชื่อสาย เป็นบุคคลจากเผ่า ซุฮฺเราะฮฺ บิน กิลาบ

ชื่อเดิม อับดุลอัมริน, อับดุลหาริษ, อับดุลกะอฺบะฮฺ

บิดา เอาฟฺ บิน อับดุเอาฟฺ บิน อัลหาริษ บิน ซุฮเราะฮฺ บิน กิลาบ บิน มุรเราะฮฺ บิน กะอับ บิน ลุอัยยฺ อัลกุรียซี อัซซุฮฺริ

มารดา อัชซิฟาอฺ บินติ เอาฟฺ ซึ่งสืบเชื้อสายไปถึงซุฮฺเราะฮฺ บิน กิลาบ เช่นกัน

........... อุปนิสัย / บุคลิกภาพ ซ
อับดุรเราะหฺมาน บิน เอาฟฺ กำเนิดหลังจากปีที่อับรอหะฮฺ ยกกองทัพมาโจมตีมักกะฮฺหรือที่เรียกกันว่าปีช้างสิบปี นั่นหมายถึงว่าเามีอายุน้อยกว่าท่านรอซูลประมาณสิบปี เพราะท่านรอซูลเกิดในปีช้าง ตั้งแต่เด็ก อับดุรเราะหฺมานได้รับการเลี้่ยงดูอย่างดีจากบิดามารดาของเขา เขาเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาด กล้าหาญ มีฐานะร่ำรวย เป็นเพื่อนที่จริงใจ และรักษาสัญญาเสมอ มีมารยาทงาม กตัญญูรู้คุณ ไม่เคยประพฤติตัวเหลวไหลแม้จะอยู่ในยุคญะฮีลียะฮฺ ไม่เคยดื่มเหล้า เล่นการพนัน หรือบูชารูปเจว็ด

...........การเข้ารับอิสลาม

อับดุรเราะหฺมาน บิน เอาฟฺ (ร.ฎ.) เป็นสหายใกล้ชิดของท่านอบูบักรฺ อัศศิดดิก (ร.ฎ.) ดังนั้นเมื่ออบูบักรฺ (ร.ฎ.) มาหาเขาและแจ้งข่าวถึงการมาของศาสดาคนใหม่และศาสนาที่เที่ยงแท้ เขาก็ยอมรับอิสลามโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ั้งสิ้น เขาเป็นบุุคคลสำคัญลำดับที่แปดที่เข้ารับอิสลาม และเป็นบุคคลที่ห้าที่เข้ารับอิสลามผ่านทางอบูบักรฺ (ร.ฎ.)

........ ผลงานเด่น

1. อับดุรเราะหฺมาน บิน เอาฟฺ (ร.ฎ.) อพยพพร้อมผู้ศรัทธาไปยังอบิสสิเนียและอพยพไปยังมะดีนะฮฺโดยละทิ้งทรัพย์สินมากมายไว้ที่มักกะฮฺ แต่เพื่อศาสนาเขาก็พร้อมสละทุกอย่าง โดยไม่รู้สึกหวงแหนใด ๆ ทั้งสิ้นแล้ว ทรัพย์สินของเขาทั้งหมดที่ค้างอยู่ในมักกะฮฺก็ถูกยึดครองไปโดยพวกกาฟิรฺ

2. เขาเป็นพ่อค้าผู้ประสบความสำเร็จ เมื่อตอนอพยพสู่นครมะดีนะฮฺใหม่ ๆ ท่านรอซูล (ซ.ล.) ได้ผูกความเป็นพี่น้องกันระหว่างชาวมูฮาญีรีน (ผู้อพยพจากมักกะฮฺ) กับชาวอันศอร (ผู้ช่วยเหลือจากชาวมะดีนะฮฺ) ท่านอับดุรเราะหฺมาน บิน เอาฟฺ (ร.ฎ.) ได้รับการผูกความเป็นพี่น้องกับชาวมะดีนะฮฺคนหนึ่งคือ สะอัด บิน อัรรอบีอฺ อัลเอาซารี (ร.ฎ.)

ด้วยความห่วงใยในชะตากรรมของพี่น้องมุสลิม สะอัดจึงกล่าวแก่พี่น้องของเขา (อับดุรเราะหฺมาน ซึ่งมาจากมักกะฮฺโดยที่ไม่มีทรัพย์สินติดตัวใด ๆ ว่า

"โอ้พี่น้องของฉัน ฉันมีสวนอยู่แปลงหนึ่ง หากท่านประสงค์ ฉันจะแบ่งให้ท่านครึ่งหนึ่ง และฉันมีภรรยาสองคน หากท่านต้องการแต่งงานกับภรรยาของฉัน ท่านจงเลือกเอาแล้วฉันจะหย่านางเพื่อให้แต่งงานกับท่าน" ท่านอับดุรเราะหฺมาน (ร.ฎ.) รู้สึกทึ่งในความเสียสละของพี่น้องจึงกล่าวตอบว่า

"หวังว่าอัลลอฮฺได้ทรงประทานบะรอกะฮฺแก่ครอบครัวและทรัพย์สินของท่าน ฉันไม่ขอรับข้อเสนอของท่านจะดีกว่า ขอให้ท่านบอกฉันสิว่า ตลาดมะดีนะฮฺอยู่ตรงไหนเผื่อว่าฉันจะได้ไปทำการค้าที่นั่น"

สะอัด (ร.ฎ.) จึงแนะนำว่า

"ถ้าเช่นนั้น ขอให้ท่านไปยังตลาดของบนูก็อยนุกออฺเถิด"

แล้วท่านอับดุรเราะหฺมาน (ร.ฎ.) ก็เริ่มทำการค้า ไม่นานต่อมาเขาก็กลายเป็นคนมีฐานะอีกครั้ง เพราะทุกครั้งที่เขาทำการค้าล้วนแล้วมีแต่ผลกำไรทั้งสิ้น เขายังกล่าวกับตัวเองว่า

"ฉันรู้สึกเหมือนกับว่า หากฉันเพียงแค่ยกก้อนหินขึ้นมาขาย ฉันก็จะได้ทองคำหรือเงินทันที"

และแน่นอนทรัพย์สินที่เขาได้มาย่อมเป็นประโยชน์ต่อการดะอฺวะฮฺอิสลามทั้งสิ้น

3. เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่ร่วมต่อสู้กับท่านรอซุลุลลอฮฺ (ซ.ล.) ในทุก ๆ สมรภูมิ ทั้ง บะดัร อุหุุด คอนดัก และอื่น ๆ ในสงครามอุหุดท่านถูกฟันถึงยี่สิบรอยแผลในสงครามดาบูกท่านเสียสละเงินนับพันดิรฮัมเพื่อเป็นเสบียงในการญิฮาด ซึ่งในขณะนั้นบ้านเมืองกำลังอยู่ในภาวะข้าวยากหมากแพง และในสงครามดาบูกนี้เองที่ท่านเคยเป็นอิหม่ามนำนมาซศุบหิแก่บรรดาเหล่าทหารหาญในขณะที่ท่านรอซูล (ซ.ล.) ต้องออกไปทำภารกินส่วนตัว แล้วท่านก็กลับมานมาซเป็นมะมูมของอับดุรเราะหฺมาน บิน เอาฟฺ (ร.ฎ.) นับเป็นเกียรติประวัติที่น่าภาคภูมิใจและถือเป็นการรับรองความประเสริฐโดยท่านรอซุลุลลอฮฺ (ซ.ล.)

4. แม้ว่าท่านอับดุรเราะหฺมาน (ร.ฎ.) จะเป็นคนมีฐานะร่ำรวยมหาศาล แต่เขาก็มี่ความศอบัรอดทน ถ่อมตนและชอบช่วยเหลือผู้อื่น เขาไม่เคยดูหมิ่นดูแคลนหรือแบ่งแยกชนชั้นของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นคนรวยคนจนทุกคนต่างเท่าเทียมกัน ความมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของเขามีมากมายเสีนจนกระทั่งมีผู้กล่าวว่า

"ชาวมะดีนะฮฺทุกคนต้องมีส่วนผูกพันกับทรัพย์สินของอับดุรเราะหฺมานทั้งสิ้น หนึ่งในสามของทรัพย์สินของเขา ให้พวกเขา (ชาวเมืองมะดีนะฮฺ) หยิบยืม อีกหนึ่งในสามถูกใช้ไปเพื่อการจ่ายหนี้ของพวกเขาและอีกหนึ่งในสามถูกใช้เพื่อการแจกจ่ายให่แก่พวกเขา"

5. แม้จะเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยมหาศาล แต่จิตใจของอับดุรเราะหฺมาน (ร.ฎ.) กลับเป็นจิตใจที่อ่อนโยนและถ่อมตน ครั้งหนึ่งขณะที่เขากำลังจะละศีลอด เมื่อสำรับอาหารถูกเตรียมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทันทีทีี่เห็นอาหาร เขาก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกับรำพึงรำพันว่า

"มุศอับ บิน อุมัยรฺ ได้พลีชีพชะฮีดไปแล้ว ทั้งที่จริง ๆ แล้ว เขาเป็นคนที่ดีกว่าฉัน แล้วเขาก็ถูกห่อด้วยผ้ากาฝั่นที่หากปิดศีรษะของเขา เท้่าก็จะโผล่ หากดึงผ้าไปปิดเท้า ศีรษะของเขาก็้จะโผล่เช่นเดียวกับท่านฮัมซะฮฺ ซึ่งท่านยิ่งประเสริฐกว่าฉันมากมายเป็นไหน ๆ ท่านพลีชีพชะฮีดเช่นกัน แล้วเมื่อตอนที่ถูกฝังท่านก็เหลือผ้าคลุมกายเพียงผืนเดียวเท่านั้น แต่สำหรับฉันดูเหมือนจะได้รับความมั่งคั่ง
อย่างกว้างขวาง และได้รับโภคปัจจัยอย่างมากมาย ฉันเกรงเหลือเกินว่า สิ่งเหล่านี้จะเป้นการตอบแทนในการงานของฉันเสียแล้วในดุนยา ส่วนในอาคิเราะฮฺของฉันนั้น คงมีแต่ความว่างเปล่า"

มีรายงานหนึ่งกล่าวว่า ครั้งหนึ่งอับดุรเราะหฺมานได้เรียกบรรดาศอหาบะฮฺของท่านมารับประทานอาหารร่วมกับท่านที่บ้าน เมื่อสำรับถูกวางไว้ ท่านก็ร้องไห้ ศอหาบะฮฺถามขึ้นว่า "ท่านร้องไห้ทำไมหรือ โอ้อบูมุหัมมัด ?" เขาตอบว่า

"ท่านรอซูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) ได้วะฟาตไปแล้ว ท่านและครอบครัวไม่เคยรับประทานโรตีจนอิ่มเลยในชีวิตของท่าน แล้วเราจะคาดหวังอะไรได้เล่า หากเรามีชีวิตที่ยืนยาวแต่ไม่มีการกระทำความดี"

6. มีผู้กล่าวถึงอับดุรเราะหฺมาน (ร.ฎ.) ไว้ว่า

"หากคนทีี่ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน ได้มาเห็นเขาขณะที่เขานั่งอยู่กับบรรดาศอหาบะฮฺนั้น แน่นอนไม่มีใครบอกความแตกต่างของเขาได้เลย แต่ถ้าหากใครได้รับรู้ถึงการตุ่อสู้ของเาและรู้ถึงบาดแผลที่เกิิดจากการต่อสู้และเท้าที่พิการเนื่องจากการสู้รบในสงครามอุหุดของเขา เมื่อนั้นจึงจะสามารถบอกได้ว่าใครคืออับดุรเราะหฺมาน บิน เอาฟฺ"



...........เสียชีวิต

ในปีฮิจเราะฮฺที่ 32 ท่านอับดุลเราะหฺมาน บิน เอาฟฺ (ร.ฎ.) ศอหาบะฮฺผู้ยิ่งใหญ่ของท่านรอซุลุลลอฮฺ (ซ.ล.) ล้มป่วยลง ท่านหญิงอาอิชะฮฺ (ร.ฎ.) มาหาท่านและให้เกียรติแก่ท่านอย่างที่ไม่เคยกระทำกับผู้ใดมาก่อน ท่านหญิงอาอิชะฮฺ (ร.ฎ.) เสนอว่า หากท่านต้องสิ้นชีวิต ขอให้ได้งฝังร่างใกล้ ๆ กับท่านรอซูล (ซ.ล.) อบูบักรฺ และอุมัรฺ (ร.ฎ.) เถิด แต่ด้วยความถ่อมตนของท่าน ท่านจึงปฏิเสธและอ้างว่า เคยให้สัญญากับท่านอุษมาน บิน มัซอูน (ร.ฎ.) ไว้แล้วว่า หากท่านทั้งสองเสียชีวิตขอให้ฝังศพใกล้ ๆ กัน

ท่านเสียชีวิตเมื่ออายุได้ประมาณ 75 ปี ท่านอุษมาน บิน อัฟฟาน (ร.ฎ.) ได้นมาซญะนาซะฮฺให้ และท่านสะอัด บิน อบีวักกอส (ร.ฎ.) พาร่างท่านสู่กุบูร

ด้วยเงื่อนไขที่เคยให้ไว้กับศอหาบะฮฺของท่าน ศพของท่านจึงถูกฝังไว้ในกุบูรตบากิอฺใกล้กับหลุมศพของท่านอุษมาน บิน มัซอูน (ร.ฎ.)

........ ความประเสริฐของท่าน อับดุรเราะหฺมาน บิน เอาฟฺ (ร.ฎ.)

1. อับดุรเราะหฺมาน (ร.ฎ.) เป็นผู้ช่วยเหลือครอบครัวของท่านนบี (ซ.ล.) หลังจากท่านวะฟาตไปแล้ว

จากอาอิชะฮฺ (ร.ฎ.) เล่าว่า แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า

"แท้จริงเรื่องของพวกเธอ (ภรรยาของท่านนบี) เป็นเรื่องที่จะทำให้ฉันกังวล หลังจากที่ฉันจากไป และจะไม่มีใครรอดทนเหนือพวกเธอได้นอกจากพวกที่มีความอดทน (เพราะตำแหน่งอันสูงส่งของพวกเธอ)"

ผู้เล่าได้กล่าวว่า ต่อมาอาอิชะฮฺได้กล่าวว่า ขอพระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้โปรดให้บิดาของท่าน (อาอิชะฮฺพูดกับนัจลฺ บุตรของอับดุรเราะหฺมาน บิน เอาฟฺ) ได้ดื่มน้ำจากสายน้ำซัลซะบีลของสวรรค์ เธอหมายถึงอับดุรเราะหฺมาน บิน เอาฟฺ และปรากฏว่าอับดุรเราะหฺมานเคยส่งไปให้แก่บรรดาภรรยาของท่านนบี ด้วยทรัพย์สิน ที่มีผู้กล่าวว่า ถูกส่วไปให้ถุงสี่หมื่น (ตินมีซี)

จาก อบีสะละมะฮฺ ได้กล่าวว่า แท้จริง อับดุรเราะหฺมาน บิน เอาฟฺ ได้สั่งเสียด้วยสวนแห่งหนึ่งไว้ให้แก่บรรดาภรรยาของท่านนบี โดยจัดส่งจากรายได้ของสวนแห่งนั้่นถึงสี่แสน (ติรมีซี)

......................
(จากหนังสือ : 10 ศอหาบะฮฺ ผู้ได้รับสัญญาสวรรค์)
มันศูร อับดุลลอฮฺ : เรียบเรียง
อดทน เพื่อชัยชนะ โพส






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น