อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ระวังรักษาลิ้นให้กล่าวแต่สิ่งที่ดี


อัลลอฮฺ อัชชะวะญัลลา ได้ดำรัสว่า :

"โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงยำเกรงอัลลอฮฺ และจงกล่าวถ้อยคำที่เที่ยงธรรมเถิด พระองค์จะทรงปรับปรุงการงานของพวกเจ้าให้ดีขึ้นสำหรับพวกเจ้า และจะทรงอภัยโทษความผิดของพวกเจ้าให้แก่พวกเจ้า และผู้ใดเชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ แน่นอนเขาได้รับความสำเร็จใหญ่หลวง" (ซูเราะฮฺ อัล-อะหฺซาบ 33 : 70 -71)

และได้ตรัสว่า :

"โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย พวกเจ้าจงปลีกตัวให้พ้นจากส่วนใหญ่ของการสงสัย แท้จริงการสงสัยบางอย่างนั้นเป็นบาป และพวกเจ้าอย่าสอดแนม และพวกเจ้าจงอย่านินทากันและกัน คนหนึ่งในหมู่พวกเจ้านั้นชอบที่จะกินเนื้อพี่น้องของเขาที่ตายไปแล้วกระนั้นหรือ ? พวกเจ้าย่อมเกลียดกัน และจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ" (ซูเราะฮฺ อัล-หุญุรอต 49 : 12)

และพระองค์ ได้ตรัสว่า :

"และโดยแน่นอน เราได้บังเกิดมนุษย์เรา และเรารู้ดียิ่งที่จิตใจของเขากระซิบกระซาบแก่เขา และเรานั้นใกล้ชิดเขายิ่งกว่าเส้นเลือดชีวิตของเขาเสียอีก (จงรำลึก) ขณะที่มลาอิกะฮฺ ผู้บันทึกสองท่านบันทึก ท่านหนึ่งนั่งทางข้างขวา และอีกท่านหนึ่งนั่งทางข้างซ้าย ไม่มีคำพูดใดที่เขากล่าวออกมา เว้นแต่ใกล้ ๆ เขานั้นมี (มะลัก) ผู้เฝ้าติดตาม ผู้เตรียมพร้อม (ที่จะบันทึก)" (ซูเราะฮฺ ก๊อฟ 50 : 16 - 18)

และได้ดำรัสอีกว่า :

"และบรรดาผู้กล่าวร้ายแก่บรรดาผู้ศรัทธาชายและบรรดาผู้ศรัทธาหญิง ในสิ่งที่พวกเขามิได้กระทำแน่นอนพวกเขาได้แบกการกล่าวร้าย และบาปอันชัดแจ้งไว้" (ซูเราะฮฺ อัล-อะซาบ 33 : 58)

ในเศาะฮีหฺอิมามมุสลิม (หะดีษหมายเลขที่ 2589) จากท่าอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮู เล่าว่า ท่านรอซุล ศ็อลลัลลอฮฺุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :

"พวกท่านรู้ไหมว่าการนินทานั้นคืออะไร ?" บรรดาเศาะหาบะฮฺกล่าวว่า : อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์นั้นทราบดียิ่ง ท่านกล่าวว่า : "คือการที่ท่านกล่าวถึงสหายของท่านในสิ่งที่เขาไม่ชอบ" มีคนถามขึ้นว่า "แล้วหากเขาเป็นอย่างที่ผมพูดถึงจริงล่ะครับ ?" ท่านตอบว่า : "หากว่าเป็นเรื่องจริงแสดงว่าท่านได้นินทาเขาแล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องไม่จริงก็เท่ากับว่าท่านใส่ร้ายเขา"

และพระองค์ได้ดำรัสว่า :

"และอย่าติดตามสิ่งที่เจ้าไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น แท้จริงหู และตา และหัวใจ ทุกสิ่งเหล่านั้นจะถูกสอบสวน" (ซูเราะฮฺ อัล-อิสรออ์ 17 : 36)

มีรายงานจากท่านอบูฮุร็อยยฃเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮู กล่าวว่า : ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

"แท้จริง อัลลอฮฺทรงพอพระทัยพวกท่าน 3 ประการ และทรงกริ้วพวกท่าน 3 ประการ พระองค์ฺทรงพอพระทัยให้พวกท่านเคารพอิบาดะฮฺต่อพระองค์และไม่ตั้งภาคีเทียบเคียงพระองค์ และให้พวกท่านยึดมั่นอยู่กับสายเชือกของอัลลอฮฺ (ศาสนา) และไม่แตกแยก และพระองค์ทรงกริ้วพวกท่านในการพูดถึงผู้อื่น การถามมาก และการผลาญทรัพย์สินเงินทอง" (บันทึกโดยมุสลิม หมายเลข 1715)

และ มีรายงานเกี่ยวกับ 3 สิ่งดังกล่าวที่อัลลอฮฺทรงกริ้ว ในเศาะฮีหฺอิมามอัล-บุคอรี หมายเลข 2408 และอิมามมุสลิม

รายงานจากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

"ลูกหลานของอาดัมถูกกำหนดส่วนของซินาไว้แล้ว เขาต้องพบเจอมันอย่างแน่แท้ (อาจจะเป็นซินาจริง ๆ หรือซินาเสมือนก็ได้) ได้แก่ ซินาของดวงตาทั้งสองคือการมอง (มองสิ่งหะรอม) ซินาของหูทั้งสองคือการฟัง (ฟังการซินา หรือฟังสิ่งที่จะพาไปสู่ซินา) ซินาของลิ้นคือคำพูด (คำพูดเกี้ยวพาราสี พูดสิ่งหะรอม) ซินาของมือคือการจู่โจม (เช่นการสัมผัสผู้ไม่ใช้หะรอม) ซินาของเขาคือการก้าวย่าง (เดินไปสู่ซินา หรือสิ่งที่จะนำพาไปสู้ซินา) ส่วนหัวใจนั้นเอนเอียงและหัวงจะทำ (ด้วยการคิดคำนึง) ซึ่งอวัยวะเพศอาจจะเชื่ออวัยวะเหล่านั้น หรืออาจปฏิเสธนั้น (ด้วยการทำให้ซินาเกิดขึ้นจริง ๆ หรืออาจจะปฏิเสธยับยั้งไม่ให้มันเกิดขึ้นจริง)" (บันทึกโดยอัล-บุคอรี หมายเลข 6612 และมุสลิม หมายเลข 2657)

อิมาม อัล-บุคอรีได้บันทึกไว้ในเศาะฮีหฺของท่าน (หะดีษหมายเลขที่ 10) จากท่านอับดุลลอฮฺ บินอุมัรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮู มาจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

"มุสลิมนั้น คือผู้ที่มุสลิมทัั้งหลายปลอดภัยจากลิ้น และมือของเขา)

ในรายงานของอิมามมุสลิม (หะดีษหมายเลขที่ 64) มีสำนวนว่า

มีชายคนหนึ่งถามท่านรอซูลุลลอฮฺว่า : มุสลิมที่ดีเป็นอย่างไร ? ท่านตอบว่า "ผู้ที่มุสลิมทั้งหลายปลอดภัยจากลิ้นและมือของเขา"

อิมามมุสลิมยงได้รายงานจากญาบิร (หะดีษหมายเลขที่ 65) ด้วยสำนวนเดียวกันกับหะดีษของท่านอับดุลลอฮฺ บินอุมัรฺ ที่อิมามอัล-บุคอรีได้กล่าวไว้ข้างต้น

อัล-ฟาหิซ อิบนุ หะญัร ได้อธิบายไว้ว่า "ในหะดีษนี้ลิ้นมีลักษณะครอบคลุมเมื่อเทียบกับมือ เพราะลิ้นสามารถพูดถึงเหตุการณ์ในอีต ปััจจุบัน และอนาคตได้ ซึ่งต่างจากมือ เป็นไปได้ว่า มันสามารถติดตามและช่วยเหลือลิ้นในเรื่องอดีตด้วยการเขียน จนมันมีส่วนร่วมสำคัญในเรื่องดังกล่าว" (ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 1 หน้า 54)

ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของกวีท่านหนึ่ง ที่กล่าวว่า

ฉันขีดเขียน และแท้จริง ฉันเชื่อในวันที่ฉันขีดเขียนว่ามือของฉันจะสาบสูญไป และรอยขีเขียนของฉันและคงอยู่ตลอดเวลา ถ้ามือนั้นขีดเขียนในสิ่งที่ดี มันก็จะได้รับการตอบแทนที่ดี แต่ถ้ามันขีดเขียนสิ่งที่ไม่ดี ฉันก็ต้องแบกรับความผิดนั้น



อิมามอัล-บุคอรีย์บันทึดไว้ในเศาะฮีหฺของท่าน (หะดิษหมายเลข 6474) จากสะหฺล์ บินสะอดฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮู เล่าว่า ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

"ผู้ใดที่ประกันตนเองได้ว่าจะรักษาลิ้นและอวัยวะเพศของเขาจากการละเมิิดได้ แน่นอนฉันจะรับประกันสวรรค์ให้แก่เขา"

อิมามอัล-บุคอรีย์ไ้ดรายงานไว้อีกในเศาะฮีหฺของท่าน (หะดีษหมายเลขที่ 6475) และอิมามมุสลิม (หะดีษของท่านหมายเลขที่ 74) ก็เช่นกัน จากท่านอบูฮูร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮูอันฮู กล่าวว่า ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

"ผู้ใดศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันอาคิเราะฮฺ เขาก็จงพูดแต่สิิ่งที่ดี หรือไม่ก็เงียบเสีย"

ชอีมามอัน-นะวะวีย์ กล่าวอธิบายหะดีษนี้ว่า "อิมามอัฃ-ซาฟีอีย์กล่าวว่า : ความหมายของหะดีษก็คือ เมื่อต้องการที่จะพูดก็ให้คิดตรึกตรองให้ดีก่อน ถ้ามั่นใจว่ามันจะไม่มีผลเสียใด ๆ จึงค่อยพูดออกมา แต่หากเห็นว่าจะเกิดผลเสีย หรือไม่แน่ใจว่าจะเกิดผลเสียหรือไม่ให้เงียบเสีย" (ชีรหุนนะวะวีย์ อะลามุสลิม เล่ม 2 หน้า 19)

อุละมาอ์บางท่านกล่าววา่ (ฟัตหฺ อัล-เกาะวีย์ อัล - มะตีน ฟีชัรหฺ อัล-อัรบะอีน โดยอับดุลมุหสิน อัล - อับบาด หน้า 62) "หากพวกท่านซื้อกระดาษที่ (มลาอิกะฮฺ) บันทึกการงานได้ แน่นอนที่สุด พวกท่าจะนิ่งเงียบแทนการพูดมาก"

อิมามอบูหาดิม อิบนุหิบบาน อัล-บุสดีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือของท่านชื่อ ]เราเฎาะตุล อุเกาะลาอ์' (หน้า 43 ) ว่า "ผู้มีสติปัญญานั้นจำเป็น (วาญิบ) ที่เขาจะต้องเงียบจนกว่าจะถึงเวลาที่สมควรพูด ผู้ทีเ่สียใจกับคำพูดที่พูดออกไปนั้น มีให้เห็นอยู่บ่อยคึรั้ง แต่ผู้ที่เสียใจเพราะได้ได้พูดนั้นมีให้เห็นน้อยมาก แ ละผู้ที่จะเป็นทุกข์นานที่สุดและเจอบททดสอบที่ใหญ่ที่สุด ก็คือผู้ที่ชอบพูดตามอำเภอใจ และมีจิตใจที่มืดบอด"

และท่านกล่าวไว้ในหนังสือดังกล่าว (หน้า 45) อีกว่า

"จำเป็น (วาญิบ) สำหรับผู้มีสติปัญญาทีต้องทำให้หูและปากของเขาสมดุลกัน เขาต้องตระหนักว่าอัลลอฮฺให้หูสองข้างแก่เขา แต่มีปากเพียงหนึ่งเดียวนั้น ทั้งนี้ ก็เพื่อให้เขาฟังมากกว่าพูด เพราะเมื่อพูดแล้วอาจจะเสียใจในภายหลัง แต่ถ้าไม่พูดก็จะไม่เสียใจ ซึ่งเาสามารถปฏิเสธสิ่งที่ไม่ได้พูดออกมาได้ง่ายกว่าการปฏิเสธสิ่งที่ได้เคยพูดไว้ และคำพูดนั้น เมื่อพูดออกมามันก็จะเป็นนายของเรา แต่ตราบใดที่ยังไม่พูด เราก็เป็นนายของมัน"

อิมามอิบนุ หิบบาน ยังกล่าวในหนังสือดังกล่าว (หน้า 47) อีกว่า "ลิ้นของผู้มีสติปัญญานั้น จะอยู่ข้างหลังหัวใจของเขา เมื่อใดที่เขาต้องการพูดออกมา เขาก็จะกลับไปหาหัวใจ หากตรองดูแล้ว เห็นควรจะพูด เขาถึงจะพูดออกมา มิเช่นนั้นก็จะไม่พูด ส่วนผู้โง่เขลานัั้น หัวใจของเขาจะอยู่ที่ปลายลิ้น ลิ้นอยากจะพูดอะไรก็พูดออกมา ผู้ที่ยังไม่เข้าใจศาสนาอย่างแท้จริงนั้น คือผู้ที่ไม่ (ระวัง) รักษาลิ้นของตน"

อิมามอัล-บุคอรีย์ได้บันทึกไว้ในหนังสือเศาะฮีหฺของท่าน (หะดีษหมายเลขที่ 6477) และอิมามมุสลิมก็เช่นกัน (หะดีษหมายเลข 2988) ตามสำนวนของมุสลิม จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮู เล่าว่า ท่านรอซูล ศ็๋อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

"บ่าวผู้หนึน่งอาจจะพูดจาด้วยคำพูด โดยที่เขาไม่ทราบว่าอัลลอฮฺทรงกริ้วหรือไม่ แต่แล้วมันกลับเป็นเหตุทำให้เขาตกไปในหุบเหวแห่งไฟนรก ที่มีความลึกเฉกเช่นความห่างของทิศตะวันออกกับทิศตะวันตก"

ในตอนท้ายคำสั่งเสียของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่ให้แก่ท่านมุอ๊าซ บินญะบัล ซึ่งอิมามอัต-ติรมีซีได้ระบุไว้ในสุนันของท่าน (หะดีษหมายเลขที่ 2616) ท่านกล่าวว่า "นี่คือหะดีษหะสัน เศาะฮีหฺ" ระบุว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

"มนุษย์จะไม่คะมำหน้าหรือศีรษะของพวกเขาลงในนรก นอกจากด้วยผลผลิตมาจากลิ้นของพวกเขาเองไม่ไช่ดอกหรือ?"

เป็นคำตอบสำหรับคำถามที่ท่านมุอ๊าซถามว่า "โอ้ ท่านนบี พวกเราจะได้รับโทษจากสิ่งที่พวกเราพูดไปด้วยหรือ?"

อัล-หาฟิซ อิบนุเราะญับ ได้กล่าวอธิบายหะดีษบทนี้ในหนังสือ 'ญามิอุลอุลูมวัลหิกัม' (2/147) ว่า "ผลผลิตจากลิ้นนั้น หมายถึง ผลตอบแทนและการตัดสินต่อการพูดที่ต้องห้าม เพราะมนุษย์นั้นเพาะปลูก (ในดุนยานี้) ด้วยคำพูดและการงานของเขา ทั้งที่ดีและไม่ดี ซึ่งในวันกิยามะฮฺ เขาก็จะได้เก็บเกี่ยวสิ่งที่เขาเพาะปลูกไว้ ดังนั้น ผู้ใดเพาะปลูกแต่สิ่งที่ดี ๆ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำ เขาก็จะได้เก็บเกี่ยวความสุขสบาย ส่วนผู้ใดเพาะปลูกสิ่งชั่วร้าย จากคำพูดหรือการกระทำในวันข้างหน้าเขาก็จะต้องพบกับความผิดหวังและเสียใจ"

ท่านยังกล่าวไว้ในหนังสือดังกล่าว (2/146) อีกว่า "สิ่งนี้ย่อมเป็นการบ่งชี้ว่า การรักษาลิ้นและการควบคุมนั้น พร้อมกับการยับยั้งมันนั้น คือที่มาของความดีงามทั้งหลาย และแน่นอนที่สุด ผู้ใดมีอำนาจเหนือลิ้นของตนเอง เขาก็จะมีอำนาจความสามารถ และสามารถควบคุมการงานของเขาได้"

หลังจากนั้น ท่านอิบนุ เราะญับ ได้นำเสนอคำพูดหนึ่งจากท่านยูนุส บิน อุบัยดฺ (2/149) เขากล่าวว่า "ฉันไม่เห็นคนใดที่ลิ้นของเขาอยู่ภายใต้ความตระหนักคิดอยู่เสมอ นอกจากฉันจะเห้นว่าการงานของเขาทั้งหมดจะดีตามไปด้วย"


รายงานจากยะหยา บิน อบีกะษีรฺ (2/149) เขากล่าวว่า "ไม่มีใครคนใดที่การพูดของเขานั้นดี เว้นแต่ฉันได้เห็นมันปรากฏในทุกากรงานของเขาด้วย และไม่มีใครคนใดที่การพูดของเขานั้นไม่ดี เว้นแต่ฉันได้เห็นมันปรากฏในทุกการงานของเขาเช่นกัน"

อิมามมุสลิได้บันทึกไว้ในเศาะฮีหฺของท่าน (หะดีษหมายเลขที่ 2581) จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ ว่าท่านรอซุล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

"พวกท่านรู้ไหมว่าใครคือผู้ล้มละลาย ?" เศาะหาบะฮฺกล่าวว่า "ผู้ล้มละลายในหมู่พวกเราคือ ผู้ที่ไม่มีทรัพย์สินแม้แต่ดิรฮัมเดียว และไม่มีแม้แต่ของสักชิ้นเดียวเลย" ท่านรอซุลกล่าวว่า "แท้จริงผู้ล้มละลายในประชาชาติของฉันคือ เขาจะมาในวันกิยามะฮฺดว้ยกับการละหมาด การถือศีลอด และการจ่ายซะกาต แต่เขาได้มาในสภาพที่เขาด่าทอคนนั้น ใส่ร้ายคนนี้ กินทรัพย์ของคนนั้ืน ฆ่าคนนี้ ทุบตีคนนั้น ดังนั้น ความดีต่าง ๆ ของเขาได้ถูกมอบจนหมดแล้วก่อนที่เขาจะถูกตัดสิน บาปของคนเหล่านี้ก็จะถูกนำมายัดเยียดให้แก่เขาต้องแบกรับ แล้วเขาก็จะถูกโยนลงไปในนรก"

อิมามมุสลิมได้บันทุึกไว้ในเศาะฮีหฺของท่าน (หะดีษหมายเลขที่ 2564) จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮู กล่าวว่า ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

"เป็นความชั่วที่เพียงพอแล้วสำหรับคนคนหนึ่งกับการทีเขาถูกเหยียดหยามพี่น้องมุสลิมของเขาระหว่างมุสลิมด้วยกันนั้นชีวิตของเขา ทรัพย์สินของเขา และเกียรติยศศักดิ์ศาีของเขา ถือเป็นสิ่งต้องห้าม"

อิมมามอัล-บุคอรีย์ได้บันทึกในเศาะฮีหฺของท่าน (หะดีษหมายเลขที่ 1739) และอีมามมุสลิมก็เช่นกันโดยรายงานนี้เป็นสำนวนของอัล-บุคอรีย์ จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮู กล่าวว่า

"ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ปราศรัย (คุฎบะฮฺ) ในวันนะหรฺ (อิดิลอัฎฮา) ท่านถามผู้คนที่มาในวันนัั้นว่า "วันนี้คือวันอะไร?" พวกเขาตอบว่า "วันศักดิ์สิทธฺิ์" ท่านถามอีกว่า "เมืองนี้คือเมืองอะไร ?" พวกเขาตอบว่า "เมืองศักดิ์สิทธิ์" ท่านถามต่อว่า "เดือนนี้คือเดือนอะไร ?" พวกเขาตอบว่า "เดือนศักดิ์สิทธิ์" แล้วท่านก็กล่าวว่า "แท้จริง เลือดของพวกท่าน ทรัพย์สินของท่านและเกียรติยศศักดิ์ศรีของพวกท่าน เป็นที่ต้องห้ามเหนือพวกท่านทุกคน เช่นเดียวกับการต้องห้ามของวันนี้ของพวกท่าน ในเมืองนี้ของพวกท่าน และในเดือนนี้ของพวกท่าน"

ท่านกล่าวซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้ง แล้วท่านก็กล่าวว่า "โอ้อัลลอฮฺ ข้าพระองค์ได้เผยแพร่หรือยัง? โอ้อัลลอฮฺ ้าพระองคฺ์ได้เผยแพร่หรือยัง?"

ท่านอิบนุ อับบาส รอฎิยัลลอฮุอันฮู กล่าวว่า

"ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺที่ชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ แท้จริง นี่คือคำสั่งเสียของท่านแก่ประชาชาติของท่าน ดังนั้น ผู้ที่มาร่วมจะต้องบอกแก่ผู้ที่ไม่มา พวกท่านอย่าได้กลับไปยังการปฏิเสธศรัทธาภายหลังจากฉัน (เสียชีวิต) โดยที่ส่วนหนึ่งของพวกท่านฟันคอ (สังหาร) อีกส่วนหนึ่ง"

อิมามมุสลิมได้บันทึกในเศาะฮีหฺของท่าน (หะดีษหมายเลขที่ 2674) จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอัันฮู เล่าว่า ท่านรอซูลุลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

"ผู้ใดเชิญชวนไปสู่ทางนำ เขาจะได้รับผลบุญเหมือนกับผลบุญของบรรดาคนที่ปฏิบัติตามสิ่งนั้น ซึ่งผลบุญที่ว่านั้นจะไม่ถูกลดจากพวกเขาเลยแม้แต่น้อย และผู้ใดเชิญชวนไปสู่ความหลงผิด เขาก็จะได้รับบาปเหมือนกับบาปของบรรดาคนที่ปฏิเสธสิ่งนั้น ซึ่งบาปที่ว่านั้นจะไม่ถูกลดจากพวกเาเลยแม้แต่น้อย"

อัล-หาฟิซ อิบนุ อัล-มุนซิรฺ ได้กล่าวไว้ในหนังสือของท่านชื่อ "อัต-ตัรฆีบ วัต-ตัรฮีบ" (1/62) ในครั้นทีท่านได้แสดงความเห็นต่อหะดีษนี้

"เมื่อมนุษย์สิ้นชีวิตลง การงานทุกอย่างจะถูกตัดขาดเว้นแต่สามประการ..."

ว่า "ผู้เใดบันทึก (คัดลอก) ความรู้ที่มีประโยชน์ เขาก็จะได้รับผลบุญนั้นและผลบุญของคนที่อ่านมัน หรือคนที่คัดลอกมัน หรือคนที่ปฏิบัติตามมันหลังจากนั้น ตราบใดที่บันทึกนั้นและการปฏิบัติตามมันยังคงมีอยู่ ดังเช่น การบันทึก อัล-หะดีษ และที่คล้ายคลึงกันนี้ และผู้ใดที่บันทึก (คัดลอก) ความรู้ที่ไม่มีประโยชน์ จากสิ่งที่จะต้องได้รับบาป เขาจะได้รับบาปนั้นและบาปของคนทีอ่านนั้น หรือคัดลอกมัน หรือปฏิบัติิตามมันหลังจากนั้น ตราบใดที่บันทึกนั้นและการปฏิบัติตามนั้นยังคงมีอยู่ ดังที่มีระบุไว้ในหะดีษ "ผู้ใดกระทำแบบอย่างที่ดีหรือชั้ว และอัลลอฮฺทรงรู้ดียิ่ง"

อิมามอัล-บุคอรีย์ได้รายงานไว้ในหนังสือเศาะฮีหฺของท่าน (หะดีษหลายเลขที่ 6502) จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ เราะฎิยัลลอฮุอันฮู กล่าวว่า ท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

"อัลลอฮฺทรงมีดำรัสว่า : ผู้ใดประกาศตนเป็นศัตรูกับที่รักของข้า แท้จริงเาได้ประกาศสงครามกับเขาแล้ว"

..........................................................................
(จากหนังสืิอ : นุ่มนวลเถิด โอ้พี่น้องอะฮฺลุสสุนนะฮฺ)
โดย : ชัยคฺอับดุลมุหฺสิน บินหะมัด อัล-อับบาด
แปลและเรียบเรียงโดย : ZUNNUR
อดทน เพื่อชัยชนะ โพส






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น