อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2557

กิยามุลลัยลฺ : ความมุ่งมั่นแห่งคำคืน (ความวิตกของท่านอาลี บิน อบีฏอลิบ)


**** ความวิตกของท่านอาลี บิน อบีฏอลิบ ****

รายงานจากท่านอบูอะรอกะฮฺ เล่าว่า

ฉันได้ละหมาดฟัจรฺกับท่านอาลี บิน อบีฏอลิบ ภายหลังจากให้สลาม (เสร็จละหมาด) ท่านก็ผินหน้าไปทางด้านขวา แล้วนั่งนิ่งอย่างสงบแทบไม่ไหวติง จนกระทั่งแสงตะวันส่องมาถึงกำแพงมัสญิดเกิดเป็นเงายาวทอดไปเท่าด้ามหอก ท่านกล่าวภลางเอามือกระทบกันอย่างครุ่นคิดว่า ฉันเคยเห็นสิ่งที่บรรดาเหล่าเศาะฮะบะฮฺของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นมาซึ่งฉันไม่เห็นสิิ่งใดในวันนี้ เสมอเหมือนพวกเขาเลย คือ พวกเขานั้นพอยามเช้าจะเห็นมีสภาพผมยุ่ง หน้าซีดเซียวมีฝุ่นเกาะอยู่ (เนื่องจากอดนอนเพราะทำอิบาดะฮฺมาก) บนหน้าผากของพวกเขามีรอยดำด้านปรากฏอยู่ พวกเขาได้ลุแก่โทษทั้่งยามกราบและยามยืนต่ออัลลอฮฺ และอ่านถ้อยคำของพระองค์อยู่ในท่าที่สลับกันระหว่างบนหน้าผากกับสองเท้า (สุญูดและรู่กัวะอฺเช่นนั้นชั่วคืน) ครั้งเมื่อตอนยามสว่างพวกเขาก็ต่างพากันระลึกต่ออัลลอฮฺ (ซิกรุลลอฮฺ) โอนเอนเหมือนต้นไม้ถูกพัดยามลมแรง น้ำตาของพวกเาหลั่งรินจนเสื้อผ้าเปียกปอน ขอสาบานว่า พวกเขาทำการขอลุแก่โทษต่ออัลลอฮฺอย่างเดียวโดยไม่สนว่าผลนั้นจะเป็นเช่นใด

ครั้งหนึ่ง เมื่อมุอาวิยะฮฺ บินอบีซูฟยาน ได้กล่าวแก่ ฎิรอรฺ บินมุนีเราะฺฮฺ ว่า

"เจ้าจงบอกลักษณะของอาลีให้ฉันฟังซิ"

กิรอรฺ ถามว่า "ท่านคงอภัยให้ฉันนะขอรับ ?"

ท่านมุอาวิยะฮฺ "จงบอกมาซิ"

ฎิรอรฺขอความมั่นใจอีกว่า "หวังว่าท่านคงอภัยให้ฉันนะขอรับ ?"

ท่ามุอาวิยะฮฺรับรอง "เอาเถอะ ว่ามา"

ฎิรอรฺ กล่าว "ถ้าเช่นนั้น ขอสาบานได้เลยว่า ท่านอาลีนั้นเป็นบุคคลที่เคร่งครัดอย่างที่สุดเป็นคนที่มีความเข้มแข็งอย่างมาก พูดจากเด็ดขาดและปกครองด้วยความยุติธรรม เป็นผู้ที่มีความรู้รอบด้าน และถ้อยคำของท่านล้วนเป็นข้อคิดเตือนใจ

ท่านใช้ชีวิตที่เปล่าเปลี่ยวจากดุนยา และความสวยหรูของมันมียามราตรีกาลและความมืดเป็นเพื่อน ขอสาบานว่า ท่านเป็นบุคคลที่ร้องไห้บ่อยมาก และชอบใช้เวลาส่วนใหญ่ในการครุ่นคิดพิจารณามือทั้งสองมักกระทบกันอย่างครุ่นคิดและพูดกับตัวเอง

ท่านนิยมชมชอบการสวมใส่เพียงอาภรณ์ที่เนื้อผ้าหยาบกระด้าง ชอบทานอาหารราคาถูก

ขอสาบานว่า ท่านทำตัวเยี่ยงปุถุชนธรรมดาเช่นเราคนหนึ่ง

เมื่อเราถามสิ่งใด ท่านก็จะตอบ เมื่อท่านพบเรา ท่านจะเป้นผู้เริ่มทักทายเราก่อนเสมอ และหากเราเชิญ ท่านก็จะตอบรับคำเชิญทุกครั้ง ขอสาบาน ด้วยความใกล้ชิดของท่านและเราที่มีต่อกัน จนสามารถพูดจากันโดยไม่มีความหวาดกลัวใด ๆ แล้วเราก็มิได้แสดงความเคารพเพราะความยิ่งใหญ่ของท่านแต่อย่างใด แท้จริงในรอยยิ้มของท่านนั้น เหมือนดังไข่มุกที่ขาวแวววาว

ท่านให้เกียรติต่อนักการศาสนา และรักใครต่อบรรดาคนยากจน

ไม่เป็นคนที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ และไม่เคยทำร้ายคนอ่อนแอ

เมื่อความมืดเข้าปกคลุม จนกระทั่งดวงดาวเริ่มจางหายไป

แต่ท่านก็ยังคงยืนอยู่ที่ มิหฺรอม (ที่ยืนละหมาด) ของท่าน

อดหลับอดนอนอย่างเข้มแข็ง ร้องไห้อย่างผู้เศร้าโศก

ฉันเคยได้ยินท่านกล่าวว่า โอ้ ดุนยา โอ้ ดุนยา เจ้าท้าทายข้าหรือเย้ายวนข้ากันแน่...?

จงออกไปให้ห่าง และไปหลอกคนอื่นเถิด อายุของเจ้านั้นช่างสั้นการมีชีวิตอยู่ของท่านก็ช่างต่ำต้อย และอันตรายของเจ้านั้นช่างมหันต์ เสบียงก็มีน้อยและหนทางก็ยาวไกล ขณะที่การดำเนินชีวิตนั้นก็ช่างแสนเปล่าเปลี่ยวเหลือเกิน

เมื่อเล่าจบทันใดนั้น น้ำตาของท่านมุอาวิยะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮู ก็เอ่อไหลหลั่งรินออกมา จนกระทั่งเคราของท่านเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา สุดที่จะยับยั้งมันไว้ได้ พลางพยายามเช็ดน้ำตาด้วยมือ จนกระทั่งผู้พบเห็นทั้งหลายต่างก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปตาม ๆ กัน

ต่อมาท่านมุอาวิยะฮฺ จึงกล่าวขึ้นว่า

ขออัลลอฮฺทรงเมตตาแก่อบุลหะซัน (หมายถึงอาลี) ด้วยเถิด ฉันขอสาบานว่า เขาเป็นเช่นนั้นจริง ๆ

ความประเสริฐอันยิ่งใหญ่ของกิยามุลลัยลฺ

ท่านอะฏออฺ บินอบีเราะบาฮฺ (1) อธิบายถึงกิยามุลลัยลฺ ว่า

มันเป็นเสมือนสิ่งที่ให้ชีวิตชีวาแก่ร่างกาย และเป็นรัศมีในหัวใจ เป็นแสงสว่างบนใบหน้า ให้สายตานั้นมีพลังและอวัยวะทุกส่วนนั้นเข้มแข็ง แท้จริงหากผู้ใดลุกขึ้นปฏิบัติกิยามุลลัยลฺยามค่ำคืน ในเช้าวันใหม่เขาจะปิติเป็นสุข แต่หากเขานอนพลาดจากมัน เขาก็จะต้องเสียใจ และผิดหวังเสมือนหนึ่งว่า เขาได้พลาดจากสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดไป

ท่านอิบนุอับบาส ก็เคยกล่าวเช่นกันว่า

ผู้ใดที่ต้องการให้อัลลอฮฺให้เขาสามารถยืนหยัดอยู่ในวันกิยามะฮฺ (เพื่อการพิพากษา) อย่างง่ายดาย ดังนั้นจงให้อัลลอฮฺ ทรงเห็นเาก้มกราบอยู่ในความมืดของยามค่ำคืน ด้วยการระวังต่อวันอาคิเราะฮฺ และมุ่งมั่นต่อความเมตตาขององคฺ์อภิบาลของเขาเถิด

ซึ่งท่านอิบนุอับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮู มิใช่เป็นคนที่ตักเตือนผู้อื่นแต่ลืมตนเองแต่อย่างใดเลย ทว่าท่านเป็นบุคคลหนึ่งที่ปฏิบัติเช่นนั้นอยู่เสมอด้วยความมุ่งมั่นต่อพระองค์

ดังนั้น รายงานหนึ่ง จากท่านอับดุลลอฮฺ บินอะลีมะลีกะฮฺ กล่าวว่า

ฉันร่วมเดินทางกับท่านอิบนุอับบาส เราฎิยัลลอฮุอันฮู จากเมืองมักกะฮฺสู่เมืองมะดีนะฮฺ ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่หยุดลงพักในคืนนั้น ท่านก็จะใช้เเวลาครึ่งหนึ่งของค่ำคืนทำละหมาดกิยามุลลัยลฺ

เขาเล่าต่อว่า ครั้งหนึ่งท่านอัยยูบได้ถามเขา (อับดุลลอฮฺ) ว่า

ท่าน (อิบนุอับบาส) นั้น อ่านในเวลานั้นอย่างไร ?

เขากล่าวว่า ท่านอ่านอายะฮฺที่ว่า

"และอาการมึนงงแห่งความตายได้ปรากฏขึ้นอย่างประจักษ์แจ้ง และนั่นคือสิ่งที่เจ้าจะหลีกเลี่ยงจากมันไปไม่ได้ (2) และสังข์ฺจะถูกเป่าขึ้น นั่นคือวันแห่งการสัญญา" (3), (ซูเราะฮฺก็อฟ อายะฮฺที่ 19-20)

ท่านจะอ่านทีละวรรคอย่างช้า ๆ พลางร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย

อีกรายงานหนึ่งจากท่าน หัมมาด บินสะละมะฮฺ กล่าวว่า

ท่านษะบิต (4) เราะฎิยัลลอฮุอันฮู อ่านอายะฮฺ

"ท่านปฏิเสธต่อพระผู้ทรงสร้างท่านมาจากดิน แล้วจากอสุจิและพระองค์ทรงทำให้ท่านเป็นคนโดยสมบูรณ์กระนั้นหรือ ?" (ซูเราะอัลกะฮฺฟิ อายะฮฺที่ 37) ขณะที่ท่านละหมาดกิยามุลลัยลฺ โดยท่านจะอ่านย้ำแล้วย้ำเล่าและร้องไห้ไปด้วย

ดั่งกลอนอาหรับบทหนึ่งว่า :

"ด้วยสัญญาบุญ และสัญญาโทษของอัลกุรอาน

มันสามารถหักห้ามดวงตามิไให้หลับลง ในยามค่ำคืน

พวกเขาต่างเข้าใจต่อพระดำรัสแห่งผู้ทรงอำนาจ

ด้วยความเข้าใจที่ทำให้คอของเขาก้มกราบลงโดยจำนน"
....................

(1) อะฎออฺ บินอบีเราะบาฮฺ เกิดที่เยเมน เป็นฟากิฺฺฮฺ/มุฮัดดิษ, เติบโตที่มักกะฮฺและเป็นมุฟตีนั้น ถึงแก่กรรมปี 732

(2) คือ จะเกิดขึ้นอย่างแท้จริงซึ่งเจ้าเคยสงสัยและพยายามหลีกเลี่ยงมัน มีฮะดีษรายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮฺา กล่าวว่า มเื่อความตายได้เข้ามาครอบงำท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ท่านได้เอามือเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าของท่านแล้วกล่าวว่า "ซุบฮานัลลอฮฺ แท้จริงความตายนั้นมีอาการมึนงงอย่างแน่นอน"

(3) การเป่าสังข์แห่งการฟื้นคืนชีพ นั่นคือวันที่อัลลอฮฺทรงสัญญากับพวกกุฟฟารฺในการลงโทษ

(4) ษาบิต บินอัสลัม อัลบุรยานีย์, ชัยดุลอิสลาม, อัสัญกรรมปี ฮ.ศ. 127




.........................................................
(จากหนังสือ : เมื่อผู้ศรัทธาร้องไห้)

อับดุรเราะมาน บินอับดิลลาฮฺ อัลละอฺบูน : เขียน

นัศรุลลอฮฺ ต็อยยิบ : แปล

อดทน เพื่อชัยชนะ โพส








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น