อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สัญญาณก่อนวันสิ้นโลก (สงครามกับดัจญาล)



<<<<  สงครามกับดัจญาล>>>>

บางครั้ง การต่อสู้เพื่อสร้างโลกที่ดีกว่านั้นต้องการสิ่งที่มากไปกว่าการพิชิตตัวเองในทางด้านจิตวิญญาณและต้องอาศัยการจับอาวุธเพื่อปกป้องตนเอง ต้องการให้คนที่เรารักหรือประชาคมของเราจับอาวุธขึ้นต่อต้านผู้กดขี่ พระผู้เป็นเจ้าได้กำหนดให้เป็นหน้าที่สำหรับผู้ศรัทธาที่จะต้องลุกขึ้นต่อต้านผู้กดขี่เท่าที่จะสามารถทำได้ ผู้กดขี่ก็คือผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายของพระเจ้าและประหัตประหารคนอ่อนแอในสังคม แน่นอน ดัจญาลจัดอยู่ในประเภทนี้

อัลลอฮฺทรงรู้ว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ชอบการต่อสู้ เพราะมนุษย์กลัวการฆ่าหรือการทำร้ายผู้อื่นขณะเดียวกันก็กลัวว่าตัวเองจะถูกฆ่าหรือต้องพิกลพิการกลายเป็นภาระของครอบครัว เพราะเหตุแห่งการเสียสละอันยิิ่งใหญ่นี้แหละที่พระผู้เป็นเจ้าได้เตรียมรางวัลพิเศษไว้สำหรับผู้ที่ต่อสู้และตายในการรับใช้พระองค์ บรรดาผู้ที่พลีชีพในการต่อสู้กับดัจญาลจะได้รับรางวัลนี้ทุกคน

มันไม่ใช่ความเจ็บปวดทรมานทางด้านร่างกายที่จะเกิดขึ้นและเป็นตัวทำลายชีวิตในอนาคตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความตึงเครียดทางด้านจิตใจที่ไม่อาจเยียวยารักษาได้ในชั่วชีวิตด้วย แต่ด้วยสิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้คนที่ยืนหยัดเพื่อความยุติธรรมและสันติภาพในโลกนี้ได้รับการยกย่องคัมภีร์กุรอานได้กล่าวว่า : -

แท้จริง อัลลอฮฺได้ทรงซื้อชีวิตและทรัพย์สินทั้งหลายของบรรดาผู้ศรัทธาด้วยสวรรค์สำหรับพวกเขา พวกเขาต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ และพวกเขาฆ่าและถูกฆ่า สัญญานี้เป็นสัจจะที่แท้จริงของพระองค์ในเตารอตและอินญีลและกุรอาน และใครเล่าที่จะปฏิบัติตามสัญญาของเขาให้ครบได้ยิ่งไปกว่าอัลลอฮฺ ? ดังนั้น จงรื่นเริงในการแลกเปลี่ยนที่สูเจ้าได้ทำไว้กับพระองค์ และนั่นคือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ (กุรอาน 9 : 111)

คัมภีร์กุรอานยังได้กล่าวต่อไปอีกว่า : -

บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จะให้ฉันชี้แนะสูเจ้าถึงการค้าที่จะช่วยสูเจ้าให้พ้นจากการลงโทษอันเจ็บปวดไหม ? นั่นคือ สูเจ้าจะต้องศรัทธาในอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์และดิ้นรนต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺด้วยทรัพย์สินและชีวิตของสูเจ้า นั่นเป็นการดีกว่าสำหรับสูเจ้าถ้าหากสูเจ้ารู้

พระองค์จะทรงอภัยบาปของสูเจ้าและจะนำสูเจ้าไปสู่สวรรค์ซึ่งใต้นั้นมีแม่น้ำไหลผ่านและที่พำนักอันบรมสุขในสวนสวรรค์อันสถาพร นั่นคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่

และความจำเริญอื่น ๆ ทืี่สูเจ้ารัก การช่วยเหลือจากอัลลอฮฺและการพิชิตอันใกล้นี้ จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาเถิด บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงเป็นผู้ช่วยเหลืออัลลอฮฺเถิด แม้แต่อีซาบุตรของมัรฺยัมก็ยังกล่าวแก่บรรดาสานุศิษย์ว่า "ใครจะเป็นผู้ช่วยเหลือฉันยังอัลลอฮฺบ้าง ?" พวกเขากล่าวว่า "เราเป็นผู้ช่วยเหลือของอัลลอฮฺ" ดังนั้น ลูกหลานของอิสรออีลกลุ่มหนึ่งจึงเป็นผู้ศรัทธาเข้มแข็งกว่าศัตรูของพวกเขาและพวกเขาได้กลายเป็นผู้ชนตะ
(กุรอาน 61 : 10 - 14)

ความเข้มแข็งของความศรัทธาเป็นสิ่งจำเป็นในการที่จะเอาชนะอุปสรรคทางโลก ภาระหน้าที่สำคัญสำหรับบรรดาผู้ศรัทธาก็คือการต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ

ในโลกนี้ ผู้คนจะพิจารณาความสำเร็จจากความมั่งคั่งทางวัตถุที่พวกเาหามาได้ แต่ความมั่งคั่งเหล่านี้จะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อมันหามาได้ด้วยวิธีการที่ถูกต้องและถูกใช้ไปตามแนวทางของพระเจ้า แต่ถึงกระนั้นก็ตามคุณค่าของมันก็จำกัดอยู่แค่โลกนี้และในชีวิตสั้น ๆ เท่านั้น ส่วนรูปแบบของความมั่งคั่งที่ดีกว่านั้นอยู่ที่ความศรัทธาในพระเจ้าและในถ้อยคำของศาสนาทูตของพระองค์ซึ่งจะนำผู้ศรัทธาไปสู่การในหนทางของพระองค์

ในขณะที่เรามีคุณค่าแห่งโลกนี้ของเราเอง ความรู้อย่างแท้จริงที่ว่าอะไรผิดหรือถูกนั้น พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ดี บางครั้ง ในขณะที่ดัจญาลมานั้น เราอาจจะต้องประกาศต่อหน้าผู้คนว่าเราจะจงรักภักดีต่อฝ่ายใด การอยู่ฝ่ายพระเจ้าอาจทำให้เราต้องสูญเสียทรัพย์สินทางวัตถุของเราทั้งหมดและแม้แต่กระทั่งชีวิต แต่อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้พลีชีวิตในการรับใช้พระผู้เป็นเจ้านั้นไม่ได้ตาย แต่พระเจ้ากำลังจัดเตรียมรางวัลอันยิ่งใหญ่ไว้สำหรับเขาในชีวิตโลกหน้า คัมภีร์กุรอานกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า : -

"โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงขอความช่วยเหลือด้วยความอดทนและจงนมาซ แท้จริง อัล
ลอฮฺจะทรงอยู่กับบรรดาผู้อดทน และจงอย่าพูดว่าผู้ที่ถูกฆ่าในหนทางของอัลลอฮฺ "ตาย" หาใช่เช่นนั้นไม่ แท้จริง พวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่สูเจ้าไม่สามารถรับรู้ได้ต่างหาก

และเราทดสอบสูเจ้าด้วยบางสิ่งจากความกลัวและความหิว และการสูญเสียทรัพย์สินและชีวิตและพืชผล แต่จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้อดทน

และเราจะทดสอบสูเจ้าด้วยบางสิื่งจากความกลัวและความหิว และการสูญเสียทรัพย์สินและชีวิตและพืชผล แต่จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้อดทน

ผู้ที่เมื่อภัยพิบัติได้เกิดขึ้นกับเาแล้วพวกเากล่าวว่า "แท้จริง เราเป็นองอัลลอฮฺและยังพระองค์ที่เราต้องคืนกลับ" คนเหล่านี้แหละที่จะได้รับความจำเริญและความเมตตาจากพระผู้อภิบาลของพวกเา และพวกเขาเหล่านี้แหละที่จะได้รับการชี้ทางที่ถูกต้อง" (กุรอาน 2 : 153 - 157)

ข้อความจากอัลกุรอานดังกล่าวข้างต้นชี้ให้เห็นว่าอัลลอฮฺได้ประทานความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ถูกฆ่าในหนทางของบรรดาผู้ถูกฆ่าในหนทางของพระองค์ในความหมายทางโลก มนุษย์ถือว่าพวกเาได้ตายไปแล้วและไม่มีโอกาสที่จะได้รับความสุขในชีวิตแห่งโลกนี้ แต่อัลลอฮฺได้ทรงห้ามบรรดาผู้ศรัทธากล่าวเช่นนั้น พวกเขายังมีชีวิตอยู่ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถเข้าใจถุึงการดำรงอยู่ของเขาในขั้นตอนนี้ เมื่อบรรดาผู้ศรัทธาต้องประสบความทุกข์ยากและความเดือดร้อน พวกเขาถูกบัญชาให้ขอความช่วยเหลือด้วยความอดทนและนมาซต่อไป บนหนทางนี้มีการทดสอบระดับต่าง ๆ สำหรับบรรดาผู้ศรัทธามันอาจจะเป็นความน่าสะพรึงกลัว การขาดแคลนอาหารหรือมีการสูญเสียเกิดขึ้นในครอบครัว บรรดาผู้อดทนและยังคงศรัทธาตอ่พระเจ้าเท่านั้นคือคนที่ได้รับความสำเร้๗


คัมภีร์กุรอานยังได้กล่าวต่อไปว่า : -

ในขณะที่พวกเขานั่นอยู่ที่บ้าน พวกเขาจะกล่าวถึงพี่น้องพวกเขาว่า "ถ้าพวกเขาเชื่อฟังเรา พวกเขาก็อาจจะไม่ถูกฆ่า" จงบอกพวกเขาเถิดว่า "พวกท่านจงปัดความตายให้พ้นจากตัวพวกท่านไใ้ได้ถ้าหากพวกท่านเป็นผู้สัจจริง"

จงอย่าคิดว่าบรรดาผู้ถูกฆ่าในหนทางของอัลลอฮิตาย มิได้พวกเขายังมีชีวิตอยู่และได้รับปัจจัยยังชีพจากอัลลอฮฺ

พวกเขารื่นเริงในสิ่่งที่อัลลอฮิได้ทรงประทานความโปรดปรานแก่พวกเขาและพวกเขายินดีที่จะได้รัู้ว่าไม่มีสิ่งใดที่น่ากลังหรือน่าทุกข์ระทมสำหรับสำหรับผู้อยู่ข้างหลังและผู้ที่ยังไม่ได้มาเข้าร่วมกับพวกเขา

พวกเขายินดีที่ได้รับความการุณและความโปรดปรานจากอัลลอฮิ และอัลลอฮฺมิทรงทำให้รางวัลของผู้ศรัทธาได้รับความเสียหาย

สำหรับบรรดาผู้ที่สนองตอบต่อการเรียกร้องของอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ แม้แต่หลังจากได้รับความบาดเจ็บจะมีรางวัลอันยิ่งใหญ่สำหรับบรรดาผู้ที่กระทำความดีและสำรวมตนจากความชั่ว (กุรอาน 3 : 168 - 172)

ในข้อความกุรอานดังกล่าวข้างต้นนี้ได้มีการเปิดเผยให้เห็นถึงรางวัลตอบแทนสำหรับผู้พลีชีพในหนทางของอัลลอฮฺ บรรดาผู้ที่ก้าวผ่านไปยังอีกขั้นตอนหนึ่งของการมีชีวิตนั้นอยู่ในขั้นตอนที่สูงกว่าขัั้นตอนที่พวกเขาทิ้งไว้ข้ารงหลัง ตาเนื้อของมนุษย์จะมองเห็นวัตถุบนโลกนี้เท่านั้น แต่จะไม่สามารถมองเห็นอะไรที่อยู่พ้นขอบเขตอันจำกัดไปได้ พวกเขาไม่รู้ถึงขั้นตอนที่สูงกว่าของชีวิต แต่ผู้พลีชีวิตเหล่านี้ไปถึงขั้นตอนของชีวิตที่เป็นจริงในแผนการสร้างสรรค์ของอัลลอฮฺมากกว่าชีวิตที่ต้องตายในโลกนี้

ยิ่งไปกว่านั้น คัมภีร์กุรอานยังได้พูดถึงสภาวะจิตใจของผู้ที่พลีชีพในหนทางของอัลลอฮฺด้วยว่าพวกเขามีคีวามเบิกบาน ได้ใช้ชีวิตที่มั่นคงอย่างมีความสุขในความโปรดปรานของพระเจ้า พวกเามีึความสุขแทนคนที่อยู่ข้างหลังเพราะพวกเขาไม่มีอะไรต้องทำให้ระทมทุกข์อีกต่อไปแล้ว พวกเขาจะมีความสุขที่คนที่พวกเขารักได้รับเกียรติให้เป็นผู้พลีชีวิตในหนทางของอัลลอฮฺและได้รับเกียรติทางด้านจิตวิญญาณอันสูงส่งที่ยากจะไปถึงด้วยวิธีอื่น

หนึ่งในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิตแห่งโลกนี้ก็คือการยืนหยัดเพื่อหลักการแห่งความดี สิ่งที่อยู่เหนือความดีทั้งหมดกก็คือการศรัทธาในพระเจ้าและรอซูลของพระองค์ หลังจากนั้นก็ต่อสู้ในหนทางของพระองค์และสร้างความมั่นคงและความยุติธรรมแก่มนุษยชา่ติทั้งมวล

คัมภีร์กุรอานกล่าวว่า : -

"จงออกไปเถิดไม่ว่าจะอาวุธเบาหรืออาวุธหนัก และจงดิ้นรนต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺด้วยทรัพย์สินและชีวิตของสูเจ้เา นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสูเจ้า ถ้าหากสูเจ้ารู้

โอ้ นบี ถ้าหากว่ามีช่องทางที่จะได้สิ่งตอบแทนและการเดินทางที่ง่าย แน่นอน พวกเขาก็พร้อมที่จะตามเจ้า แต่ทว่าการเดินทางนี้ดูยากลำบากสำหรับพวกเา พวกเขายังสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺและกล่าวว่า 'ถ้าพวกเราสามารถออกไปได้ เราจะออกไปกับท่านอย่างแน่นอน' แต่พวกเากำลังทำลายตัวของพวกเขาเอง เพราะอัลลอฮฺทรงรู้ดีว่าพวกเขาเป็นผู้โกหก

โอ้ นบี ขออัลลอฮฺทรงให้อภัยเจ้า ทำไมเจ้าถึงได้ยอมให้พวกเขาอยู่ข้างหลัง ? ทั้งนี้เพื่อที่เจ้าจะได้กระจ่างชัดว่าคนไหนของพวกเขาที่พูดจริงและจะได้รู้ว่าคนไหนของพวกเขาเป็นผู้โกหก

เพราะบรรดาผู้ศรัทธาในอัลลอฮฺและวันสุดท้ายนั้นจะไม่ขอให้ยกเว้นพวกเาจากการทำญิฮาดด้วยทรัพย์สินและชีวิตของพวกเขา อัลลอฮฺทรงรู้ดีถึงผู้ที่เกรงกลัวพระองค์" (กุรอาน 9 : 41 - 44)

การญิฮาดที่แท้จริงก็คือการพิชิตตัวเองและยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า บางครั้งมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ปฏิบัติการทางทหารซึ่งบางคนอยู่ใกล้และง่ายที่จะปฏิบัติ แต่สำหรับบางคนก็ยังอยู่ไกลและยากที่จะเตรียมตัว แต่ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม ผู้ศรัทธาได้ถูกบัญชาให้ต้องต่อสู้ในทั้งสองสถานการณ์ไม่ว่าจะในยามที่ต้องโจมตีศัตรูด้วยอาวุธหนักหรืออาวุธเบา บางครั้งการเดินทางที่ไกลและเป็นอันตรายอาจทำให้ความศรัทธาอ่อนแอลง แต่อัลลอฮฺได้ทรงบัญชาผู้ศรัทธาให้ต่อสู้ด้วยทรัพย์สินและชีวิต ดังนั้น แค่มีส่วนด้วยการช่วยเหลือทางด้านทรัพย์สินอย่างเดียวจึงยังไม่พอเพียง การต่อสู้ทั้งด้วยชีวิตและทรัพย์สินไปพร้อม ๆ กันจะมีประสิทธิภาพมหาศาลกว่า ในสมัยของท่านนบีมุฮัมมัด (ขอความสันติจงมีแด่ท่าน) บางคนที่ยังมีความสงสัยในหัวใจได้แก้ตัวเพื่อจะไม่ออกไปต่อสู่้ในสงคราม แต่อัลลอฮฺได้ทรงบัญชาผู้ศรัทธาในอัลลอฮฺและวันสุดท้ายให้ออกไปต่อสู้โดยดี ดังที่เราเข้าใจกันดีว่ามีวิกฤติการณ์หลายครั้งเกิดขึ้นที่ทำให้ต้องมีการระดมกำลังและทุกคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินต้องถูกเกณฑ์ไปเป้นทหาร แต่การญิฮาดในกรณีนี้ไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ เป็นที่ยอมรัม

ต่อไปนี้เป็นฮะดีษที่เกี่ยวกับการญิฮาด : -

อับดุลลอฮฺ บินมัศอูดได้เล่าว่า : ฉันได้ถามท่านรอซูลุลลอฮฺว่า อะไรเป็นการงานที่ดีที่สุด ? ท่านได้ตอบว่า "การนมาซในตอนต้นเวลาที่ได้ถูกกำหนดไว้" ฉันได้ถามต่อไปว่า "อะไรอีกที่อยู่ในความดี ?" ท่านได้ตอบว่า "การทำดีและปฏิบัติหน้าที่ต่อพ่อแม่ของท่าน" ฉันได้ถามต่อไปอีกว่า "อะไรอีกที่เป็นความดี ?" ท่านได้ตอบว่า "การเข้าร่วมในการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ" ฉันไม่ถามอะไรท่านอีกต่อไป เพราะถ้าหากฉันถามท่านอีก ท่านอาจจะไม่บอกอะไรมากไปกว่านี้ (บันทึกอยู่ในฮะดีษของบุคอรี)

ยังมีฮะดีษอื่นเกี่ยวกับการญิฮาดอีกว่า : -

ท่านรอซูลุลลอฮฺได้กล่าวว่า "ไม่มีการฮิจญ์เราะฮฺ (กล่าวคือ การอพยพจากมักกะฮฺไปยังมะดีนะฮฺ) หลังจากการพิชิตมักกะฮฺ แต่ญิฮาดและเจตนาดียังคงมีอยู่ ถ้าหากพวกท่านถูกเรียกให้ไปต่อสู้ จงออกไปในทันที" (ฮะดีษนี้เล่าโดย อิบนุ อับบาส และมีบันทึกอยู่ในฮะดีษของบุคอรี)

ฮะดีษดังกล่าวนี้อธิบายว่าผลทางด้านจิตวิญญาณที่ได้จากการอพยพออกจากมักกะฮฺไปยังมะดีนะฮฺอันเนื่องมาจากการถูกกดขี่ข่มเหงนั้นเป็นที่สิ้นสุดแล้ว แต่ผลของการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺยังคงมีอยู่ต่อไป

ท่านรอซูลุลลอฮฺได้กล่าวว่า "คนที่ดีที่สุดก็คือผู้ศรัทธาที่ดิ้นรนต่อสู้อย่างถึงที่สุดในหนทางของอัลลอฮฺด้วยชีวิตและทรัพย์สินของเขา" (ฮะดีษนี้มีบันทึกอยู่ในบุคอรี)

จากฮะดีษนี้ทดำให้เราทราบว่าผู้ศรัทธาที่แท้จริงคือ ผู้ทำหน้าที่รับใช้พระผู้เป็นเจ้าอยู่ตลอดเวลา แน่นอน พันธกรณีของพวกเขาจึงต้องการความตื่นตัวทางด้านความคิดและจิตใจ การวางแผนเพื่อรักษาสมดุลแห่งความดีและความสันติบนโลกเป็นอย่างมาก

ท่านรอซูลุลลอฮฺได้กล่าวว่า : "ความพยายามในหนทางของอัลลอฮฺเพียงครั้งหนึ่งในหนทางของอัลลอฮฺไม่ว่าจะในตอนเช้าหรือตอนบ่ายนัั้นดีกว่าโลกและทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น" ฮะดีษนี้รายงานจากอานัส บินมาลิก และมีบันทึกอยู่ในรวมฮะดีษของบุคอรี

ฮะดีษดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นว่าในทัศนของอัลลอฮฺ รูปแบบทางวัตถุบนโลกนีั้ไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับชีวิตโลกหน้า ทั้งนี้เนื่องจากโลกนี้และสิ่งที่อยู่ในนั้นมีกำหนดเวลาของชีวิต แต่โลกหน้าเป็นสถานที่บรมสุขอันสถาพรและญิฮาดก็เป็นพาหนะที่จะนำเราไปยังสถานที่แห่งนั้น

..............................................................
(จากหนังสือ : สัญญาณก่อนวันสิ้นโลก)
เชค มะฮฺมูด เอช. รอชีด : เขียน
บรรจง บินกาซัน : แปล
อดทน เพื่อชัยชนะ โพส





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น