<<<< นบีอีซาเผชิญหน้าดัจญาล >>>>
ในขณะที่ดัจญาลตั้งค่ายพักอยู่ที่นอกเมืองมะดีนะฮฺและคอยจับคนที่หนีออกจากเมืองเพราะแผ่นดินไหวอยู่นั้น มะฮฺดีได้เคลื่อนกำลังไปยังดามัสกัสซึ่งท่านเตรียมไว้เพื่อเป็นที่มั่นป้องกัน ดัจญาลจะยกกำลังของมันไปโจมตีมะฮฺดีที่นั่น
ในตอนนี้เองที่นบีอีซาจะกลับมายังโลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่งอย่างปาฏิหาริย์พร้อมกับมลาอิกะฮฺสององค์ มีฮะดีษของท่านนบีมุฮัมมัด (ขอความสันติจงมีแด่ท่านฉ กล่าวว่า : "ขอสาบานด้วยพระองค์ผู้ที่วิญญาณของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ อีซาบุตรของมัรฺยัมะลงมาในหมู่พวกท่านและจะตัดสินมนุษย์โดยกฎหมายของกุรอานในฐานผู้ปกครองที่ยุติธรรม" (รายงานจากอบูฮุร็อยเราะฮฺ) ฮะดีษยังได้กล่าวต่อไปว่านบีอีซาจะปฏิบัติหน้าที่บางอย่างซึ่งถูกกล่าวไว้เป็นสัญลักษณ์ แต่เป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้ผู้่คนเข้าใจศาสนา ฮะดีษนี้ย้ำว่านบีอีซาจะปฏิบัติตามแนวทางการดำเนิินชีวิตที่สอดคล้องกับโลกวัตถุและการพัฒนาทางด้านจิตวิญญาณ
ในตอนที่นบีอีซากลับมายังโลกนี้ การปกครองของดัจญาลได้ทวีความน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงขีดสุดแล้ว ดัจญาลจะนำห้องทรมานเคลื่อนที่ไปกับมันทุกแห่งเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้ที่ต่อต้านมัน ทั้งโลกจะอยู่ในสภาพที่สิ้นหวังและปั่นป่วนสับสน นบีอีซาจะมาเป็นผู้นำกองกำลังต่อต้านดัจญาล การต่อสู่้จะเป็นไปอย่างรุนแรงเกินกว่าที่เราจะนึกคิด แน่นอนกองทหารส่วนใหญ่ของนบีอีซาจะถูกฆ่้า การต่อสู้ไม่เียงแต่จะใช้อาวุธที่มีอยู่ในยุคนั้นเท่านั้น แต่ยังใช้พลังเหนือธรรมชาติที่แต่ละฝ่ายนึกไม่ถึงด้วย
ดังนั้น ทั่วโลกจะถูกครอบคลุมไปด้วยความน่าหวาดกลัว ความตายและการทำลายล้าง อย่างไรก็ตาม ในที่สุด กองกำลังของนบีอีซาถึงแม้ว่าจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่ก็จะได้เปรียบ อำนาจทางด้านจิตวิญญาณของนบีอีซาจะได้รับชัยชนะ ดัจญาลจะถูกบีบให้ต้องล่าถอยจนกระทั่งในที่สุดการทำสงครามครั้งสุดท้ายจะมีขึ้นที่กรุงเยรูซาเล็ม ในการทำสงครามครั้งสุดท้ายนี้ ดัจญาลจะถูกฆ่าและกองกำลังของมันจะได้รับความพ่ายแพ้ หลังจากสงครามสิ้นสุดแล้วก็จะมีการพิจารณาไต่สวนการทำสงครามโดยนบีอีซาจะทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษาด้วยความยุติธรรมและความเมตตา
มะฮฺดีจะเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้นำโลกชั่วคราว การปกครองของมะฮฺดีมีเวลานานประมาณ 7 - 9 ปี หลังจากนั้น ท่านก็จะเสียชีวิตเหมือนกับคนทั่วไปและนบีอีซาจะมาเป็นผู้นำในการวิงวอนของพรให้แก่ศพของท่าน
นบีอีซาถึงแม้จะเป็นมนุษย์คนหนึ่ง แต่ก็ได้รับอำนาจปาฏิหาริย์จากพระเจ้ามาตั้งแต่เกิดดังที่ได้กล่าวไว้ในคัมภีร์กุรอาน เช่น ท่านสามารถพูดได้ตั้งแต่อยู่ในเปล สามารถรักษาคนป่วยและคนตาบอด สามารถทำให้นำที่ปั้นจากดินมีชีวิต สามารถทำให้คนตายฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง สามารถมองเห็นสถานที่ที่คนซ่อนสิ่งใดไว้และสามารถเห็นอะไรซุกซ่อนในร่างกายของผู้คน ด้วยการใช้พลังอำนาจเหนือธรรมชาติเหล่านี้เองที่นบีอีซาสามารถทำให้ดัจญาลต้องประสบความพ่ายแพ้ อำนาจเหล่านี้มิใช่เป็นของนบีอีซา แต่เป็นอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าที่พระองค์ทรงประทานแก่ท่าน
ช่วงเวลาชีวิตของดัจญาลได้ถูกอธิบายไว้ด้วยคำพูดที่เป็นปริศนาว่าเป็นเวลา 40 วัน ความเข้มแข็งของดัจญาลจะตกต่ำตามวันเวลาที่หมดไป "วันแรกมีระยะเวลาหนึ่งปี ระยะที่สองจะเป็นเวลาหนึ่งเดือน ระยะที่สามจะเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์และหลังจากนั้นแต่ละวันก็จะเป็นเวลาตามปกติ"
สาวกของท่านนบีมุฮัมมัด (ขอความสันติจงมีแด่ท่าน) ได้ถามว่า การนมาซที่มุสลิมปฏิบัติในหนึ่งวันจะพอเพียงสำหรับวันอันเป็นปริศนาที่มีช่วงเวลาเป็นปีหรือไม่ ท่านนบีได้ตอบว่าการปกิบัตินมาซโดยปกติในหนึ่งปีจะต้องปฏิบัติในวันนั้นโดยการประมาณถ้าหากจำเป็น
หลังจากที่ดัจญาลพ่ายแพ้แล้ว นบีอีซาจะใช้เวลาไปกับการเยียวยารักษาความแตกแยกที่เกิดขึ้นระหว่างประชาคมมนุษย์ ท่านจะขจัดอุปสรรคต่าง ๆ ที่กีดขวางมนุษย์มิให้เคารพภักดีอัลลอฮฺและจะสร้างกฎหมายของพระองค์ขึ้นมาในลักษณะที่ผู้คนทั้งหมดจะเข้าใจและยอมรับกฎหมายของพระองค์ ดังนั้น ประชาคมมนุษย์จะอยู่ภายใจ้การปกครองและความศรัทธาอย่างเดียวกัน
มีสัญญาณหลายอย่างที่จะทำให้คนรู้ว่าใครคือนบีอีซาเมื่อตอนที่ท่านมายังโลกนี้ เช่น ใบหน้าของท่านจะเปล่งประกายรัศมีแห่งความสันติและความสงบสุขซึ่งจะเป็นที่ประทับใจแก่ผู้ที่มาใกล้ชิดติดต่อกับท่าน ลมหายใจของท่านถูกกล่าวไว้เป็นปริศนาว่าจะเป็นเหมือนยาถอนพิษสำหรับโรคดัจญาล มันจะทำให้อำนาจของดัจญาลค่อย ๆ หมดไปและจะทำให้ทหารของมันต้องถอยหนีไป ในขณะเดียวกันมันก็จะให้ความเข้มแข็งแก่พลังแห่งความดีและดลบันดาลความรักและความสันติให้แก่พวกเขา
...........................................
(จากหนังสือ : สัญญาณก่อนวันสิ้นโลก)
เชค มะฮฺมูด เอช. รอชีด : เขียน
บรรจง บินกาซัน : แปล
อดทน เพื่อชัยชนะ โพส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น